บทที่ 1 จุดเริ่มต้น

1176 Words
“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปอย่าไป ลูกก็ยืนกรานจะไปให้ได้ แม่มีลูกชายแค่คนเดียว แล้วนี่ไปอยู่ไกลหูไกลตา แม่จะวางใจได้ยังไง” อรอนงค์เอ่ยกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอด้วยความเป็นห่วง เพราะอีกฝ่ายตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศโดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านของผู้เป็นแม่ “แม่ครับ แค่อังกฤษเองนะครับ ถ้าแม่คิดถึงผมแม่ก็บินมาหาผมสิครับ” ชายหนุ่มเอ่ยหยอกเย้ามารดาของตนอย่างสนิทสนม “แต่มันก็ไม่เหมือนกับลูกอยู่กับแม่ที่นี่นี่ พ่อของลูกก็ไม่อยู่แล้ว ลูกยังจะทิ้งแม่ไปอีกคน แล้วใครจะอยู่กับแม่ล่ะ” เธอพูดอย่างแง่งอน “โถ่ แม่ครับ แค่ 3 ปีเอง เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้ว” ชายหนุ่มจับมือมารดาของตนมากุมไว้อย่างออดอ้อน “ผมเดินตามรอยคุณพ่อนะครับ ผมไปเรียนแค่ 3 ปี กลับมาผมจะได้ช่วยคุณแม่ดูแลกิจการไงครับ คุณแม่จะได้ไม่เหนื่อย” เด็กหนุ่มวัย 22 ปี เอ่ยเอาใจมารดาของตน “จ้ะ” อรอนงค์ตอบอย่างจำใจ ในเมื่อขัดไม่ได้แล้ว ก็คงทำได้แค่ตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ “แต่ลูกต้องโทรกลับมาหาแม่ทุกวันนะรู้ไหม ไม่งั้นแม่ได้คิดถึงลูกจนตรอมใจแน่” แต่ก็ไม่วายยื่นข้อแลกเปลี่ยนให้อีกฝ่าย “ครับผม” ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะศีรษะตะเบ๊ะหยอกล้อมารดา ก่อนจะยกมือไหว้แล้วเอ่ยร่ำลาหญิงวัยกลางคน “งั้นผมไปแล้วนะครับแม่ สวัสดีครับ” พูดจบก็ลากกระเป๋าเดินทางของตนตรงไปยังจุดเช็กอิน “ตาอาทิตย์ ดูแลตัวเองนะลูก” อรอนงค์ไม่วายตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับมองอีกฝ่ายที่เดินไปจนหายลับตา อีกฝั่งหนึ่งของสนามบิน หญิงสาวในชุดเสื้อคอเต่าผ้าไหมสีขาวคลุมด้วยเสื้อโค้ตสีเทาความยาวเท่าต้นขา สวมกางเกงยีนขายาว รองเท้าส้นสูงหุ้มข้อเท้า พร้อมกับสวมแว่นดำปิดบังดวงตา เธอเพิ่งเดินทางมาจากอเมริกา และปลายทางของเธอคือเชียงใหม่ “สกายถึงสุวรรณภูมิแล้ว และกำลังจะเช็กอินไปเชียงใหม่” เธอกดส่งข้อความเสียงไปหาพี่ชายของตน ซึ่งอยู่เชียงใหม่อยู่แล้ว สกาย สตีเว่น ลูกครึ่งไทย – อเมริกา พ่อเป็นคนอเมริกัน แม่เป็นคนไทย พ่อของเธอเป็นเจ้าของบริษัท Steven Group บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของอเมริกา วันนี้ที่สกายมาประเทศไทยก็เพราะเป็นวันเกิดของพี่ชาย ซัน สตีเว่น และได้รับการไหว้วานจากพ่อแม่ ให้นำของขวัญและความคิดถึงมาให้พี่ชายที่แต่งงานปักหลักอยู่ประเทศไทยแทนพวกท่าน ขณะที่เดินกดมือถืออยู่ และไม่ได้มองทางจึงทำให้หญิงสาวเดินชนเข้ากับใครบางคนเต็ม ๆ จนทั้งเธอและเขาต่างก็ล้มลงอย่างไม่เป็นท่า “Sorry! I’m sorry, so sorry” อีกฝ่ายเอ่ยขอโทษขอโพยเธอเป็นภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่าเธอเป็นชาวต่างชาติ “โอ้ย! เดินยังไงวะเนี่ย ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยฝรั่งพวกนี้ เจ็บฉิบหาย” เธอบ่นพึมพำอย่างหัวเสียขณะใช้มือทั้งสองข้างปัด ๆ ไปตามตัว แต่เธอคงลืมไปว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ประเทศไทย “คุณต่างหากที่เดินมายังไง ผมเดินของผมอยู่ดี ๆ คุณก็เดินมาชนผม