บทนำ
งานราตรีสุดหรูภายใต้ชายคา ณ คฤหาสน์โสภาฉวี เนื่องในโอกาสวันเกิดของคุณหญิงโสภา ภรรยาของหนึ่งในนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศ
งานในค่ำคืนนี้ ถือเป็นจุดศูนย์รวมของเหล่านักธุรกิจทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ รวมไปถึงเหล่าเซเลบ ทายาทมหาเศรษฐีพันหมื่นล้าน ก็ล้วนแล้วแต่มารวมตัวกันที่นี่
“พ่อครับ ผมหิว”
เด็กชายตัวน้อยกระตุกมือของตนที่ถูกผู้เป็นพ่อจับกุมอยู่ เพื่อสะกิดให้อีกฝ่ายหันมาสนใจตน
ชายหนุ่มวัย 30 ต้น ๆ หันไปมองเด็กชายหน้าตาจิ้มลิ้มในวัย 5 ขวบที่ยืนอยู่ข้างกายตน
“พ่อยังมีธุระ เดี๋ยวลูกไปกับอานทีก่อนนะ” เขาเอ่ยกับเด็กชาย ก่อนจะหันไปสั่งเลขาของตน “นที พาเจ้าซันไปหาอะไรกินหน่อย”
“ครับบอส” นทีรับคำ แล้วจึงหันไปพูดกับเจ้านายตัวน้อยของตน “ไปครับคุณซัน” ก่อนที่เขาจะจูงมือเด็กชายตัวน้อยเดินไปยังโซนอาหารที่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์
อาทิตย์ วาณิชรุ่งโรจน์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริษัท วาณิชรุ่งโรจน์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชายหนุ่มผู้ได้รับฉายาว่า เขาคือคำนิยามของผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ
ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาจนหาที่ติไม่ได้ ส่วนสูง 190 เซนติเมตร อีกทั้งหน้าที่การงานที่มั่นคงรุ่งโรจน์จนฉุดไม่อยู่ ทรัพย์สมบัติมหาศาล และชื่อเสียงอันเลื่องลือของตระกูลวาณิชรุ่งโรจน์ ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายที่สาว ๆ ทั่วทั้งประเทศก็ต่างหมายปอง ถึงแม้เขาจะมีลูกติดมาจากภรรยาเก่าด้วยหนึ่งคน แต่นี่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของสาว ๆ เหล่านั้น
แต่ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่น หรือผู้หญิงคนไหน ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานใหม่ เพราะทั้งหัวใจของเขาก็ยังมีแต่ช่อฟ้า ผู้ซึ่งเป็นภรรยาที่หายตัวไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วเพียงคนเดียวเท่านั้น
“สวัสดีค่ะคุณนที ดิฉันปัทมา เป็นเลขาของคุณอัมเรศ จากบริษัท DEO Group พอดีว่าบอสของฉันอยากจะทำความรู้จักกับคุณอาทิตย์ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอาทิตย์ว่างหรือเปล่าคะ”
ขณะที่สองหนุ่มต่างวัยกำลังเดินไปยังโซนของกิน ก็มีหญิงสาวในชุดราตรีสวยหวาน แต่ก็เรียบง่าย ไม่ได้เซ็กซี่และไม่ได้หรูหราจนเกินไป เธอเดินเข้ามาทักทายนทีเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
“สวัสดีครับ”
นทีเอ่ยทักทายหญิงสาวคนนั้นตามมารยาท รู้สึกลังเลใจเล็กน้อย เพราะเขาได้รับมอบหมายจากผู้เป็นนายให้ดูแลเจ้านายตัวน้อย แต่อีกฝ่ายก็เป็นนักธุรกิจจากบริษัทคู่ค้า ถ้าเขาเสียมารยาทก็คงจะไม่เป็นผลดีต่อบริษัทวาณิชรุ่งโรจน์
“คุณซันครับ เดี๋ยวคุณซันเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะครับ ของกินจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ คุณซันไปตักกินก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมขอพาคุณปัทมากับคุณอัมเรศไปหาคุณอาทิตย์ คุณพ่อของคุณซันก่อน แล้วรอผมอยู่ที่โซนของกินนะครับ อย่าเดินไปไหน เดี๋ยวผมจะกลับไปหา” เขาเอ่ยกำชับเด็กชายตัวน้อย เพราะไม่อาจปฏิเสธบริษัทคู่ค้าได้
“ครับ” เด็กชายรับปากอย่างว่าง่าย
เพราะซันเป็นเด็กรู้ความตั้งแต่เล็ก นทีจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเด็กชาย ถึงแม้ว่าเขาจะต้องอยู่ตามลำพังชั่วขณะ
เด็กชายเดินไปตามที่นทีบอก สายตามองหาเชลล์ของกิน เขาเดินตรงไปหยิบจานแบ่งและส้อมสำหรับทานของว่าง ก่อนจะตักอาหารในสิ่งที่ตนอยากกินมาใส่จาน
ขณะที่เด็กชายกำลังตักอาหารเพลิน ๆ และกำลังใช้ส้อมจิ้มลงไปบนแซนด์วิชชิ้นที่เขาเล็งไว้ แต่ก็มีส้อมจากใครอีกคนจิ้มลงบนแซนด์วิชชิ้นเดียวกับเขาเหมือนกัน
เด็กชายเงยหน้าไปมองเจ้าของส้อมอันนั้น ที่บังอาจมาแย่งแซนด์วิชชิ้นเดียวกันกับตนอย่างไม่ชอบใจนัก
“ชิ้นนี้ผมจองแล้ว” เขารีบเอ่ยปากแสดงความเป็นเจ้าของโดยไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายที่ตัวโตกว่า
“เด็กน้อย เห็น ๆ อยู่ว่าฉันจิ้มชิ้นนี้ก่อนนาย แซนด์วิชชิ้นนี้ก็ต้องเป็นของฉันสิ” ชายหนุ่มวัยรุ่นลาวคราวเดียวกันกับพ่อของเด็กชายเอ่ยต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่ยอมเช่นกัน
“แต่ผมจะกินชิ้นนี้ คุณลุงก็เอาชิ้นอื่นสิครับ โตแล้วยังจะมาแย่งเด็กกินอีก” เด็กชายมองอีกฝ่ายตาขวาง
“คุณลุงเลยเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยทวนสรรพนามที่เด็กชายใช้เรียกตนอย่างขบขัน “ฉันแก่ขนาดนั้นเชียว?” แล้วเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“แก่กว่าพ่อผมแล้วกัน” เด็กชายต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมความ
“งั้นพ่อนายอยู่ไหน ฉันล่ะอยากเห็นหน้าพ่อนายจังเลย ว่าจะเด็กกว่าฉันจริงหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามท้าทายยียวน
“แล้วอีกอย่าง แซนด์วิชชิ้นนี้ฉันจะเอาไปให้น้องสาวฉัน ฉันคงจะเสียสละให้นายไม่ได้แล้วล่ะ นายเลือกชิ้นอื่นเถอะนะ” เขาพูดต่อ
“เรื่องอะไรผมต้องยอมด้วย ผมจิ้มก่อนเห็น ๆ” เด็กน้อยโต้เถียง
“พี่ซัน มายืนทะเลาะกับเด็กทำไมเนี่ย ปล่อยให้สกายรอ หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว”
ขณะที่สองหนุ่มต่างวัยกำลังทะเลาะกันอยู่ จู่ ๆ ก็มีสาวสวยในชุดราตรีสีขาวเรียบหรู ประดับด้วยเครื่องเพชรแวววาวครบชุด หน้าตาหมดจด งดงามอย่างไร้ที่ติ เธอเดินด้วยท่วงท่าอันสง่างามเข้ามายืนเคียงข้างชายหนุ่มรุ่นใหญ่ที่กำลังโต้เถียงกับเด็กชายตัวน้อย
“ฉันกำลังจะตักแซนด์วิชไปให้ แต่เจ้าหนูเนี่ยก็มาแย่งแซนด์วิชของฉันไป” ชายหนุ่มเอ่ยฟ้องน้องสาวของตนหวังอยากจะหาคนเข้าข้าง
“ไม่จริงครับ ผมเห็นแซนด์วิชชิ้นนี้ก่อน แต่คุณลุงนั่นแหละที่มาแย่งแซนด์วิชของผมไป” เด็กน้อยแก้ตัว
