EPISODE 4 : Dollar Bills

1618 Words
“เรียกแค่ชื่ออีกแล้วนะ.. เรียกว่าแดดดี้ไม่ดีกว่าหรอ” “ไหนเรียกซิ ..แดดดี้น่ะ” หน้าผมยังร้อนผ่าวไม่หยุด ต่อให้เอาตัวเองออกมาจากห้องของเขาแล้วก็ตาม ผมเอาแต่เดินเงียบมาตลอดทางระหว่างที่มีการ์ดตัวใหญ่คอยประกบข้างมาด้วย เอาจริงคือคลับที่นี่มันโคตรสุด นอกจากเพลงอีดีเอ็มจังหวะจะมันส์จัดจนผมเกือบจะออกสเต็ปขาโจ๋หน้าเวทีไปหนึ่งแมทช์ ผมกับเขาก็ออกมาที่ลานจอดรถ หัวโล่ง หูหายอื้อ แต่ตายังลายกับภาพความเซ็กซี่ของหญิงสาวในคลับไม่หาย มันสุดยอดตรงที่มีฟอร์ชั้นสองให้โยกย้ายกันเต็มที่ มันเหมือนเป็นสถานที่เพื่อมาดื่ม มาสังสรรค์ มาปลดปล่อย ทุกคนดูสุดเหวี่ยงจนผมละสายตาไม่ได้เลย แต่สุดท้ายงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา ต่อให้หัวผมตอนนี้ยังหนักอึ้งอยู่เพราะวอดก้ามาร์ตินี่แผงฤทธิ์ แต่ยังไงก็ต้องกลับไปนอนห้อง เพราะสายตาเจ้าของคลับที่นี่ไม่น่าไว้วางใจอย่างมาก “ที่จริงผมกลับ..” ผมที่กำลังจะหันกลับไปพูดกับภาคชวินทร์ ค่อยๆ หุบริมฝีปากตัวเองลงทันทีกับภาพของรถตรงหน้า Mercedes-Benz AMG จอดเด่นหราอยู่ตรงหน้าผม ความสวยของมันเตะตาผมปังใหญ่ เพราะสีที่ดูดุดันรวมถึงดีไซน์ในแบบที่ผมชอบ ต่อให้จอดแบบไม่ต้องได้ยินเสียงรถก็รู้สึกหลงรักแล้วว่ะ รถในฝันของใครหลายคน แล้วผมก็ได้แต่ฝันถึงมันแล้วอ้าปากค้างมองเจ้าของรถตัวจริงเดินผ่านตัวผมไป พร้อมกับเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้ เขาหันไปพยักหน้ากับการ์ดสองคนที่เดินตามมา ให้เหลือทิ้งไว้แค่เราสองคนกับผมที่ยังคงเห็นประโยคแดดดี้นั่นลอยอยู่ในหัวทุกครั้งที่เผลอสบนัยน์ตาสีหม่นเข้า ผมแอบเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้ม ก่อนขึ้นรถแอบใช้นิ้วแตะลงบนฝากระโปรงรถทีนึง พอเข้ามานั่งข้างในก็ดี๊ด๊าแต่ออกหน้าออกตามากไม่ได้ เก็บอาการไว้ด้วยการนิ่งเฉยเมื่อเขาเดินขึ้นมานั่งบนรถ ภายนอกว่าสวยแล้วพอผมได้เข้ามานั่งข้างในมันสวยกว่าเดิมอีก อยากจะเอามือสำรวจมากกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าจะถูกเจ้าของรถตัวจริงเขาดุเอา ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้ดูซีเรียสเรื่องนี้มากก็ตาม เขาจัดการปักหมุดบนหน้าจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า พลางชำเลืองสายตามองผมแล้วยกยิ้มมุมปาก เป็นท่าบริหารเสน่ห์ที่ดูทรงแล้วมันคงเข้ากับแค่ภาคชวินทร์เพียงคนเดียว ผมยกมือขึ้นเกาะกระจกรถเหมือนลูกหมา ตื่นเต้นเวลาที่รถเคลื่อนตัวออก สายตาเหลือบมองซันรูฟด้านบนเห็นท้องฟ้าสีหม่นในยามค่ำคืนพอดิบพอดี “โห ที่นี่โคตรสุด” ผมพูดแล้วหันกลับไปมองคลับด้านหลังอีกรอบ “หมายถึงหน้าอกผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ” “ปะ..