ที่ร้านอาหารฟิวชัน ธรรศกรมานั่งรับประทานอาหารกับคุณเมธาวีมารดาซึ่งบอกว่านัดเพื่อนกับลูกสาวไว้ ชายหนุ่มพอจะเดาได้ว่าเพื่อนของมารดาที่ว่าคือคุณหญิงสุขฤดีและลูกสาวก็คือเฌอลิตาได้ข่าวว่าหญิงสาวเพิ่งจบปริญญาโทกลับมาจากต่างประเทศ
เขากับเฌอลียารู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ระดับมัธยมและเขายังเคยจีบเธอที่เป็นดาวเด่นของโรงเรียนในตอนนั้น ทว่า ณ เวลานั้น ฝ่ายหญิงกลับทำเมินใส่ และกลั่นแกล้งให้เขาเสียหน้าที่จีบเธอไม่ติด เฌอลิและาอายุน้อยกว่าเขาสองปีโดยศักดิ์แล้วควรมีคำนำหน้าเรียกเขาว่า ‘พี่’ แต่อีกฝ่ายกลับเรียกเขาเสมือนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน จากที่เขาเคยชอบทำให้เลิกชอบเธอไป พอเขาเลิกตามตื๊อเฌอลิตากลับมาวอแวเขาแทน พอจบไฮสกูลที่ไทย ธรรศกรก็ไปเรียนต่อต่างประเทศกระทั่งจบปริญญาตรีและโทเขาจึงกลับมา เขาและเธอไม่ได้เจอกันอีกจนมาถึงวันนี้
“นั่นไงเพื่อนแม่มาแล้ว”
คุณเมธาวียิ้มบอกลูกชายที่นั่งหน้าเรียบเฉยทำให้เขาหันไปมองตาม ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่หญิงสาวซึ่งความสวยโดดเด่นมาแต่ไกล เค้าโครงหน้าสวยนั้นทำให้เขาจำได้ว่านั่นคือเฌอลิตาจากตอนที่เป็นสาววัยรุ่นเธอก็สวยโดดเด่นกว่าใครในโรงเรียนอยู่แล้วพอไม่ได้เจอกันเกือบสิบปีเธอก็มีความสวยสมวัยที่เรียกได้ว่าสวยสะพรั่ง อย่างที่เรียกสายตาใครต่อใครให้หันมองตาม
สองแม่ลูกมานั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่มและมารดา ผู้ใหญ่ทักทายกันส่วนลูกทั้งสองคนก็มองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง สำหรับธรรศกรยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงออกว่ารู้สึกอย่างไร หากแต่เฌอลิตามีการยักคิ้วและยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะคุณป้าเม”
เสียงหวานไพเราะเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะหันไปสบตากับดวงตาคมที่เผลอมองหน้าเธอแล้วยิ้มพร้อมกับทักทายเขา
“สวัสดีค่ะพี่เท็ม ไม่เจอกันนานมาก ๆ เลยนะคะ”
‘พี่’ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเฌอลิตาเรียกเขาว่าพี่ แล้วยังยิ้มหวานให้แบบนี้อีก
“สวัสดีครับ” เขาทักทายกลับด้วยน้ำเสียงนุ่ม
“หนูเฌอแตมเพิ่งกลับมา ปรับตัวได้หรือยังจ๊ะ ช่วงนี้อากาศบ้านเราก็ร้อนจัดด้วย” คุณเมธาวีถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“สองสามวันแรกก็เกือบแย่เหมือนกันค่ะ ตอนนี้ก็พอปรับได้แล้ว แต่ก็ต้องวิ่งหาห้องที่มีแอร์ตลอด” หญิงสาวตอบเพื่อนของมารดาด้วยน้ำเสียงอ้อน
“นี่ถ้าไม่ใช่บอกว่าวันนี้นัดกับคุณพี่แล้วก็หลานเท็มไว้ ลูกแตมคงไม่ยอมออกจากบ้านมาหรอกค่ะ” คุณหญิงสุขฤดีรีบเสริม
“คุณแม่อะ ก็แตมอยากขอเวลาปรับตัวอีกหน่อยนี่คะ” ลูกสาวทำเสียงงอน
“จริง ๆ เดี๋ยวนี้ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานสังคมที่เลี่ยงไม่ได้ หรืออยากมาเจอเพื่อน ๆ พี่เองก็ไม่ค่อยอยากออกจากบ้านเท่าไหร่เหมือนกันค่ะน้องฤดี ข้าวของอยากได้อะไรก็หาซื้อออนไลน์เอา มีทุกอย่าง ไม่ต้องเหนื่อยออกมาผจญภัยกับรถราผู้คน” คุณเมธาวีเอ่ยสนับสนุนหญิงสาวที่หมายตาให้เป็น ‘สะใภ้’ อย่างอารมณ์ดี
“เห็นมั้ยคะคุณแม่ คุณป้าเมยังเข้าใจแตมเลย” ว่าที่สะใภ้ยิ้มหวานให้ว่าที่แม่ย่า
“จริงสิ พูดถึงเรื่องซื้อของออนไลน์ น้าได้ข่าวว่าหลานเท็มเปิดบริษัทเกี่ยวกับตลาดออนไลน์ใช่มั้ย คนหนุ่มไฟแรงก็แบบนี้อยากทำอะไรเป็นของตัวเองลูกแตมก็จบมาทางนี้เลยอยากลองทำงานกับบริษัทหลานเท็ม” คุณหญิงสุขฤดีสบช่องเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเข้าเรื่องที่ต้องการ
“ให้แตมพูดกับพี่เท็มเองก็ได้ค่ะคุณแม่ เราสองคนก็เคยสนิทกัน”
สาวนักเรียนนอกพูดอย่างมั่นใจและมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าสวยตลอดเวลา
“พูดตรง ๆ เลยก็คือ แตมอยากฝึกงานกับบริษัทพี่เท็มค่ะแบบไม่มีเงินเดือน แต่แตมจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของบริษัททุกอย่าง มาตามเวลาเข้างานและจะไม่กลับก่อนเจ้านายค่ะ บริษัทพี่เท็มได้พนักงานที่ตรงสายแบบนี้น่าจะดีนะคะ”
ชายหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาใสที่กำลังเปล่งประกายชวนให้หลงใหล และเขาก็เคยหลงสายตากับรอยยิ้มของเธอมาก่อน แต่นั่นมันก็เนิ่นนานมากแล้วและคิดว่าตัวเองคงไม่กลับไปหลงมันอีก
“จะทดลองงานนานแค่ไหนครับ”
“ก็สักสามสี่เดือนค่ะ”
“ก็ไม่มีปัญหา แล้วจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่ครับ”
“เร็วที่สุดค่ะ วันจันทร์นี้ก็ได้ แตมอยากทำงานเร็วๆ”
หญิงสาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้นิดหนึ่งพูดอย่างกระตือรือร้นจนฝ่ายแม่ทั้งสองมองอย่างเอ็นดู
“ฝากน้องด้วยนะจ๊ะหลานเท็ม จบใหม่ก็ไฟแรงแบบนี้แหละ”
“ครับ”
รับพนักงานเพิ่มอีกคน ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนก็ถือเป็นประโยชน์ของบริษัท ไม่มีอะไรเสียหายนี่
บรรยากาศการรับประทานอาหารเป็นอย่างรื่นรมย์ เฌอลิตาชวนคุณเมธาวีคุยอย่างสนุกสนานแถมยังเล่าเรื่องสมัยที่เธอกับธรรศกรเรียนโรงเรียนเดียวกันให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายฟัง แต่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เธอทำให้เขาต้องเสียหน้าเพราะถูกเธอปฏิเสธ
“มื้อนี้พี่ขอดูแลเองนะจ๊ะน้องฤดี” มารดาของธรรศกรออกปาก
“อุ๊ย คุณพี่ น้องเกรงใจค่ะ คราวที่แล้วที่เจอกันคุณพี่ก็ดูแล”
“เล็กน้อยจ้ะ ถือว่าเลี้ยงต้อนรับหนูแตมแล้วกัน”
“ถ้างั้นก็ขอบคุณคุณพี่มากค่ะ” คุณหญิงสมฤดียิ้มแย้มไม่ยื้อ
“ขอบพระคุณคุณป้าเมมากค่ะ” เฌอลิตายกมือไหว้ขอบคุณอย่างรู้งาน สตรีทั้งสามตกลงกันว่าหลังมื้ออาหารจะไปเดินชอปปิงกันต่อ
“เท็มไม่ได้รีบอะไรนี่วันนี้ ไปเดินชอปปิงเป็นเพื่อนแม่กับน้าฤดีแล้วก็น้องแตมก็แล้วกัน” คุณเมธาวีหันมาบอกลูกชาย ธรรศกรเพียงแค่ยิ้ม ซึ่งผู้เป็นแม่ถือว่านั่นคือการตอบรับ
“ถ้าอย่างนั้นแตมขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
“เท็มไปเป็นเพื่อนน้องแตมสิลูก”
เสียงคุณเมธาวีก็บอกกับลูกชาย ชายหนุ่มหันไปมองหน้ามารดาที่ยิ้มให้ แต่เฌอลียาก็เอ่ยแบบเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าเม แตมไปเองได้ รบกวนพี่เท็ม”
“ผมจะไปเข้าห้องน้ำด้วยพอดี” ธรรศกรพูดขึ้น
“อ๋อ งั้นก็ไปพร้อมกันได้ค่ะพี่เท็ม” อีกคนเจื้อยแจ้วส่งยิ้มให้อย่างน่ารัก
“งั้นแม่กับคุณป้าเมจะรอที่หน้าร้านแล้วกันนะจ๊ะ”
“ค่ะคุณแม่”
เห็นหนุ่มสาวเดินออกไปพร้อมกันผู้ใหญ่ทั้งสองก็ต่างหันมายิ้มให้กัน ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มีโอกาสพัฒนาขึ้นไปอีกระดับแน่ ๆ
ระยะทางไปห้องน้ำต้องเดินไกลพอสมควรทำให้ทั้งคู่มีเวลาเดินด้วยกันมากขึ้น ระหว่างทางเมื่อได้อยู่กันสองต่อสองเฌอลิตาก็หันมายิ้มนัยน์ตาซุกซนพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสนิทสนม
“ขอบคุณอีกครั้งที่ให้แตมไปฝึกงานที่บริษัทนะคะพี่...เสือน้อย”
ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากบอกว่า ไม่เป็นไร แต่ประโยคหลังก็ทำให้เขาหยุดคำพูด สายตาขรึมขึ้น แต่กลับทำให้หญิงสาวหัวเราะคิกอย่างชอบใจ
คำว่า ‘เสือน้อย’ เป็นคำเรียกขานของคนในบ้านโชติวรวัฒน์ที่ใช้เรียกลูกชายคนเล็ก ส่วนลูกชายคนโตคือศตรรฆคนที่บ้านจะเรียกว่า ‘ช้างใหญ่’ การที่คนในครอบครัวของธรรศกรเรียกเขาว่า ‘เสือน้อย’ นั้นฟังดูน่ารักน่าเอ็นดู ทว่าหากไม่ใช่คนใกล้ชิดเขาก็ไม่อยากได้ยินใครเรียกเขาแบบนี้ ขนาดกระยาหงันยังไม่รู้ชื่อนี้ของเขา แต่บังเอิญเฌอลิตาได้ยินเข้าตอนที่เธอไปบ้านของเขาพร้อมกับครอบครัวของเธอ จากนั้นก็เอามาพูดล้อเลียนเขาตอนอยู่โรงเรียน เขาจึงไม่ชอบ
“อุ๊ย ยังโกรธอยู่เหรอ โอเค ๆ แตมขอโทษ ไม่เรียกชื่อนี้ในที่สาธารณะให้ใครได้ยินแล้วก็ได้ รู้ว่าเรียกได้เฉพาะคนในครอบครัวค่ะ ขอโทษน้า ไม่โกรธนะคะ”
พูดพลางชูนิ้วก้อยขึ้นมา ทำหน้าซื่อตาใสเหมือนเด็กน้อย แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะเฉยแล้วเดินแยกเข้าไปในห้องน้ำก่อน
ธรรศกรใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานก็เดินออกมารอหญิงสาวที่ด้านหน้า ร่างสูงเด่นเป็นสง่าที่มีออราในตัวโดดเด่นสะดุดสายตาผู้คนไม่น้อยรวมถึงสะดุดตาคนคุ้นเคยกันมาสี่ปีที่บังเอิญมาพบเขาด้วย
“คุณเท็ม”
น้ำเสียงเรียกด้วยความดีใจของกระยาหงัน พร้อมด้วยร่างบางเดินเข้ามาหา ส่งยิ้มทั้งปากและดวงตาให้เขา
“กิ้น มาทำอะไรที่นี่” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วถามเสียงติดห้วน
กระยาหงันชะงักไปนิดหนึ่ง เขาคิดว่าเธอควรจะอยู่ที่ห้องนั่ง ๆ นอน ๆ หายใจทิ้งจนกว่าจะหมดวันหยุดหรือ
“กิ้นออกมาสปาค่ะ เสร็จแล้วก็มาเดินซื้อของ ไหนคุณเท็มบอกว่ามาทานข้าวกับคุณแม่ไงคะ”
กระยาหงันทำท่ามองหามารดาของเขา ถ้าเจอจะได้สวัสดีทักทาย ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ปลื้มเธอ แต่ถึงอย่างไรเธอเป็นผู้น้อยก็ต้องเคารพผู้ใหญ่ มารยาทต้องไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ทว่า
“แตมมาแล้วค่ะ...” เฌอลิตาชะงักไปนิดหนึ่ง หญิงสาวเบิกดวงตากลมโตใสแบ๊วเหมือนเด็ก “พี่เท็มเธอคนนี้คือ?”
เธอมองผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้เขาในระยะประชิด แล้วทำท่าอมลมไว้ในแก้ม ส่วนกระยาหงันขมวดคิ้วมองคนสวยก่อนจะเอ่ยคำที่ธรรศกรไม่ประสงค์ให้เธอพูด
“แฟนค่ะ ดิฉันเป็นแฟนคุณเท็ม”
“กิ้น!” เขาใช้สายตาสกัดเธอแทนคำพูด
“หา แฟนพี่เท็มเหรอคะ” ถามด้วยสายตาใสซื่อ
“ไม่ใช่หรอกจ้ะหนูแตม”
เสียงทรงพลังดังมาจากข้างหลัง เมื่อหันไปมองตามเสียงก็พบกับหญิงวัยกลางคนที่เดินคอตั้งมาด้วยท่าทางสูงส่ง กระยาหงันรู้สึกเนื้อตัวชาวาบเมื่อเผชิญกับสายตาที่เหมือนจะกรีดเนื้อเธอ
“สวัสดีค่ะ”
“เราไปกันเถอะเท็ม หนูแตม”
มารดาชายหนุ่มเอ่ยกับหนุ่มสาวทั้งสองราวกับเธอไม่มีตัวตน กระยาหงันหันไปสบตากับชายหนุ่ม อยากได้ยินคำแย้งหรือคำที่ปกป้องเธอบ้างแต่กลับได้สายตาที่สื่อในทางตำหนิจากเขาแทน ก่อนที่เขาจะเดินตามมารดาไปโดยไม่เอ่ยคำใด ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง
กระยาหงันได้แต่มองตามหลังทั้งสี่คนที่ไม่มีใครหันกลับมามองเธอเลยแม้แต่แวบเดียว เป็นเหมือนคนไร้ตัวตนในหมู่พวกเขา แม้ร่างกายจะรู้สึกหนาวเหน็บทว่าเธอรู้ดีว่าไม่ควรแสดงอาการอะไรใด ๆ ในสถานที่แบบนี้
^
^
^
***ฝากนักอ่านช่วยกดหัวใจ คอมเม้นดันนิยายเรื่องนี้ให้มนสิด้วยนะคะ
กิ้นบอกขอสัก 20 เม้น ให้กิ้นได้มั้ยคะ พลีสสสส
***ebook เรื่องก่อนหน้า วางให้โหลดที่ meb ฝากด้วยค่า