ชายหนุ่มชั่งน้ำหนักแล้วก็ตัดสินใจ เขาหันใบหน้าที่ขมวดมุ่นไปทางกระยาหงันที่กำลังมองเขาอยู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“วันนี้ขอโทษด้วยแตม ผมมีนัดอยู่ก่อนแล้ว”
เฌอลิตายังคงยิ้มไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังหรือไม่พอใจ “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะพี่เท็ม วันหลังก็ได้ เรายังอยู่ด้วยกันอีกนาน”
ประโยคแรกเหมือนจะไม่มีอะไร มาประโยคหลังที่ทำให้กระยาหงันหันไปมองคนพูดที่คล้ายกำลังบอกอะไร แต่ไม่ทันไรหญิงสาวก็ถูกมือหนาจับที่ข้อมือกึ่งลากกึ่งจูงกันออกไป
“คุณเท็มจับมือกิ้นแน่น กิ้นเจ็บ”
กระยาหงันบอกเขาเบา ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคน เขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผลอทำรุนแรงกับเธอ
“จริง ๆ ถ้าคุณเท็มอยากไปกับน้องคนนั้นก็บอกกิ้นได้ กิ้นกลับเอง ไม่เห็นต้องประชดกันแบบนี้”
“พูดให้มันเข้าหูหน่อยนะกิ้น ประชดอะไร เธออยากมากินข้าวกับฉัน ฉันก็ออกมากินข้าวกับเธอแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีก”
“ก็มาแบบไม่เต็มใจมา”
“แล้วเธอจะมาทำไมไม่รอให้ฉันตอบก่อน”
“กิ้นกลับก็ได้”
“ไม่ต้อง กินซะให้มันจบ ๆ อย่าหาเรื่อง”
เขาพาเธอเดินมาร้านสเต๊กซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ระหว่างที่กำลังจะถึงร้านจู่ ๆ กระยาหงันก็เอื้อมมือมาหยิกเขาที่เอว แม้จะไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเพราะมีแต่กล้ามเนื้อไม่มีส่วนเกินจนเธอแทบจะบีบนิ้วมาชนกันไม่ได้แต่เขาก็หันมามองเธอตาดุ
“ทำอะไร”
“กิ้นเห็นรถเต่า”
“รถเต่า? แล้วไง เกี่ยวอะไรกับที่มาหยิกเอวผม” เขาถามอย่างกังขา
“ก็เขาบอกว่า ถ้าเห็นรถเต่าให้รีบหยิกคนข้าง ๆ จะโชคดี” กระยาหงันอธิบาย ท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ
“ต้องเป็นเต่าคลาสสิกด้วยนะคะ ไม่ใช่เต่าใหม่ อย่างนั้นไม่ได้” เธอบอกเพิ่มเติมอย่างผู้ทรงภูมิ รถเต่ารุ่นเก่าเดี๋ยวนี้แทบไม่มีให้เห็นบนถนนแล้ว
“เหอะ ไร้สาระ”
“เชื่อไว้ก็ไม่เสียหลายนี่คะ” เธอยิ้มทะเล้นให้เขา ธรรศกรส่ายหน้าก่อนจะผลักประตูเข้าไปในร้านอาหาร
ภายในร้านตกแต่งให้บรรยากาศคล้ายคาเฟ่ กระยาหงันก้มหน้าเปิดเมนูอาหารก่อนจะชี้ไปที่สเต๊กรายการหนึ่งและสลัดผัก ธรรศกรจึงหันไปสั่งอาหารให้เธอและเขา ทว่าไม่กี่นาทีต่อมาทั้งคู่ก็เห็นเฌอลิตาเดินเข้ามาในร้านคนเดียว อีกฝ่ายส่งยิ้มให้โดยไม่ได้เดินเข้ามาหาแต่เลือกเดินไปนั่งโต๊ะว่างที่อยู่อีกฝั่งคนเดียวเงียบ ๆ