เปล่า” “เธอมองนาย” “ผมไม่ได้สนใจผู้หญิง” “งั้นก็หันมาสนใจฉันสิ” สิ้นเสียงประโยคกึ่งคำสั่งของเขา ผมก็หันกลับมานั่งกระชับตัวตรงไม่ได้ให้ความสนใจเขาแต่อย่างใด แค่มือไม้หาที่จับวางไม่ถูกกับประโยคเมื่อครู่เท่านั้นเอง เหตุการณ์มันคือก่อนหน้านี้ มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาหาผมแล้วเธอก็แค่ชวนผมดื่ม เรื่องมันคงจะแค่นั้นถ้าความบิ๊กบึ้มที่ไม่ได้อยู่ในการวางโฟกัสสายตาของผมมันมาถูแขนผมด้วย นั่นแหละมีคนหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดแล้ว “ฉันนั่งอยู่ข้างนายทั้งคน จะเมินเฉยกันจริงหรอ” เขาพูดต่อขณะที่หักพวงมาลัยเลี้ยวด้วยมือขวาข้างเดียว “.....” “ถ้าชอบ.. ก็มาหาฉันอีกสิ นายมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ การ์ดฉันจะต้อนรับนายอย่างดีหลังจากนี้” “ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย ผมก็แค่อยากจะเอาของมาคืนไม่ได้อยากจะ..” “เพราะฉันชอบนายไง” “ชอบคนที่รู้จักไม่ถึงสามวันเนี่ยนะ” ผมสวนกลับทันควัน ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าที่รับรู้ได้ว่าลมหายใจร้อนผ่าวของตัวเองกำลังผ่อนปรนออกมา “อาจจะมากกว่านั้นก็ได้..” เขาไหวไหล่ “แต่ผมไม่รู้จักคุณ เราเพิ่งรู้จักกันด้วยซ้ำ.. ผมไม่ได้รู้สึกชอบคุณด้วย ไหนจะสร้อยนี่อีกมันไม่มากเกินไปหน่อยหรือไงครับ” “งั้นมาทำความรู้จักกันซะตั้งแต่ตอนนี้เลยมั้ย” ผมนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะกะพริบตาสองสามทีที่รู้ตัวว่าเผลอจ้องอีกฝ่ายนานเกินไป “ฉันจะไปเจอนายให้บ่อยขึ้น เราจะได้รู้จักกันมากขึ้นไง” “คุณรวยจากธุรกิจมืดหรอ” ภาคชวินทร์หัวเราะครืนชอบใจ “เปล่า ฉันเป็นประธานบริหาร เจ้าของ CHAWIN GROUP นายอาจจะเคยเห็นสินค้าจากทางเราผ่านตามาบ้าง” “กำลังจะขายของหรอครับ” “ของน่ะขายไปแล้ว..” ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนคิ้วที่มุ่นเข้าหากันจะคลายลงแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเบิกตาโพลง ท่ามกลางเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ข้างใน “บนเฟอรารี่ใต้แสงจันทร์คืนนั้นไง.. ของที่อยากจะเสนอขายให้นายเฉพาะ” เขาหยิบมือถือขึ้นมาสไลด์เข้าเว็บไซต์แล้วยัดมันใส่มือให้ผมชม หลังจากที่สติของขุนพลหลุดลอยไปกับภาพบนเฟอรารี่คืนนั้นไปแล้ว ให้ตายเหอะว่ะ ไม่เคยเจอใครร้ายเท่าเขามาก่อนเลย ปกติผมรุกเก่งจะตาย ต่อให้จะได้แห้วเป็นของรางวัลตอบแทน แต่ผมก็พอจะรู้วิธีการเข้าหาพวกเขาเหล่านั้น ทว่ากับผู้ชายที่ชื่อภาคชวินทร์ผมรับมือไม่ถูก หนึ่งวันมีหลายเหตุการณ์ที่สร้างความสับสนสัปดนเยอะแยะไปหมดเวลาอยู่กับเขา “เสื้อผ้าแบรนด์เรา เฟอร์นิเจอร์.. หรือแม้แต่อาหารบางอย่างที่นายอาจจะเคยกินก็เป็นสินค้าจากเครือบริษัทของเรา” เขาอธิบายเสียงเรียบ “ผมมีตัวนี้ในตู้ มาจากบริษัทเครือข่ายคุณหรอ” คู่สนทนาพยักหน้ารับ “ตัวนี้ลิมิเต็ดผมโคตรอยากได้” “ที่ห้องฉันมีตัวนึง ถ้านายอยากได้ ฉันก็จะให้” สายตาผมเปล่งประกายทันที ระริกระรี้จนอีกฝ่ายกลั้วขำจนผมต้องหันกลับมานั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวเหมือนเดิม เฟิรส์สเต็ปกับการรู้จักภาคชวินทร์คือเขาโคตรรวย รวยแบบว่าร๊วย รายได้อาจจะลายตาเพราะเลขศูนย์นับไม่ถ้วนในบัญชี ที่หนี้สินก็อาจจะไล่เลี่ยกันมา แต่เอาเป็นว่าเขาคือถังเงินถังทองขนาดมหึมาเลยล่ะครับ อันดับต่อมาคือมีความสามารถบริหารจัดการได้ดี จนไม่คิดว่าจะทำหลายอย่างได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ของเขา ข้าวของบางอย่างผ่านมาผมมาหมด แค่ไม่ทราบว่าเป็นของในเครือของชวินทร์กรุ๊ปเท่านั้นเอง สุโคร่ยเดสสึเนจัด “หึ เด็กน้อย” “ดูเหมือนเวลาว่างคุณจะเยอะนะครับ หน้าที่การงานดีขนาดนี้แต่มีเวลาว่างถมที่เลย” “งานก็ส่วนงาน ตอนทำงานฉันก็ไม่ได้พักหรอก พอพักแล้วจะทำงานไปทำไม” “อ่า พอเข้าใจได้ครับ” บทสนทนาจบลง แต่หัวใจผมยังรันคำถามไปมากมายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ การพลิกผันมารู้จักคนใหญ่คนโตไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้นในชีวิตหรอกนะครับ ไม่รู้ว่าผมเอาชีวิตของตัวเองไปคาบเกี่ยวกับเขาตอนไหน ถึงได้พลัดหลงมานั่งอยู่บนรถเบนซ์ของเขาซะได้ ความวุ่นวายนี้มันเริ่มขึ้นตอนไหนกัน.. วันที่เขาเดินเข้ามาหาผมถึงร้านเหล้าแล้วผมเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาสีเขียวหม่น หรือตอนที่เราจูบกันบนเฟอรารี่ หรืออาจจะเป็นตอนที่ผมเสียซิงเป็นรับให้เขากันแน่ “มัลดีฟน่ะ” “.....” “บินมะรืนนี้” ผมหลุดออกจากภวังค์แล้วชำเลืองมองกรอบหน้าเด่นชัดของอีกฝ่าย พลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “ถ้านายเต็มใจจะไปด้วยกันก็โทรมาหาฉัน.. แล้วฉันจะส่งคนไปรับ” “เรื่องนั้นมัน..” “ฉันทำอึดอัดหรอ” เขาเลิกคิ้วถาม ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะหลุบตามองมือตัวเองที่บีบเข้าหากันแน่น “ฟังนะขุนพล.. นายคิดว่าฉันเอาเงินมาทุ่มใส่นายเพราะหวังอะไรหรือมีจุดประสงค์ร้ายอื่นอยู่ใช่มั้ย” “คุณภาค” “แต่ความจริงคือไม่ใช่” “.....” “ฉันไม่ใช่พวกชอบเปย์ไปเรื่อยหรอกนะ ไม่ใช่พวกที่มีเด็กเลี้ยงไว้ในสต็อกด้วย” น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังลื่นหูกำลังสาธยายความจริงที่ทำให้กำแพงอึดอัดข้างในใจผมมันลดลง ริมฝีปากแอบแห้งเล็กน้อยจังหวะที่เขาจอดรถนิ่งสนิทติดไฟแดง ตอนนี้มันเลยกลายเป็นว่าเขาหันมาให้ความสนใจผมแทน ชนิดที่เรียกได้ว่าผมช็อคค้างไปเลยกับรอยยิ้มเมื่อครู่ “รับของที่ฉันซื้อให้ไว้เถอะนะ ฉันไม่ใช่พวกป๋ากระเป๋าหนักจ่ายให้ใครพร่ำเพื่อ” “.....” “แต่ฉันจะเปย์หนักเฉพาะของที่อยากได้.. หรือชอบมากจริงๆ อยากได้มากจริงๆ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD