“เจี่ยเจีย ฮึก ๆ ๆ” เสียงร้องเรียกสะอึกสะอื้นที่ดังฝ่าวงล้อมเข้ามา ทำให้เหม่ยลี่รีบหันไปมอง ใจหล่นหายด้วยความตกใจ สงสารหลานชายเหลือคณา เมื่อเห็นว่าเขาถูกจับหิ้วเท้า หัวห้อยลงพื้น
“ซันนี่!” ถลาไปหาหลานชายหวังจะไปช่วย แต่ถูกพวกคนเลวขยับตัวขวางเอาไว้
“ฮึก ๆ ๆ เจี่ยเจีย ฮึก ๆ ๆ ซันเจ็บ ฮึก ๆ ๆ” เด็กน้อยสะอื้นไห้ใจแทบขาด “เจี่ยเจีย ฮึก ๆ ๆ” สองมือไขว่คว้าไปข้างหน้าเพื่อเรียกหาพี่สาวให้ช่วย
“ปล่อยน้องฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้คนชั่ว!!” จากการที่ได้ประมือกันทำให้เธอว่าพวกนี้คือคนแบบเธอ จึงไม่รู้สึกกลัวสักนิด แต่กลับปวดใจที่ต้องเห็นหลานชายถูกกระทำจนน้ำตาไหลนองหน้า “แน่จริงก็ปล่อยเด็กแล้วมาสู้กันตัวต่อตัวสิไอ้พวกชั่ว ไอ้หน้าตัวเมีย”
ครืน.. เปรี้ยง.. ครืน..
“ปล่อยไม่ได้ แต่ฆ่าให้ตายได้ คอยดูให้ดี ๆ นะ” ไอ้คนที่จับเด็กชายพูดด้วยใบหน้าแสยะยิ้ม
“อย่า!!!” หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง หลับตาแน่นเมื่อเห็นอีกคนนั่งยองแล้วเอาปืนจ่อที่ศีรษะของหลานชาย
กร๊อบ.. อ๊าก!!!
เหวอ!!!.. กร๊อบ..
กร๊อบ.. อ๊าก!
กร๊อบ..
เสียงร้องตกใจที่ดังสลับกับเสียงกระดูกลั่นที่ดังติด ๆ กันต่อเนื่อง ทำให้หญิงสาวที่หลับตาหนีความกลัวทั้งน้ำตาลืมขึ้นมามอง
ดวงตากลมโตที่ถูกกลบด้วยม่านน้ำตา มองเห็นอีกฝ่ายเพราะแสงสว่างของฟ้าที่แลบต่อเนื่อง มือบางรีบปาดน้ำตา.. แล้วต้องเบิกโตด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมือข้างหนึ่งของเขากำลังบิดคอของคนชั่วคนสุดท้าย ส่วนมืออีกข้างกำลังโอบซันนี่ไว้กับอก
เปรี้ยง.. เปรี้ยง.. ครืน...
“ฟูจวินระวัง!”
เสียงร้องเตือนอิดโรยที่ดังมาจากในบ้าน ทำให้หญิงสาวรีบวิ่งไปหาเขาแล้วแย่งเอาตัวหลานชายที่แน่นิ่งมาไว้กับตัว.. โชคดีเหลือเกินที่เขาแค่หมดสติ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
“ไปหาที่ซ่อนตัวก่อน” เขาบอกกับเธอเสียงเหี้ยม แล้วพุ่งไปทางต้นเสียงที่ดังมาจากด้านใน
เธอรีบทำตามที่เขาบอก
“อ๊าก!”
ตุบ..
วิ่งไปเกือบถึงที่ซ่อนกระเป๋า ยังไม่ทันได้ซ่อนตัวก็เห็นร่างหนึ่งกระเด็นออกมา เขาไม่ได้ล้มเสียหลัก แต่ยังหมุนตัวยืนได้อย่างเท่อีกต่างหาก
“รีบไป!”
