เมยาวีใช้ชีวิตอยู่ด้วยความอึดอัด เธอไม่รู้ว่าวันไหนเขาจะเข้าห้องมาหา เธอแอบรอทุกวัน ไม่สิ! เธอตื่นเต้นที่จะได้เจอเขาทุกวัน แต่เหมือนว่าหลัง ๆ มานี้แทบจะไม่ได้เจอหน้า
เช้านี้เธอกำลังเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยเหมือนทุกวัน
พลั่ก!
ประตูห้องนอนเขาเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่ดูเหมือนว่าเพิ่งตื่นนอน
“เอารถคันเล็กไปใช้”
เขายื่นกุญแจรถมาให้
“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ คือเพื่อนของ...เมย์ ที่มหา’ ลัย คิดว่าเมย์ไม่มีเงิน อยู่ ๆ เอารถของพี่ไปเขา จะหาว่า...”
เมยาวีนึกถึงรถมินิคูเปอร์ราคาหลักล้านของเขา..ใจจริงก็อยากขับอยู่หรอกนะ แต่ว่า...
“กลัวคนอื่นหาว่ามีเสี่ยเลี้ยง?”
กวินทร์หรี่ตาจ้องหน้าคนตัวเล็กกว่าอย่างรู้ทัน
“เอ่อ คือว่า....”
เมยาวีก้มหน้าหลบสายตา เพราะเธอพูดไม่ออก เนื่องจากเขาพูดออกมาช่างแทงใจดำและตรงกับความคิดเธอทุกอย่าง ราวกับว่ามานั่งอยู่ในใจ เขาฉลาดหรือเจ้าเล่ห์กันแน่
สำหรับเมยาวีแล้วทั้งสองอย่าง
"เดี๋ยวพี่จะไปส่ง..."
น้ำเสียงเขานุ่มขึ้นและ...แทนตัวเองว่า พี่ ทำให้เมยาวีรีบถกคอขึ้นมองหน้าหล่อ ๆ ของเขาอย่างแปลกใจ กวินทร์ยืนอยู่ตรงหน้าเขาใส่ชุดเสื้อยืดสีเทาเก่า ๆ กับกางเกงวอร์มสบาย ๆ ต่างจากความเคร่งขรึมในชุดทำงานวันปกติ แต่ดวงตาคมกริบคู่นั้นยังคงทอประกายเย็นชา นิ่ง อารมณ์เดียวตลอด เมยาวีแอบถอนหายใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ เมย์ไปเองได้"
เมยาวีรีบตอบปฏิเสธทันที ไปได้ที่ไหนกัน ถ้าเพื่อนเธอเห็นคงได้นั่งตอบคำถามทั้งวัน เพราะไม่มีใครรู้ว่าเธออาศัยอยู่กับพี่ชายไม่แท้แถมหล่อมากคนนี้
กวินทร์เลิกคิ้วสูง ความนุ่มนวลเมื่อครู่หายวับไปทันที
"อย่าทำตัวดื้อ"
น้ำเสียงเขากลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง
"พี่บอกว่าจะไปส่ง ก็คือไปส่ง เธอคิดว่าการเดินออกหาแท็กซี่ในตอนสายแบบนี้มันง่ายเหรอ?"
"เมย์ก็ไม่ได้เป็นคุณหนูที่ต้องให้ใครขับรถไปรับไปส่ง เมย์ไม่อยากรบกวนพี่กวินทร์ค่ะ"
ใบหน้าหล่อเหลาของกวินทร์แข็งกระด้างขึ้นทันใด เขาย่ำเท้าเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วจนเมยาวีต้องผงะถอยหลังอีกครั้ง แรงดึงดูดบางอย่างจากเขาทำเธอแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ทุกครั้ง
หัวใจเต้นแรง!
"ต่อไปนี้! เธอต้องอยู่ในสายตาของพี่ทุกก้าว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ทำตัวไม่ดีอีก จะเชื่อฟังดี ๆ หรือไม่ หรือต้องให้นายพีทมาบอกเอง"
กวินทร์ก้มตัวลงมาเล็กน้อย ใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟจ้องมองเธอ
“พี่พูดอะไรกับพี่พีท?”
เมยาวีถามอย่างร้อนรน ทว่า กลับยิ่งทำให้มุมปากของเขากระตุกขึ้นอย่างเยาะหยัน จุดอ่อนของเธอคือพีทวันยังค่ำ
"ยังไม่พูดตอนนี้หรอก มันขึ้นอยู่กับการกระทำของเธอด้วย หรือลืมไปแล้วว่าเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่"
กวินทร์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องหาข้ออ้างมาขู่ แค่คำว่าเป็นห่วงจากปากทำไมเขาไม่กล้าพูด เห้อ ก็หล่อนดื้อเสียเหลือเกิน
เมยาวีรู้สึกเจ็บจี๊ดกับคำพูดของเขาเพราะเขาทำเหมือนเธอเป็นสิ่งของที่เขาซื้อมาแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิคะว่าอยากให้ใช้หนี้วันไหนจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำเรื่องที่ไม่จำเป็นแบบนี้!"
เธอตอบโต้กลับด้วยความน้อยใจผสมความเจ็บปวดนิด ๆ ที่เริ่มจะไม่นิดเท่าไหร่
กวินทร์ชะงักไปเล็กน้อย ปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างอดทน
"นี่เธออยากให้พี่ใช้สิทธิ์นักหรือไง?"
"ค่ะ! อยากให้ใช้ให้มันจบ ๆ ไป เมย์จะได้เอาศักดิ์ศรีของเมย์กลับคืนมา!"
เมยาวีเชิดหน้าสู้ พยายามซ่อนความสั่นไหวในน้ำเสียงและสายตา
กวินทร์จับที่ต้นแขนของเธอเบา ๆ แต่แน่นพอที่จะไม่ให้หญิงสาวสะบัดให้หลุดได้ง่ายๆ
เขาดึงเธอให้เข้ามาใกล้จนร่างกายทั้งคู่แทบจะแนบชิด เมยาวีได้กลิ่นกาแฟและโคโลญจน์ของเขาที่เธอเริ่มจะคุ้นเคย หัวใจของเธอกำลังเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
"ถ้าฉันใช้สิทธิ์ของฉันตอนนี้... เธอจะรับไหวเหรอยัยเด็กดื้อ" น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบอยู่ข้างหู มันแฝงความรู้สึกที่ทำให้เธอร้อนผ่าวไปทั้งตัว
เมยาวีพยายามรวบรวมสติทั้งหมด
"ทำไมจะรับไม่ไหวคะ! ก็แค่... แลกเปลี่ยน"
กวินทร์ผละออกเล็กน้อย จ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความท้าทายของเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปากอย่างมีชัย
"ดี! งั้นวันนี้ก็ไปกับฉัน"
เขาไม่รอคำตอบ เขาคว้ากระเป๋าเป้ของเธอแล้วเดินนำออกไปทันที
‘จำไว้นะกวินทร์ ทุกอย่าง มึงทำเพื่อเพื่อนของมึง’
กวินทร์เอ่ยกับตัวเองในใจเบา ๆ ทุกอย่างที่แสดงออกไป ทั้งความเย็นชาและปากร้าย ล้วนเป็นความรู้สึกห่วงใยที่ฝังอยู่ข้างในทั้งนั้น เขาไม่ได้อยากร้ายกับเธอจริง ๆ
ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัย ในรถเต็มไปด้วยความตึงเครียด เมยาวีเลือกที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง พยายามทำเหมือนว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่มีตัวตน
"เธอเรียนสาขาอะไร?"
กวินทร์ทำลายความเงียบขึ้นมาโดยไม่มองหน้า
"บริหารธุรกิจ สาขาบัญชีค่ะ" เมยาวีตอบสั้น ๆ
"ดี... เหมาะสมกับคนชอบคำนวณเงิน"
เมยาวีกัดริมฝีปากแน่น
"ค่ะ เมย์ชอบคำนวณเงิน แม้แต่ตัวเอง..ถ้าได้เงินมาเมย์ก็ไม่รีรอที่จะขาย"
เธอเน้นคำสุดท้ายอย่างประชดประชัน ที่เขาเอาแต่พูดจาดูถูกเธอ
กวินทร์เหยียบเบรกจนรถเกือบจะหยุดกลางถนน แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเธอด้วยสายตาที่ ดุดันกว่าครั้งไหน ๆ
"เธอกำลังท้าทายพี่อย่างนั้นเหรอ!"
เขาตวาดเสียงต่ำ
"ที่ไม่ให้เธอทำงานที่บาร์เพราะมันอันตราย และถ้าพี่ชายเธอรู้เข้า พีทมันจะเสียใจแค่ไหน!"
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงความโกรธออกมาอย่างเปิดเผย
"แต่... พี่กวินทร์ก็เป็นคนพูดเองว่า..."
"ฉันพูดเพื่อให้เธอคิด..."
กวินทร์แทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับไปจับพวงมาลัย แล้วขับรถออกไปด้วยความเร็วที่สูงขึ้น
เมยาวีมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาที่ยังคงเคร่งขรึม เธอสัมผัสได้ถึงความสับสนวุ่นวายภายในใจของเขาความรู้สึกบางอย่าง ที่ เมยาวีเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร
เขาขับรถเข้าไปจอดในมหาวิทยาลัยตรงจุดที่ใกล้ตึกเรียนมากที่สุด ก่อนจะดับเครื่องยนต์
"ลงไปเรียนซะ"
กวินทร์พูดพร้อมกับหันมามองเธอ แล้วยื่นบัตรเครดิตสีดำของเขามาให้
"เอาไป"
"อะไรคะ?"
"เอาไปรูดซื้อทุกอย่างที่จำเป็น จะได้ไม่ต้องไปหาเงินแบบแปลก ๆ"
"เมย์ไม่รับค่ะ"
เมยาวีปฏิเสธทันที
"เมย์รับเงินจากพี่พีทก็จริง แต่กับพี่กวินทร์... เมย์ได้มาเยอะมากพอแล้ว"
กวินทร์ยิ้มหยันออกมาอีกครั้ง
"กลัวพี่คิดว่าเธอเห็นแก่เงิน? ซึ่งความจริง เธอก็รับเงินแสนของพี่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ"
"นั่นก็เพราะ... เมย์จำเป็นต้องเอาค่าเทอมไปจ่ายค่ะ" เมยาวีก้มหน้าลง
กวินทร์โน้มตัวมาใกล้ มือหนาของเขาจับปลายคางของเมยาวี แล้วบีบมันเบา ๆ อีกครั้ง สัมผัสที่ทำให้เธอรู้สึกราวกับไฟฟ้าช็อต
"ก็คิดซะว่านี่คือสวัสดิการจากเสี่ยคนนี้ก็แล้วกัน"
เขาปล่อยมือออกแล้วเดินลงไปเปิดประตูรถให้เธอลง เมยาวีมองบัตรเครดิตในมือที่เขาเพิ่งวางใส่มือเธออย่างเหม่อลอย มันเป็นเพียงบัตรพลาสติก แต่สำหรับเธอมันคือเครื่องพันธนาการที่ทำให้เธอไม่สามารถเป็นอิสระจากเขาได้เลย
"จะมารับตอนเลิกเรียน ถ้าเธอกลับเองโดยไม่บอกก่อน... คืนนี้พี่จะไปหาเธอที่ห้อง"
คำขู่ของเขาทิ้งท้ายไว้ก่อนที่เธอจะปิดประตูรถ
เมยาวีได้แต่ยืนนิ่ง มองรถสปอร์ตคันหรูที่แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว หัวใจของเธอกำลังสั่นสะท้าน เธอกำลังรู้สึกกลัว กลัวหัวใจตัวเองมันจะรู้สึกกับเขาไปมากกว่านี้ คนอย่างกวินทร์อันตรายเกินกว่าที่จะรู้สึกอะไรด้วย พี่พีทเคยบอกว่ากวินทร์ไม่ได้เจ้าชู้แต่ก็ทำให้ผู้ร้องไห้มานักต่อนัก เขาไม่เคยรับรักใคร ไม่เคยแม้แต่ปรายตามองด้วยซ้ำ! เขาเป็นพวกคนไร้หัวใจรัก ถ้าเผลอใจไปรัก มีแต่ต้องเจ็บกับเจ็บเท่านั้น
เมยาวีย้ำเตือนตัวเองอย่างหนัก พยายามสลัดภาพใบหน้าของเขาทิ้งไปจากในหัว ถึงแม้จะไม่สำเร็จก็ตาม ร่างเพรียวรีบพาตัวเองเดินตรงไปยังตึกเรียนทันทีราวกับกำลังวิ่งหนีก็หัวใจตัวเองที่วิ่งไล่ตามมาติดๆ