“ขอบใจมากนะเหม่ยลี่ แค่นี้เตียก็สบายใจแล้ว วันนี้ดึกมากแล้ว หนูรีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปแข่งต่อยมวยอีกไม่ใช่เหรอ”
“จ้ะ งั้นหนูไปนอนก่อนนะเตีย” หญิงสาวลุกไปกอดบิดาแล้วหอมแก้มท่านหนึ่งที “หนูรักเตียนะ”
“เตียก็รักลูกเหมือนกัน ฝันดีนะ” หยวนตงมองลูกสาวกำมะลอที่รักเสมือนแก้วตาดวงใจ.. ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเธอโบกมือลาก่อนจะปิดประตูห้อง
…………….
กลางดึก
บริเวณหุบเขาติดแม่น้ำหยางจื่อ ประเทศจีน
“คนของเรารายงานมาเท่านี้” เสียงทุ้มกังวานกล่าวปิดท้ายคำรายงานอย่างนอบน้อม “และนี่คือรูปของนางขอรับ”
บุรุษผมยาวมัดไว้อย่างเรียบร้อย สวมชุดฉีผาวตัวยาวสีดำสนิท ปกปิดเนื้อหนังมิดชิด ใส่แว่นกันแดดสีดำเข้มแม้ในยามวิกาล ยื่นมือที่สวมถุงมือสีเดียวกับชุดรับรูปภาพมาดู..แค่ใบแรกก็ดูอยู่เนิ่นนานไม่ยอมพูดใด ๆ แล้วเก็บภาพทั้งหมดใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อ
“คอยติดตามพวกเขาเอาไว้ เมื่อวันนั้นมาถึงต้องขัดขวางให้ถึงที่สุด อย่าให้พวกเขาทำสำเร็จเด็ดขาด”
“ขอรับนายท่าน”
“ไปได้แล้ว อุ๊ก!”
“นายท่าน!” ผู้ติดตามรีบถลาเข้าไปหมายประคองคนที่กุมมือแน่นตรงหน้าอก แม้ไม่ได้เห็นแววตา แต่การกัดริมฝีปากนั่นก็บอกได้ดีว่าเจ็บปวดเพียงใด แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเขายกมืออีกข้างขึ้นห้ามไว้
“ข้าไม่เป็นไร”
“นายท่านได้โปรดอย่าฝืนเกินไปนัก ท่านควร”
“ข้าบอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ ไปได้แล้ว”
“..ขอรับ” ผู้ติดตามรับคำ ต้องยอมจากไปอย่างไม่เต็มใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายต้องฝืนทน
.................
สองเดือนผ่านไป ประเทศไทย
“ขอบใจนะองุ่น ที่อุตส่าห์แวะมาส่ง”
“ทำไมต้องขอบใจด้วยวะ เพื่อนจะกลับบ้านทั้งทีไม่มาส่งสิแปลก” กล่าวอย่างร่าเริง แต่น้ำเสียงกลับสั่นเครือในตอนท้ายอย่างห้ามไม่อยู่
“ก็ยังอยากขอบใจอยู่ดี” เหม่ยลี่พยายามแข็งใจทำตัวร่าเริง เพราะไม่อยากทำให้เพื่อนที่สนิทด้วยที่สุดต้องเสียน้ำตา การกลับบ้านเกิดที่จีนครั้งนี้เธออาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย จึงไม่อยากพูดใด ๆ ที่เหมือนเป็นการให้ความหวัง
“เขาว่าที่จีนเล่นไลน์เล่นเฟซไม่ได้ แบบนี้คงติดต่อกันยากแน่ ๆ แต่ฉันก็อยากให้แกส่งข่าวมาบ้าง”
“ฉันไม่แน่ใจว่าส่งอีเมลได้ไหม ถ้าไปถึงแล้วฉันจะลองส่งมาหานะ ถ้าส่งถึงกันได้ก็ใช้วิธีนี้ติดต่อกันนะ” เธอไม่ส่งหรอก เธอจะต้องตัดสัมพันธ์แค่เพียงเท่านี้ แม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนใจดำก็ตาม เพราะเธอก็ยังไม่รู้ชะตากรรมที่ต้องแบกรับเหมือนกัน
“อือ ไปถึงแล้วอย่าลืมส่งมานะเหม่ยลี่ แกมีเมลฉันใช่ไหม”
“มีสิ”
“วันนี้ยังมีอะไรให้ช่วยอีกไหม บอกฉันได้นะ”
“ไม่มีแล้ว ของที่ส่งกลับก็ส่งไปหมดตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ที่เหลือก็เตรียมเก็บใส่กระเป๋าหมดแล้ว ตอนนี้รอเวลาให้รถมารับอย่างเดียว”
“แล้วเตียไปไหนล่ะ”
“อยู่ข้างในกับเพื่อนที่จะมาเซ้งร้านต่อน่ะ กำลังคุยเรื่องแยกประเภทยากันอยู่”
“อ๋อ ว่าจะบอกลาเตียเสียหน่อย แต่ไม่กวนดีกว่า ฉันมีสอบตอนบ่ายด้วย ไปก่อนนะ อย่าลืมส่งเมลมาหาด้วยล่ะ”
“ไม่ลืมหรอก ขอฉันกอดแกหน่อยสิองุ่น”
องุ่นเดินเข้าไปหาเพื่อนแล้วต่างก็กอดกันแน่นโดยไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมา เพราะกลัวจะมีน้ำตาไหลตาม
“ฉันไปก่อนนะ บาย ๆ”
“บาย.. ขอให้สอบผ่านฉลุยนะองุ่น” เหม่ยลี่ตะโกนอวยพรไล่หลัง โบกมือหย็อย ๆ พร้อมรอยยิ้มที่คิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว
ยืนส่งเพื่อนจนลับตาแล้วก็เดินกลับเข้าไปในร้าน แต่รถที่มาจอดเทียบด้านหน้าทำให้ต้องหันไปมอง เพราะคิดว่าเป็นลูกค้าของบิดา แต่คนที่เปิดประตูลงมาจากรถทำให้เธอต้องแปลกใจ
“พี่ขาว สวัสดีจ้ะ” กล่าวทักทาย “ลี่นึกว่าพี่ขาวเดินทางไปญี่ปุ่นแล้วซะอีก”
“พี่จะเดินทางคืนนี้แหละ” ขาวตอบหญิงสาว มองเธอด้วยสายตาเศร้าหมองอย่างไม่ปิดบัง “พี่ได้ยินว่าลี่จะกลับไปอยู่ที่จีนถาวร เป็นความจริงเหรอ”
“จ้ะ เตียเขาอยากจะกลับไปอยู่กับแม่น่ะ”
“ลี่ก็ไม่เห็นต้องกลับไปด้วยเลยนี่”
“ลี่ต้องไปเรียนต่อที่โน่นอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องกลับ”
“ถ้าอย่างนั้น..จีนกับญี่ปุ่นก็ไม่ได้ไกลกันมากนัก พี่ขอแวะไปหาลี่ที่นั่นบ่อย ๆ ได้ไหม” ตัดสินใจบอกความในใจออกไปอย่างชัดเจน
“อย่าดีกว่าจ้ะพี่ขาว”
“ทำไมถึงรีบปฏิเสธนักล่ะลี่ ไม่คิดจะให้โอกาสพี่สักหน่อยเหรอ” แม้จะเสียใจแต่ก็ยังฝืนยิ้มตั้งคำถาม
“ลี่คิดไม่ได้หรอกจ้ะพี่..เพราะลี่มีคู่หมั้นที่เตียเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เด็กแล้ว” ในเมื่อเขาเปิดเผยความในใจ เธอก็ไม่ปิดบังเรื่องของตัวเองเช่นกัน “ทีนี้พี่ขาวก็คงเข้าใจลี่แล้วนะ ว่าทำไมลี่ถึงพยายามบ่ายเบี่ยงพี่มาตลอด”
คำตอบชัดถ้อยชัดคำบนสีหน้าลำบากใจนั้นทำให้ขาวสะท้านวาบด้วยความหดหู่ไปทั้งหัวใจ
“..พี่เข้าใจแล้ว.. งั้นพี่ไปแล้วนะ” แม้จะเจ็บที่หัวใจแต่ก็กล่าวลาด้วยสีหน้าปั้นยิ้ม เธอพูดถึงขนาดนี้ก็ไม่คิดจะตื๊ออีกต่อไป
“ขับรถดี ๆ นะพี่ขาว ลี่ดีใจนะที่เราได้รู้จักกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด” เหม่ยลี่ยืนส่งด้วยใจที่ห่อเหี่ยวด้วยความเห็นใจ