ชายหนุ่มหันกลับมาเหมือนไม่ได้สนใจอะไรเฌอลิตานัก แต่กระยาหงันกลับเผลอมองอย่างไม่ละสายตาจนเขาต้องเอ่ยขึ้น
“มองอะไรนักหนา”
“เปล่าค่ะ”
“เขามาฝึกงาน” เขาตอบในสิ่งที่เธอถามด้วยสายตา
“อ๋อ เหรอคะ”
คนที่รับรู้แล้วมีสีหน้าดีขึ้นแล้วยิ้ม รอยยิ้มของกระหยาหงันส่งผลให้ความรู้สึกหงุดหงิดของเขาลดลงด้วย นี่สินะที่เขาเรียกว่า แค่ยิ้มโลกก็เปลี่ยน
เวลารับประทานอาหารสำหรับคนทำงานมีจำกัดจะมาโอ้เอ้พิรี้พิไรไม่ได้ ฉะนั้นการรับประทานอาหารของธรรศกรจึงค่อนข้างเร็ว ไม่นานก็รวบช้อนเช่นเดียวกับกระยาหงันที่ไม่ได้อ้อยอิ่งเพราะรู้เรื่องของเวลาดี ในขณะที่เฌอลิตาก็คอยสังเกตโต๊ะฝั่งตรงข้าม เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้วคราวนี้เธอจะไม่ปล่อยให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกันหญิงสาวจึงเดินเข้ามาหา
“พี่เท็มจะกลับเข้าออฟฟิศเลยมั้ยคะ”
“อืม กลับสิ”
“ดีเลยงั้นแตมเดินไปด้วย”
เฌอลิตาสบตายิ้มหวานพูดกับธรรศกรเพียงคนเดียวโดยไม่ได้แม้แต่ชายตามองผู้หญิงที่ยืนข้าง ๆ เขา ก็จะสนใจให้ค่าไปทำไมในเมื่อเธอก็พอจะรู้จากมารดาของเขามาบ้างแล้วว่าถึงธรรศกรจะมีผู้หญิงอยู่ แต่ทางบ้านไม่มีทางยอมรับ ผู้หญิงคนนั้นก็แค่ชั่วคราวไม่มีความหมายอะไร
“ถ้าหนูแตมอยู่ใกล้ตาเท็มก็ช่วยทำให้ลูกของป้าตาสว่างกลับมาชอบหนูเหมือนเดิมให้ได้เร็ว ๆ นะจ๊ะ ป้าไม่อยากให้ตาเท็มตาต่ำไปมากกว่านี้”
“ยังไงคะคุณป้าเม”
“ผู้หญิงไร้สกุลรุนชาติ หวังปีนกิ่งไม้สูงแบบนั้น เอามายกย่องออกหน้าออกตาได้ที่ไหนกัน”
ธรรศกรหันไปมองกระยาหงัน หญิงสาวรับรู้จากแววตาของเขา
คราวนี้คงเป็นทีของเธอที่ต้องเดินคนเดียวแล้วสินะ เขามากับเธอแต่กลับไปกับอีกคน
“กลับไปก่อนนะกิ้น ผมจะรีบไปทำงาน”
“ค่ะ เชิญค่ะคุณเท็ม”
“ไปค่ะพี่เท็ม” เสียงหวานแทรกขึ้น พร้อมกับที่ทั้งสองคนก้าวเดินออกจากร้านไปพร้อมกัน ส่วนกระยาหงันก็กลับมาที่คอนโดอย่างเหงา ๆ จัดกระเป๋าเตรียมบินไฟลต์เช้าตรู่ด้วยใจวูบโหวงคนเดียว
เธอไม่ควรคิดมากเรื่องของเขากับผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม
^
^
^
*** ถึงตาแกจะโดนมิใช่น้อยนังเท็ม ปอกคอเกียมไว้นะคะ
กำลังใจและหัวใจกดส่งมาได้ไม่จำกัดจำนวน ถ้านักอ่านชอบก็ช่วยกดใจ คอมเมนต์มาบอกด้วยน้า จะได้มีแรงมาอัปค่า
***ebook สายหน่วง โบ้ กดที่ meb อ่านรอก่อนได้เลยนะคะ