ไป…1/1
คนที่ถูกไล่เก็บกระเป๋าเสร็จก็หันไปมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้าง หน้าตาบูดบึ้งเพราะเพิ่งทะเลาะกันหมาด ๆ การทะเลาะกันครั้งนี้เหมือนจะรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ในรอบสี่ปีที่อยู่ด้วยกัน ไม่สิ ในรอบหนึ่งปี เพราะสามปีแรกก็อยู่กันอย่างราบรื่นมาโดยตลอด เขาถึงขนาดหลุดคำพูดที่เธอเองฟังแล้วก็จุกอกในใจไม่น้อย
“ถ้าทนไม่ไหวก็จบกันเลย จะทนทำไม”
“ที่ทนก็เพราะรักไง ถ้าไม่รักกิ้นจะทนทำไม”
“ก็ไม่ต้องรักสิวะ จะได้ไม่ต้องทน เบื่อเว้ย!”
“เบื่ออะไร”
“ก็เบื่ออะไรๆ ที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ไง เธอไม่เบื่อเหรอ”
“ไม่ กิ้นไม่เบื่อ”
“แต่ฉันเบื่อ!”
เขาตั้งใจพูดเสียงดังออกมาอย่างไม่คิดจะถนอมน้ำใจกันอีกต่อไปแล้ว
“ก็กิ้นกำลังจะไปอยู่นี่ไงล่ะ ไม่เห็นหน้ากิ้นแล้วคุณเท็มจะได้อารมณ์ดีขึ้น กิ้นจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว ไหน ๆ ก็จะไปแล้วจะไม่ไปส่งหน่อยเหรอ”
“ไม่ ไม่ใช่รถแท็กซี่จะได้ไปรับไปส่งใครได้ตลอด” ชายหนุ่มตอบเสียงห้วน คำพูดประโยคนี้ทำเอาคนฟังสะอึกไปครู่ น้ำตาเกือบจะซึมออกมาให้เห็น แต่ก็ยังยิ้มสู้กับอารมณ์และสายตาที่มองเธออย่างรำคาญเต็มที่อยากให้ไปให้พ้นหูพ้นตาเสียทีหรือหายไปเลยก็ยิ่งดี
“กิ้นเข้าใจ ไม่ต้องไปส่งก็ได้ กิ้นขับรถไปเอง”
ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีอย่างหมดอารมณ์ กระแทกแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างแรง ระบายลมหายใจออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อหญิงสาวมองเขาด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม
“ไปแล้วนะ”
“เหอะ!”
เมื่อไม่เห็นเขามีปฏิกิริยาใด ๆ เธอก็ลากกรระเป๋าออกไปจากห้อง
3…2…1…
พอเขานับถึงเลขหนึ่งในใจประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งอย่างที่คาดไว้ไม่ผิด พร้อมกับใบหน้าสวยสดที่โผล่เข้ามาจากมุมห้อง
“วันนี้วันหยุด ขอโทษที่ทำให้ตื่นขึ้นมาแต่เช้า บินเสร็จจะรีบกลับมาหานะคะ แล้วเจอกันตอนเย็นนะคะ บายค่ะ”
ธรรศกรเบือนหน้าหนีอย่างเบื่อหน่าย
‘เมื่อไหร่จะไปจริง ๆ ซะทีวะ’ ประโยคนี้เจ้าตัวคิดอย่างจริงจังในใจ
กระยาหงัน ดีศิริ เป็นพนักงานต้อนรับบนสายการบินหนึ่งที่เน้นเส้นทางบินภายในประเทศเป็นหลัก วันนี้หญิงสาวมีไฟลต์บินตามตารางจึงต้องไปทำงาน ที่บอกจัดกระเป๋าเตรียมไปก็หมายถึงออกไปทำงานตามปกติของเธอก่อนกลับมาที่คอนโดที่อาศัยอยู่กับเขา ช่วงคบกันแรก ๆ อะไรมันก็ดี แต่อยู่ไปร่วมสี่ปีอะไรดี ๆ ก็จางจืดเป็นธรรมดา
เขาทนต่อการตื่นและกลับไม่เป็นเวลาของเธอไม่ไหวอีกต่อไป ไม่อยากต้องขับรถไปรับไปส่งหญิงสาวที่สนามบินทุกครั้งเหมือนที่ทำมาตลอด ไม่อยากต้องมาคิดหาอะไรพิเศษ ๆ ให้เธอประทับใจอีกแล้ว พอกันทีชีวิตที่ต้องผูกติดอยู่กับใครหรืออะไรแบบนี้
เมื่อสี่ปีที่แล้วธรรศกรเดินทางไปจังหวัดทางภาคใต้ด้วยสายการบินหนึ่งซึ่งมีเส้นทางบินหลากหลายครอบคลุมทั่วประเทศพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เขาบังเอิญได้เจอพนักงานต้อนรับสาวบนสายการบินนี้และรู้สึกถูกตาถูกใจตั้งแต่แวบแรกที่สบตาหน้าประตูเครื่องบิน จนต้องให้เพื่อนส่งซิกขอช่องทางการติดต่อของเธอมาได้
“เฮ้ย เจอผู้หญิงมาก็หลายอาชีพแล้ว แต่ว่ายังไม่มีที่เป็นแอร์เลย อยากลองคบแอร์บ้างว่ะ มันจะเป็นยังไงวะ”
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้น... จนมาถึงตอนนี้ก็ครบสี่ปีพอดี
แอร์โฮสเตสสาวเดินลากกระเป๋าเข้ามาในอาคารสนามบินด้วยท่วงท่ามั่นใจ ใบหน้าเชิดน้อย ๆ มุมปากมีรอยยิ้มแต้มติด เธอเดินตรงไปที่ออฟฟิศของสายการบินซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ก่อนถึงเวลาบินทุกครั้งต้องมีการบรีฟงานเพื่อรับทราบข้อมูลสำคัญของเที่ยวบินและเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงาน วันนี้แม้จะมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่ค่อยสบายใจแต่ด้วยความเป็นมืออาชีพเธอก็ต้องเก็บเรื่องราวทั้งหมดไว้ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ธรรศกรเข้ามาในช่วงชีวิตที่กระยาหงันไม่มีใคร หญิงสาวเติบโตอยู่ในสถานสงเคราะห์ตั้งแต่ห้าขวบเนื่องจากบิดามารดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลงพร้อมกันทั้งคู่เหลือลูกสาวไว้เพียงคนเดียว ไร้ญาติที่จะเข้ามาดูแล ถึงกระนั้นเมื่อเติบโตขึ้นเธอก็พยายามไขว่คว้าสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองด้วยการศึกษาเล่าเรียน หลังเรียนจบได้วุฒิ ปวส. และมีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษในระดับดีมากเธอจึงยื่นใบสมัครเข้าเป็นลูกเรือของสายการบินหนึ่งแล้วก็ประสบความสำเร็จได้ประกอบอาชีพในฝัน
เดิมทีกระยาหงันคิดว่าจะทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของสายการบินภายในประเทศสักระยะหนึ่งก่อนเพื่อปูทางในสายงานอาชีพนี้แล้วจึงจะก้าวไปทำงานกับสายการบินระดับนานาชาติเพื่อจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตให้กว้างไกลขึ้น ทว่าแผนชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปเมื่อได้รู้จักกับผู้ชายที่ชื่อธรรศกร เมื่อผู้ชายคนนี้เข้าหาเธอ ด้วยการแสดงออกที่ทั้งให้เกียรติ เอาใจใส่ และไม่มีทีท่ารังเกียจเมื่อทราบถึงภูมิหลังของเธอซึ่งเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่โตมากับสถานสงเคราะห์ ทำให้หญิงสาวที่คอยระมัดระวังตัวอยู่เสมอลดการ์ดลง และยอมรับเขาเข้ามาในชีวิต ชายหนุ่มเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่เธอขาด คอยดูแลทุกอย่าง รับฟังปัญหาเรื่องราวในชีวิตของเธอ พาไปซื้อของทุกวันหยุด ให้ความสะดวกสบายเวลาอยู่ด้วยกันแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ผู้หญิงที่เป็นของตัวเองได้ กระทั่งพามาอยู่ด้วยกัน ทำให้หญิงสาวติดกับ Love bombing ของเขาจนไม่อยากไปทำงานไกล ๆ และต้องห่างกันทีละหลายวัน เมื่อรู้จักกับเขาเธอไม่เคยคิดถึงวันที่ความรักจะถึงจุดสิ้นสุด
ผู้ชายปากคว่ำ ชอบทำหน้านิ่งแต่เวลายิ้มโลกทั้งใบสดใส โดยเฉพาะโลกของเธอ
เธอพอจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อให้รู้ในช่วงที่ผ่านมา หากแต่หญิงสาวก็ยังคิดในแง่ดีว่ามันคงจะเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับคู่รักที่อยู่ด้วยกันนาน พอผ่านช่วงนี้ไปทุกอย่างก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม เธอเคยได้ยินเรื่องอาถรรพ์เจ็ดปี หรือ Seven-Year Itch ที่เชื่อกันว่าคู่รักที่คบกันครบเจ็ดปีมักจะเผชิญกับปัญหาความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นความเบื่อหน่าย การทะเลาะบ่อยขึ้น หรือแม้แต่การเลิกรากัน แต่นั่นมันคือเจ็ดปีนี่นา เขาเพิ่งจะคบกับเธอแค่สี่ปีเอง
^
^
^
ขอกำลังใจให้กิ้นมาเยอะ ๆ นะคะ กิ้นได้มนสิก็ได้ด้วย เรื่องนี้มาม่าเข้า