เขาในชุดผาวสีดำตัวยาว ที่ปิดหน้าครึ่งล่างไว้ด้วยผ้าสีดำหันมาพูด สายตาที่สะท้อนกับแสงสว่างของสายฟ้ามองผ่านเธอไปทางด้านหลัง แล้วรีบพุ่งเข้าไปทางเดิมที่กระเด็นออกมาอีกครั้ง
หญิงสาวหันไปมองด้านหลัง.. เห็นชายคนหนึ่งหิ้วกระเป๋าเป้ทั้งสองใบของเธอไว้ แล้วจับต้นแขนให้เดินไปด้วยกันไม่พูดไม่จาสักคำ
“คุณคะ ได้โปรดช่วยพ่อแม่ของฉันด้วยเถอะค่ะ ฉันขอร้อง” อ้อนวอนขอความช่วยเหลือเมื่อเห็นโอกาส ไม่ยอมขยับเท้าก้าวตาม
คำขอร้องของนางทำให้เขาลังเลแม้จะรู้ว่าทำได้ยาก ยังไม่ทันได้ปริปากบอกนาง ลูกไฟสีแดงดวงใหญ่ก็พุ่งออกมาจากในบ้าน และพุ่งตรงมาทางนี้..
เขารีบสะบัดมือขวางลูกไฟนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
เหม่ยลี่รีบหันไปมอง สิ่งที่เห็นคือลูกไฟสีแดงลูกนั้นถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งไว้ทั้งดวง เหมือนเนื้อแตงโมที่ถูกหุ้มไว้ด้วยเปลือก เขารีบเอาตัวมายืนขวางหน้าเธอ สะบัดมือปล่อยน้ำแข็งสู้กับลูกไฟของอีกฝ่าย ที่แต่งตัวเหมือนกันแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นฝ่ายไหน
ดวงไฟลูกนั้นถูกบิดากับชายชุดดำอีกคนออกมาขัดขวางเอาไว้
“เตีย!” สภาพสะบักสะบอมย้อมไปด้วยเลือดของบิดา ทำให้หญิงสาวตกใจกลัวที่สุดในชีวิต
“รีบพานางไป!” หยวนตงรวบรวมพลังเวทย์เฮือกสุดท้ายเหวี่ยงใส่ชายชุดดำที่ปกป้องลูก ๆ ของเขา กลายเป็นผ้าที่มัดพวกเขาไว้ด้วยกัน แล้วพาเหินขึ้นไปบนอากาศที่มืดมิด
“เตีย! ฮือ ๆ ๆ.. เตีย!..”
“ไม่!!!” บุรุษในดวงไฟระเบิดเสียงด้วยความโกรธ เมื่อเห็นคนที่ต้องการฆ่าให้ตายถูกช่วยไปต่อหน้าต่อตา สะบัดดวงไฟที่เต็มไปด้วยโทสะใส่คนที่ขวางทางทั้งสอง แล้วพุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่เปล่งเสียงสะอื้นไห้อยู่กลางอากาศ.. “อุ๊ก!” ตามไปได้แค่ไม่กี่เมตรก็ถูกเชือกเส้นหนึ่งมัดเข้าที่ข้อเท้า กระตุกลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง
หยวนหลินพาร่างที่เต็มไปด้วยเลือดออกมาจากบ้าน ใช้พลังเวทย์เสกเชือกดึงจอมมารไว้ได้สำเร็จ แต่นางเหลือพลังไม่มากพอที่จะพาตัวเองและสามีกลับไปยังมิติของตนพร้อมกันได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจที่จะส่งสามีกลับไปแค่คนเดียว
“ฟูจวินรีบไป” นางเอากำไลหินวิญญาณใส่มือสามี ยังไม่ทันได้ร่ายเวทย์ก็ถูกบุรุษหนุ่มที่ยื่นมือเข้ามาช่วยปาอะไรสักอย่างไปทางจอมมาร และคว้าเอากำไลหินวิญญาณของนางไป
“ข้าจะช่วยพวกท่านเอง” พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แล้วเหวี่ยงหินวิญญาณที่ซ่อนพลังเวทย์ของผู้เป็นนายไปทางจอมมารเพื่อถ่วงเวลา
แล้วหยิบหินอีกก้อนของตัวเอง มารวมกับกำไลหินวิญญาณของฟูเหรินเทพรักษา โยนขึ้นไปบนฟ้าแล้วกอดเอวเทพทั้งสองเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เพียงเสี้ยวลมหายใจ ทุกคนก็รู้สึกเหมือนถูกกระชากอย่างแรง เสียงสุดท้ายยังได้ยินเสียงคำรามลั่นไล่ตามหลัง ตามด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น