ธรรศกรกลับมาถึงคอนโดประมาณหนึ่งทุ่ม ตอนแรกเธอคิดว่าคืนนี้เขาอาจจะไม่กลับมา พอเข้ามาในห้องก็เห็นว่ากระยาหงันกำลังใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดพื้นอยู่ เธอหันมาเห็นเขาแล้วก็กดปิดการทำงานของเครื่อง ก่อนส่งยิ้ม
“กลับมาแล้วเหรอคะ”
“...”
มีเสียงทอดถอนหายใจแทนคำบอกประกอบกับสายตาที่มองผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันมาสี่ปีเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรอยู่ในนั้นเลย เมื่อไม่มีใจ คำพูดทักทายที่ก่อนนั้นเคยทำให้รู้สึกดีก็กลายเป็นเรื่องน่ารำคาญ
‘ก็เห็นอยู่ว่ากลับมาแล้วยังจะถามอีกทำไม’
เขาตอบคำถามของเธอผ่านทางสายตา ก่อนจะเดินผ่านร่างเธอไป
“ดื่มน้ำเย็น ๆ มั้ยคะ กินอะไรมารึยัง กิ้นทำให้”
“ไม่ต้อง”
เสียงเข้มตอบมา ร่างสูงคิดว่าจะยังไม่พูดถึงเรื่องที่เก็บไว้ในใจวันนี้ เพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ แต่พอเห็นใบหน้าที่ยังยิ้มเหมือนคนไม่มีความลับอะไรปกปิดก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาพูด
“ไม่รู้ว่าเธอก็มีเรื่องผู้ชายในที่ทำงานด้วย”
หญิงสาวมีสีหน้างงงัน “คะ? คุณหมายถึงเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่เธอไม่ได้บอกฉันว่าไปยุ่งกับผัวชาวบ้านไงกิ้น ยังมาทำตัวใสซื่ออยู่อีกเหรอ นี่ฉันเองสินะที่โดนเธอหลอกคบซ้อนอยู่”
กระยาหงันยิ่งงงหนักขึ้น “กิ้นไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยนะคะ คุณไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
“ฉันก็เห็นกับตาไง ตอนอยู่บนเครื่อง” เขากระแทกเสียง
หญิงสาวมองหน้าเขา ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้น
“นี่คุณเท็มเห็นกิ้นเป็นผู้หญิงแบบนั้นเหรอคะ”
“แล้วเธอเป็นแบบไหนล่ะ” เขาย้อน
กระยาหงันพยายามสะกดกลั้นความความน้อยใจระคนผิดหวังที่พุ่งขึ้นมา
“กิ้นดูง่าย แล้วก็แย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถึงเธอจะใช้เวลาคุยกับเขาไม่นานก็ตกลงใจคบกับเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นผู้หญิงขี้อ่อยและศีลธรรมบกพร่อง เธอไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบใคร ธรรศกรเป็นคนแรกและคนเดียวตลอดเวลาสี่ปีที่อยู่ด้วยกันมา เธอไม่เคยวาดภาพอนาคตที่ไม่มีเขาเพราะแค่คิดหัวใจก็เหมือนจะรับไม่ไหว
เขาไม่ตอบ แต่สายตาที่มองมาก็เป็นคำตอบที่ทำเอาเธอสะเทือนไปทั้งใจ หญิงสาวพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิดปกป้องตัวเองจากข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม
“พี่นัสเป็นนักบินผู้ช่วย กิ้นกับพี่นัสเป็นพริเซนเตอร์ของวีสกายด้วยกัน กิ้นแค่ทำงานร่วมกับเขา เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น”
“ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้หรอกกิ้น” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าไม่เชื่อในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าแค่เพื่อนร่วมงาน เมียเขาคงไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น แล้วอย่าคิดว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าเธอกับผู้ชายคนนั้นส่งสายตาให้กันตลอดบนเครื่องทั้งขาไปและขากลับ”
“พี่นัสเป็นคนดีมีน้ำใจ สุภาพและเป็นกันเองกับทุกคนไม่ใช่เฉพาะแต่กับกิ้น”
ระหว่างเธอกับผู้ช่วยนักบินหนุ่มไม่ได้มีอะไรเคลือบแฝงทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่และพนักงานของวีสกายแอร์ไลน์ต่างรู้กันดีว่าปานวาดนั้นหึงแรงเพียงใด และกระยาหงันก็รู้ดีว่าหล่อนไม่ชอบหน้าเธอ อันที่จริงต้องพูดว่าปานวาดไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนที่สวยโดดเด่นเตะตาเพราะอาจเข้าตาสามี แต่เธอไม่เคยทำอะไรที่เข้าข่ายผิดศีลธรรมกับสามีของปานวาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“กิ้นไม่ได้ส่งสายตาให้ใคร กิ้นมองผู้โดยสารทุกคนรวมถึงคุณด้วย แต่คุณไม่มองกิ้นเอง”
กระยาหงันอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ขณะที่ในอกเริ่มสั่นไหวแรงขึ้น น้ำตาเริ่มมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเขาไม่มีท่าทีจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูด
“ฉันเชื่อในสิ่งที่เห็น”
หญิงสาวยิ้มขม สิ่งที่เขาเห็นคือสิ่งที่เขาคิด
“คุณเชื่ออย่างที่คุณอยากเชื่อต่างหาก กิ้นทำงานเสร็จก็รีบกลับบ้านทุกวันถึงจะไม่เป็นเวลาก็เถอะ จะเอาเวลาไหนไปสนใจใคร” กระยาหงันมองหน้าเขาพร้อมกับกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ที่เขาไม่ฟังสิ่งที่เธอพยายามอธิบายเพราะมีเหตุผลอื่นแอบแฝง จะอธิบายอย่างไรไปก็เปล่าประโยชน์
“คุณกำลังหาเรื่องไล่กิ้นออกไปจากชีวิตต่างหาก”
เขานิ่งไม่ต่อคำ แต่ทั้งสีหน้าและท่าทางของเขาทำให้เธอต้องยอมจำนนกับความจริงที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น
“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ แค่บอกมา กิ้นไม่จะอยู่เป็นภาระให้คุณต้องเดือดร้อนสงสาร กิ้นเอาตัวรอดได้ไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยงดู...ฮึก”
ความจุกแน่นในอกถูกระบายออกมาเป็นหยดน้ำตา เธอพยายามแล้วที่จะไม่ร้องไห้ กลัวจะตาบวมเพราะพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงาน จึงรีบสะกดกลั้นอารมณ์ สะอื้นจนตัวโยน
ธรรศกรถอนหายใจแรง คงถึงเวลาที่ต้องบอกเลิกกับเธออย่างจริงจังเสียที
“ผมว่าเราห่างกันเถอะกิ้น ผมขอโทษนะที่พาคุณไปไกลกว่านี้กับผมไม่ได้”
แม้ไม่มีคำว่า ‘เลิก’ สักคำในประโยค แต่ความหมายก็ตรงไปในทางนั้นอย่างแน่แท้ หยดน้ำตาที่พยายามกักเก็บไว้จึงล้นทะลักออกมาแต่ไร้ซึ่งเสียงโวยวาย
“ค่ะ กิ้นก็ไม่ได้อยากจะไปไกลกับคุณนักหรอก เลิกก็เลิก กิ้นจะรีบเก็บของย้ายออกวันนี้เลย”
ชายหนุ่มหลับตา ไม่อยากมองหน้าเธอเพราะอาจจะเผลอใจอ่อนอีกได้
“พรุ่งนี้คุณต้องทำงานรึเปล่า”
เขาถามโดยผินหน้าไปทางอื่นที่ไม่มีเธอ กระหยาหงันที่พยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดฝืนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สั่นคลอน
“ทำ”
“งั้นคุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อน สะดวกเมื่อไหร่ค่อยย้ายออก ระหว่างนี้ผมจะไม่กลับมาที่นี่”
ถือว่าเขายังเข้าใจการทำงานของเธอ
“ขอบคุณค่ะ แค่สองวันเท่านั้น รับรองว่าคุณกลับมาก็จะไม่เห็นกิ้นอีก ทุกอย่างกิ้นจะคืนให้คุณค่ะ”
ดวงตาพร่ามัวมองแผ่นหลังหยัดตรงที่เธอเคยกอดเคยอิงแอบ มีแต่เธอเท่านั้นที่เป็นฝ่ายเสียใจ ดูเขาแทบไม่รู้สึกอะไรเลย จากนั้นร่างสูงก็เริ่มขยับไหวหันกลับมามองใบหน้าที่เปื้อนหยาดน้ำตาที่กำลังมองเขา ผิดจากที่คาดไปหน่อยคือเธอไม่โวยวาย ไม่เรียกร้องเอาอะไร ก่อนที่หญิงสาวจะก้มหน้าเมื่อทนสู้มองดวงตาที่ว่างเปล่าคู่นั้นไม่ไหว ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวเพื่อระบายความอึดอัด
“ผมไม่อยากทำให้คุณร้องไห้นะกิ้น ระหว่างผมกับคุณเราเดินมาไกลมากแล้ว”
กระยาหงันพยักหน้า “กิ้นเข้าใจทุกอย่างค่ะ เข้าใจคุณ เข้าใจไปถึงครอบครัวคุณ...แต่ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“อะไร”
“อยู่กันมานานขนาดนี้ คุณไม่รักกิ้นบ้างเลยเหรอ”
กระยาหงันมองเข้าไปในดวงตาคมคู่นั้น แต่เหมือนความเงียบจะให้คำตอบที่ชัดเจนโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปาก
...เขาไม่ได้รักเธอเลย
สิ่งที่ได้รับกลับมาทำให้เธอสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง ยืนหยัดแม้ในตอนนี้จะไม่มีเรี่ยวแรงยืนแล้วก็ตาม
“มันแค่ความรู้สึกดี ๆ แต่มันยังไม่ถึงขั้นรักหรอก”
มองหน้าเธออยู่อึดใจพร้อมกับการตัดกระยาหงันออกไปจากชีวิต ก่อนที่เขาจะก้าวออกไปจากห้องอีกครั้งเพื่อให้เธออยู่คนเดียว วินาทีที่ร่างสูงเฉียดผ่านเธออยากจะคว้าแขนเพื่อรั้งเขาไว้ อยากจะโอบกอดเขาไว้ให้แน่นอีกสักครั้งเพื่อซึมซับความอบอุ่นเป็นครั้งสุดท้าย แต่สิ่งที่สัมผัสกลับมีแต่ไอแห่งความเย็นชาแผ่กระจายออกมาจนเธอเหน็บหนาวไปถึงหัวใจ
ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง ภายในห้องเหลือเพียงเธอคนเดียว ร่างบางจึงค่อย ๆ ทรุดตัวลงปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมา
ตลอดสี่ปีเขาไม่เคยรักเธอเลยแม้แต่น้อย ความดีที่เธอพยายามทำมาตลอดเอาชนะใจใครไม่ได้เลย ชั่วชีวิตนี้เธอจะได้เป็นเพชรเม็ดงามสำหรับใครสักคนบ้างไหม ธรรศกรเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอเปิดใจรับเขาเข้ามาในชีวิต ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุยี่สิบถึงตอนนี้ผ่านมาสี่ปีกระยาหงันก็อายุยี่สิบสี่ปี ส่วนธรรศกรอายุยี่สิบแปด ซึ่งก็ถือว่าทั้งคู่ยังอยู่ในวัยที่ต้องพบเจอประสบการณ์ในชีวิตอีกหลายเรื่อง ถ้าเขาจะทิ้งเธอตอนนี้ก็ไม่แปลกอะไรเพราะความรู้สึกของคนในช่วงนี้ก็หาความมั่นคงได้ยาก ยอมรับว่ายังรักเขาเต็มหัวใจแต่เธอก็ต้องประคองชีวิตที่ไร้คนข้างกายให้เดินหน้าต่อ หากเธอล้มก็ไม่มีใครส่งมือให้จับลุกขึ้น มีเพียงพลังใจของตัวเองที่จะดึงตัวเองขึ้นมา
เธอจะจดจำความรักครั้งนี้เอาไว้ สลักในหัวใจเป็นบทเรียน ว่ารักกับคนที่มีฐานะต่างกัน ไม่มีทางไปกันได้
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไป ขอหัวใจ+คอมเม้นส่งกำลังให้กิ้นซัก 50 ดวงได้มั้ยค่า เรื่องนี้ยาวแน่