แล้วใครเขาสอนให้เล่นมือถือตอนเดินกัน” เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวกำลังก่นด่าตน เขาเลยตอบโต้เธออย่างไม่ยอมความทันที เมื่อได้ยินเสียงตอบโต้ที่เป็นภาษาไทยจากอีกฝ่าย เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณีทันทีด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนไทย ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด สวมแว่นดำปิดบังใบหน้า สวมเสื้อคอเต่าผ้าไหมสีขาวด้านในทับด้วยเสื้อสูทตัวนอกสีเทา สวมกางเกงยีนขายาวและรองเท้าผ้าใบหุ้มส้นแบรนด์เนมทั้งชุด เธอรู้สึกแปลกใจพอ ๆ กับเขา ที่เห็นว่าชุดของพวกเขาในวันนี้มันบังเอิญแมตช์กันพอดีราวกับเป็นชุดคู่ที่นัดกันใส่มา เรื่องความเหมือนของชุดต้องพับเก็บเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือใครผิดใครถูก “ถ้าคุณดูทางแล้วทำไมฉันถึงมาชนคุณได้ เมื่อเห็นว่าฉันจะชนคุณ คุณก็ต้องหลบฉันสิ เราต่างคนก็ต่างไม่ได้ดูทางกันทั้งคู่นั่นแหละ จะมาโทษฉันฝ่ายเดียวได้ยังไง” เธอต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่ยอมความ “โอเค ผมไม่โทษคุณฝ่ายเดียวก็ได้ ผมผิดที่ผมไม่หลบคุณ ส่วนคุณก็ผิดที่คุณเดินมาชนผม พอใจหรือยัง” เขาพูดกระชากเสียงอย่างประชดประชัน พลางเก็บของของตนไปด้วย “โอเค๊” เธอตอบอย่างจำใจยอมรับข้อเสนอของอีกฝ่าย “ในเมื่อเราต่างฝ่ายก็ต่างผิดด้วยกันทั้งคู่ งั้นก็ถือว่าหายกันแล้วกันนะ เก็บของใครของมัน แยกย้าย” พูดจบเธอก็ก้มหน้าก้มตาเก็บของของตัวเองเข้ากระเป๋า ก่อนที่ทั้งสองจะเดินแยกจากกันไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ผู้หญิงสมัยนี้นี่เป็นยังไง แค่คำว่าขอโทษก็พูดไม่เป็น หรือว่าถือดีว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนูเรียนจบจากเมืองนอกก็เลยไม่ยอมก้มหัวให้ใคร” เขาบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย ดูจากการแต่งตัวและข้าวของเครื่องใช้ของเธอที่เป็นของแบรนด์เนมราคาแพงทั้งหมดบนตัวเธอ อีกทั้งมารยาทการวางตัวทางสังคม และการพูดการจา ทำให้เขาเข้าใจว่าเธออาจจะเป็นลูกคุณหนูของมหาเศรษฐีคนใดคนหนึ่งในประเทศไทยที่พึ่งกลับจากการไปเรียนต่างประเทศมา สกายจัดการเช็กอินเพื่อบินต่อไปยังเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ปลายทางในการเดินทางครั้งนี้ของเธอ “ถึงเชียงใหม่แล้วนะ” เมื่อมาถึงเชียงใหม่แล้ว เธอจึงส่งข้อความเสียงไปหาพี่ชายของตนอีกครั้ง เพื่อบ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอได้มาถึงจุดนัดหมายแล้ว “พอดีพี่ติดธุระ ไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ส่งที่อยู่ให้ สกายนั่งแท็กซี่มาเองนะ” ข้อความเสียงที่ถูกส่งมาจากผู้เป็นพี่ชายทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียอารมณ์และหงุดหงิดเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายไม่สามารถมารับตนตามที่ตกลงกันไว้ได้ เมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วเธอก็ต้องยอมรับต่อโชคชะตา สกายลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเธอตรงไปยังจุดรับผู้โดยสารที่รถแท็กซี่จอดอยู่ ก่อนจะส่งที่อยู่ที่พี่ชายส่งมาให้คนขับแท็กซี่ดู จากนั้นรถแท็กซี่ก็สตาร์ตเครื่องยนต์และขับออกไปยังจดหมาย โครมมม!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD