ในห้องนอนของเหม่ยลี่ หญิงสาวที่จะมีอายุครบสิบเก้าปีเต็มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพ่งสายตาผ่านมุมหนึ่งของหน้าต่างไปยังบุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้ว.. มองเลยไปอีกหน่อยเธอยังเห็นอีกคนหนึ่งที่ทำตัวน่าสงสัย นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่
ทันใดนั้นที่กำแพงรั้วบ้านก็มีเชือกเส้นหนึ่ง และอีกเส้นหนึ่งถูกโยนเข้ามา ตะขอที่ปลายเชือกทั้งสองเกี่ยวกับขอบกำแพงได้พอดิบพอดี.. ไม่นานก็มีหัวคนดำ ๆ โผล่ขึ้นมาให้เห็น ใจของเธอหายวาบ กำลังจะวิ่งลงไปบอกกับพ่อแม่ที่อยู่ข้างล่าง
แต่หางตากลับได้เห็นเขากระเด็นตัวลอยเหมือนถูกกระแทกโดยแรง เขาคนนั้นตกลงไปจากกำแพง ไล่เลี่ยกันนั้นก็มีอีกคนไต่เชือกอีกเส้น คราวนี้เธอได้เห็นเต็ม ๆ ตาว่าเขาก็เป็นเหมือนเช่นคนแรก
จากสิ่งที่เห็นในตอนนี้ ผนวกกับคำถามของมารดาเมื่อสักครู่ รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสายฝนห่าใหญ่ในวันนั้น และจากความสงบของพ่อแม่ตลอดหลายวันมานี้ ทำให้หญิงสาวเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่าเดิม
มันไม่ใช่ความซวยอย่างที่อาเตียบอก มีคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่คนคนนั้นคือใคร ต้องการอะไรเธอไม่รู้ แต่เป้าหมายต้องอยู่ที่อาเตียของเธอแน่ ๆ
คิ้วเรียวขมวดมุ่น เผลอส่ายหน้าเมื่อครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เพราะรู้สึกว่าตัวเองก็ตกเป็นเป้าด้วย แต่พวกมันประมาทเกินไปเพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง ส่วนอาเหนียงกับหลานชายที่อยู่ในรถพวกมันกลับไม่สนใจสักนิด
หรือว่าพวกมันจะมาจากมิติอื่น!!!
แปล๊บ...เปรี้ยง!..
ครืน...เปรี้ยง!...
สองมือรีบอุดหูด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดี ๆ ก็เกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้องคำรามดังสะเทือนเลือนลั่น ท้องฟ้าที่สว่างไสวกลายเป็นมืดมิดเหมือนกลางคืนในบัดดล
เธอรีบตั้งสติรอจนสายตาคุ้นกับความมืด มือที่กำลังเอื้อมไปเปิดไฟชะงักค้างเมื่อคิดได้ว่าไม่ควรเปิด เป็นจังหวะเดียวกับที่บิดามาจับมือเอาไว้พอดีเช่นกัน
“เตียเอง อย่าเปิดนะ” หยวนตงให้เสียงลูกสาวขณะคว้ามือเธอเอาไว้
“เหนียงกับซันนี่ล่ะเตีย”
“เหนียงกล่อมน้องอยู่ กลัวเสียงฟ้าร้องจะทำให้น้องสะดุ้งตื่น”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เตีย หนูเห็นมีคนท่าทางแปลก ๆ อยู่นอกบ้านเราตั้งหลายคน มีคนพยายามจะปีนกำแพงเข้ามาด้วย”
“เตียเห็นแล้ว แต่ไม่ต้องกลัวนะเหม่ยลี่ ถ้าเรายังอยู่ในบ้านหลังนี้เราปลอดภัยแน่”
“เตียใช้เวทมนตร์ปกป้องบ้านนี้เอาไว้เหรอ” ถามในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะเชื่อ แต่จากสิ่งที่ได้เห็นทำให้ตอนนี้เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
“ไม่ใช่เตียหรอก ข่ายเวทย์ที่แน่นหนาแบบนี้เป็นฝีมือท่านมหาเทพต่างหาก แต่อย่างที่เตียเคยบอกหนูนั่นแหละ มีคนผูกก็ย่อมมีคนแก้ แต่มนุษย์ทำลายข่ายเวทย์นี้ไม่ได้หรอก ต่อให้มันเป็นพวกที่มาจากอีกมิติก็ยากที่จะทำลายได้ง่าย ๆ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน”
“แน่ใจนะเตีย” จากสิ่งที่ได้เห็นกับตาเมื่อสักครู่ เธอไม่ได้รู้สึกมั่นใจตามบิดาสักนิด
“เชื่อเตียสิ ไม่ต้องกลัวนะเหม่ยลี่ เตียจะปกป้องหนูด้วยชีวิต”
“หนูไม่ได้ห่วงตัวเองหรอก หนูห่วงทุกคนต่างหาก” เธอหมายถึงทุกคนในครอบครัว
“ชาวสวรรค์ไม่ตายบนโลกมนุษย์หรอก” ปลอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นั่น!”