“ยังจะเรียกคุณลุงอีก” ชายหนุ่มดุอีกฝ่ายที่เรียกตนว่าคุณลุง
“ก็คุณลุงแก่กว่าพ่อผมจริง ๆ นี่นา” เด็กชายยืนยัน
หญิงสาวฉีกยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดูเด็กชายตัวน้อยตรงหน้า เธอย่อตัวลงให้เท่ากับเด็กชาย
“หนูจ๊ะ น้าขอโทษแทนคุณลุงด้วยนะจ๊ะ แซนด์วิชชิ้นนี้หนูเอาไปเถอะ” เธอเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วจิ้มแซนด์วิชชิ้นดังกล่าวไปวางไว้ในจานแบ่งของเด็กชาย
“ขอบคุณครับ” เด็กชายเอ่ยคำขอบคุณ ก่อนจะจิ้มแซนด์วิชชิ้นดังกล่าวส่งคืนให้หญิงสาว “พี่สาวกินเถอะครับ เดี๋ยวผมกินชิ้นอื่นก็ได้ เมื่อกี้ผมได้ยินคุณลุงบอกว่าจะเอาแซนด์วิชไปให้พี่สาว ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมไม่แย่งผู้หญิงกินครับ”
เธอหันไปมองหน้าพี่ชายของตัวเองแล้วพูดกระซิบเบา ๆ “จี๊ดเลยไหมล่ะ”
“เมื่อกี้ฉันบอกว่าจะเอามาให้เธอ เด็กนี่ยังจะแย่งฉันอยู่เลย สงสัยเด็กนี่จะมีปัญหากับฉันนะ ดูสิ เรียกฉันว่าลุง แต่เรียกเธอว่าพี่สาว ลำเอียงเห็น ๆ” ชายหนุ่มกระซิบตอบน้องสาวของตนเบา ๆ อย่างหมั่นไส้
เธอยิ้มชอบใจก่อนจะหันไปพูดกับเด็กชายด้วยความเอ็นดู
“ขอบใจจ้ะ” หญิงสาวรับแซนด์วิชมาจากมือน้อย ๆ ของเด็กชาย
“หนูชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” แล้วจึงเอ่ยถามอีกฝ่าย เพราะเธอเองก็อยากรู้ว่าเด็กน้อยรู้ความที่น่ารักน่าเอ็นดูคนนี้เป็นใคร
“ซันครับ เป็นลูกของพ่ออาทิตย์” เด็กน้อยกล่าวแนะนำตัวอย่างฉะฉาน
“ชื่อซันซะด้วย” เธอหันไปกระซิบกึ่งเยาะเย้ยพี่ชายของตน เพราะเขาเองก็ชื่อซันเหมือนกัน
“พี่ชื่อสกายนะ” เธอเอ่ยแนะนำชื่อของตนบ้าง
“ส่วนพี่ก็ชื่อซันเหมือนนายเลย” ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำตัวตามน้องสาว
“ใครจะอยากชื่อเหมือนคุณลุงกัน” เด็กน้อยทำหน้าบู้อย่างไม่ชอบใจเมื่อบทสนทนาระหว่างตนกับพี่สาวคนสวยต้องถูกคุณลุงคนนี้พูดขัด
“งั้นพี่สาวไปก่อนนะจ๊ะ” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังมาคุ หญิงสาวจึงเอ่ยปากบอกลาเด็กชายเพื่อตัดปัญหาทั้งหมด
“ครับ” เด็กชายยิ้มตอบ ก่อนที่หนุ่มสาวคู่พี่น้องจะพากันเดินจากไป
“คริ ๆ” สกายขำออกมาเบา ๆ เมื่อคิดถึงท่าทางตลกขบขันของพี่ชายตนเมื่อครู่กับเด็กน้อยน่าเอ็นดูคนนั้น
“ขำอะไรอ่ะ” ชายหนุ่มหันไปถามน้องสาวของตนด้วยความสงสัย
“พี่สังเกตเห็นอะไรไหม” เธอเอ่ยถามเป็นปริศนาให้อีกฝ่ายได้สงสัยเล่น
“อะไรอ่ะ” เขาไม่เข้าใจในปริศนานั้นของเธอ
“ก็เด็กคนเมื่อกี้นี้ไง หน้าตาถอดแบบพี่มาเปี๊ยบเลย แถมยังชื่อเดียวกันกับพี่อีก นี่ถ้าเขาไม่บอกว่ามีพ่อนะ ฉันคงคิดว่าพี่ไปแอบไข่ไว้ที่ไหนแน่เลย” เธอเอ่ยแซวพี่ชายของตนอย่างขบขัน
“ไม่ต้องมาแซวฉันเลย ฉันไม่เคยไปวางไข่ทิ้งไว้ที่ไหน คนอย่างฉันรักเดียวใจเดียว แล้วก็อย่าพูดเล่นไป ถ้าพี่สะใภ้เธอมาได้ยินเข้า ฉันนี่แหละจะซวย” เขาเอ็ดผู้เป็นน้องสาวเบา ๆ แล้วคนทั้งสองจึงเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ เหล่านักธุรกิจในแวดวงเดียวกันตามที่มันควรจะเป็น