คำอุทานและท่าทางตกใจของบิดาทำให้หญิงสาวรีบหันไปมองตาม
“เฮ้ย!” รีบเอามือปิดปากที่ร้องตกใจกับดวงไฟสีแดงที่ลอยเหนือกำแพงรั้ว แล้วรีบเดินท่ามกลางความสลัวไปที่หน้าต่าง.. ใจเต้นรัวแรงเมื่อมองเห็นบุรุษชุดดำถูกเผาด้วยดวงไฟแต่กลับสงบนิ่ง เหมือนไฟนั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา สองมือที่ยกขึ้นเหนืออกค่อย ๆ ปรากฏลูกไฟดวงใหญ่ขึ้นแล้วเหวี่ยงเข้ามาในบ้าน แต่มันกระดอนกลับไปหาเขาจนเขาต้องรีบหลบ “เตียเขาคนนั้นนี่! คนที่ช่วยเราไว้ตอนนั้น” เธอแปลกใจที่ท่าทีของเขาวันนี้เปลี่ยนเป็นศัตรู
“เตียไม่รู้ แต่เราจะทำอย่างไรดี เขาไม่ลดละความพยายามเลย ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะมีช่องโหว่ให้เขาเข้ามาในนี้ก็ได้” เห็นศัตรูพยายามเหวี่ยงลูกไฟซ้ำ ๆ ตรงจุดเดิมนับไม่ถ้วนก็เริ่มกังวล
“เตียนั่น!!!”
มือใหญ่รีบตะครุบปากลูกสาวไว้ทันที เพราะกลัวนางจะกรีดร้องด้วยความตกใจ จนกลายเป็นเป้าล่อศัตรู เมื่อเห็นว่าบุรุษชุดดำผู้นั้นเหาะเข้ามาตรงจุดที่ใช้ลูกไฟทำลายได้สำเร็จ
“เงียบ ๆ แล้วฟังเตียพูดนะ” เมื่อนางพยักหน้าจึงเอามือออกจากปากนาง “ต่อให้เขาเข้ามาได้แล้วก็ใช่ว่าจะเข้ามาในบ้านได้ง่าย ๆ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขายังไม่ได้บุกรุกเข้ามาอยู่ในบ้าน หนูห้ามออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด.. แต่ถ้าเขาเข้ามาในบ้านได้ หนูจงนำสิ่งนี้”
เหม่ยลี่เบิกตาโต เมื่อเห็นบิดาถอดแหวนหยกหลากสีออกจากนิ้วมือที่ว่างเปล่ามาตลอด มาสวมใส่นิ้วมือของตน แล้วมันก็หายไปในนิ้วในพริบตา
“เตีย!”
“มันคือแหวนหยกเจ็ดสี มหาเทพลงเวทย์ให้มันถูกกลืนโดยผู้ที่สวมใส่ เป็นแหวนที่จะพาลูกข้ามมิตินี้ไป” สองมือใหญ่จับมือลูกสาวไว้มั่น “เหม่ยลี่ฟังเตียนะ” น้ำเสียงและสีหน้าจริงจังมากขึ้น
“ค่ะเตีย” หญิงสาวเองก็ตั้งใจเชื่อฟัง
“ถ้าเขาคนนั้นเข้ามาในบ้านเราได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกต้องหนีออกไปจากที่นี่ ห้ามพะวงกับคนอื่นเด็ดขาด”