ด้านกระยาหงันที่เครื่องแลนด์ในเวลาทุ่มเศษกำลังเดินกลับออฟฟิศพร้อมกับเพื่อนร่วมไฟลต์วันนี้อย่างลีน่าที่ทั้งคู่เห็นหน้ากันตั้งแต่วันที่สัมภาษณ์งานความเป็นเพื่อนเริ่มต้นจากวันนั้น หญิงสาวก็ได้รู้ข่าวว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งกำลังจะลาออกเพื่อไปสานฝันในสายการบินยักษ์ใหญ่ของต่างประเทศ
“ดีใจกับลีน่าด้วยจริง ๆ ที่ในที่สุดก็ได้ทำงานกับสายการบินที่ใฝ่ฝัน แต่คงคิดถึงมากเลยบินด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มติดปีก”
“กิ้นก็ลองสมัครดูสิ รับรองผ่านแน่ กิ้นเก่งจะตายแถมยังโพรไฟล์ดีขนาดนี้ ไหนบอกว่าเคยอยากมีผ้าห้อยคอเหมือนกันไง”
ทั้งสองสาวหัวเราะ ใช่ เธอเองก็อยากไปหาประสบการณ์ในสายการบินนานาชาติเหมือนกัน แต่ความคิดที่จะทำเพื่อตัวเองก็ถูกวางไว้อย่างไม่มีกำหนดเมื่อผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในชีวิต
กระยาหงันกลับมาถึงคอนโดประมาณเกือบสามทุ่ม ภายในห้องก็ยังเงียบและว่างเปล่า เขายังไม่กลับมาถึงอีกหรือ เขาไปต่อที่ไหน เธอได้ถามตัวเองในใจ วางกระเป๋าแล้วก็เดินไปเปิดน้ำเย็นมาดื่มก่อนเดินมาเปิดหน้าจอสมาร์ตโฟนที่การแจ้งเตือนข้อความจากเขาเงียบเชียบ
Kin TK : กิ้นกลับมาแล้วนะ
คุณเท็มอยู่ไหนคะ
จะกลับกี่โมง
พอได้ยินเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าจากสมาร์ตโฟนดังขึ้นคนที่นั่งอยู่ในร้านกับเพื่อนก็เหลือบตามอง ข้อความทั้งหมดก็ปรากฏบนหน้าจอโดยที่ไม่ต้องเปิดแอปพลิเคชันเข้าไปดู ธรรศกรทำหน้าเบื่อหน่ายออกมาทันที
“เป็นอะไรของมึง อยู่ดี ๆ ก็ทำหน้าเบื่อโลกแบบนั้น กิ้นตามรึไง”
“ไม่ได้ตาม แค่ส่งมาบอกว่าถึงแล้ว”
“เหรอ แล้วมึงจะกลับเลยมั้ยล่ะ”
ชายหนุ่มถอนหายใจแรง จนเพื่อนพลอยถอนหายใจตาม
“ก็บอกผู้หญิงเขาไปสิว่ามึงอยากเลิก จบมั้ย”
ชายหนุ่มโคลงศีรษะคิดว่านอกจากนอนด้วยกัน มีอะไรกัน เขายังรู้สึกอะไรกับผู้หญิงที่ชื่อกระยาหงันบ้าง...ก็ไม่ ตอนเข้าไปทำความรู้จักกับเธอครั้งแรกหญิงสาวดูหยิ่งไม่น้อย หากจะบอกว่าขอคบชั่วคราวหรือผูกปิ่นโตคิดว่าหญิงสาวคงปฏิเสธ ชายหนุ่มเลยใช้กลยุทธ์สม่ำเสมอแสดงให้เธอรู้ว่าเขาจริงจังในความสัมพันธ์ที่มันยังแฝงด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจ
ธรรศกรกลับมาถึงห้องราวห้าทุ่ม ภาพที่เขาไม่อยากเห็นคือกระยาหงันที่นั่งรออยู่
“กลับมาแล้วเหรอคะ หิวมั้ย”
“ไม่ กินมาแล้ว” เขาตอบเสียงค่อนข้างห้วน แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“จะอาบน้ำเหรอคะ กิ้นเตรียมผ้าเช็ดตัวให้”
เพราะทำอาชีพที่ต้องให้บริการหญิงสาวจึงติดการบริการมา ยิ่งกับผู้ชายที่เธอรักเธอก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้
“ไม่ต้อง ผมไม่ได้เป็นง่อยทำเองได้ ไม่ต้องมาวุ่นวาย”
“อืม ก็ได้ค่ะ”
เธอไม่เซ้าซี้ เดินไปขึ้นเตียงนอนรอ พอรู้สึกว่าอีกฝ่ายขึ้นมานอนข้าง ๆ หญิงสาวก็พลิกตัวกลับไปมองปรากฏว่าเขานอนหันหลังให้ ชั่งใจอยู่ไม่นานมือบางจึงค่อย ๆ สอดเข้ามาโอบกอดเขาจากทางด้านหลังฝ่ามือลูบไล้แผ่นอก ไม่ได้หมายจะกระตุ้นอารมณ์แต่อยากแสดงความใกล้ชิด การได้กอดเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมั่นคงอย่างที่ไม่เคยได้รับตั้งแต่เด็กจนโต
“คุณเท็มกิ้นอยากไปเที่ยวซินเจียง ไปดูธรรมชาติกว้างใหญ่หาวันไปกันมั้ยคะ”
“...” เงียบ ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา เขาคงหลับแล้ว กระยาหงันรอฟังคำตอบจนตัวเองก็หลับไปในที่สุด
เย็นกลางสัปดาห์ธรรศกรกลับไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านพร้อมกับครอบครัวซึ่งมีคุณศตวรรษผู้เป็นบิดา คุณเมธาวี และศตรรฆ อยู่กันพร้อมหน้า
เมื่อร่างสูงเปิดประตูลงจากรถยนต์คันหรูก็เห็นแม่บ้านอาวุโสยืนยิ้มแป้นอยู่บนเชิงบันไดรอต้อนรับ
“สวัสดีครับนมนิ่ม”
“คุณเสือน้อย เรียกแบบนี้อีกแล้วนะคะ” นิ่มนวลแม่บ้านใหญ่ของบ้านโชติวรวัฒน์ยิ้มให้เจ้านายคนเล็กอย่างเอ็นดู
“ไม่ให้เรียกนมนิ่ม งั้นเรียกนมอะไรดีครับ” ชายหนุ่มแซวแม่นมที่ดูแลเขากับพี่ชายมาตั้งแต่เกิด
“คุณก็” แม่นมหัวเราะคิก
“แล้วพี่แท็ปกลับมาถึงรึยังครับ” ธรรศกรถามถึงพี่ชาย ศตรรฆมีชื่อเล่นว่าแท็ป
“คุณช้างใหญ่กลับมาพร้อมกับคุณผู้ชายแล้วค่ะ” คนในบ้านจะไม่ค่อยเรียกสองพี่น้องด้วยชื่อเล่นจริง ๆ ที่บิดามารดาตั้งให้
ลูกชายสองคนของบ้านนี้ คนโตเป็นช้างใหญ่ คนเล็กเป็นเสือน้อย
ธรรศกรเดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับพี่ชายที่ลงมาจากชั้นสองพอดี พี่น้องจึงได้คุยกัน
“ไม่เห็นเข้าบริษัทใหญ่บ้างเลยนะ ปล่อยให้ฉันทำงานคนเดียวงก ๆ เดี๋ยวเถอะจะไม่แบ่งกำไรให้”
“ขอเวลาให้ผมปั้นบริษัทของตัวเองก่อนน่า เดี๋ยวเข้าไปช่วยแน่ มันยังต้องมีอะไรให้ดูแลอีกเยอะ”
“แกก็พูดแบบนี้มาสามสี่ปีแล้ว ไอ้เสือน้อย”
พี่ชายผู้แสนสุภาพเอ่ยดุอย่างไม่จริงจัง
“ขออีกปี ให้อะไรมันดีขึ้นผมจะไปช่วยพี่แท็ปแน่ครับ”
สองพี่น้องคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนถึงเวลาตั้งโต๊ะรับประทานอาหารเย็น
“วันเสาร์บินไปกระบี่กับแม่หน่อยนะเท็ม” คุณเมธาวีเอ่ยขึ้นเมื่อเจอหน้าลูกชายคนเล็ก
“ไปทำไมเหรอครับ”
“ไปปล่อยเต่า โพรโมตโรงแรมของคุณปานวาดน่ะลูก”
ธรรศกรขมวดคิ้ว
“ไปงานเป็นเพื่อนแม่หน่อย แม่ไม่อยากไปคนเดียว”
เขาหันไปมองหน้าพี่ชายที่ไหวไหล่แต่ทำหน้ายิ้มเยาะ เหมือนกับว่าหน้าที่นี้ให้มึงรับไป
“อย่าให้แม่ต้องคิดว่าลูกไม่สนใจแม่” มารดาทำเสียงน้อยใจ
“ครับ”
ขณะนั้นหน้าจอสมาร์ตโฟนของธรรศกรที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารก็สว่างวาบเมื่อมีข้อความถูกส่งเข้ามา
Kin_TK : กิ้นกำลังขับรถกลับคอนโดค่ะ
คุณเท็มอยากกินอะไรมั้ยคะ เดี๋ยวกิ้นซื้อเข้าไป
เขาเห็นข้อความจากกระยาหงันแล้วคว่ำโทรศัพท์ลง หันกลับไปก็เจอกับสายตาของมารดาที่จ้องอยู่ พี่ชายจึงเอ่ยแซวกึ่งอยากมีเรื่องเบา ๆ ว่า
“สงสัยสาวส่งมา”
“คุยกับสาวคนไหน ไม่พามาให้ที่บ้านรู้จักบ้างล่ะลูก” คุณศตวรรษซึ่งมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีเอ่ยถามขึ้น
“สาวแอร์ครับคุณพ่อ ไอ้นี่มันชอบ” ศตรรฆชิงตอบแทนน้องชาย
“อ๋อ แอร์โฮสเตสเหรอ ลูกสาวลูกชายเพื่อนพ่อก็ทำงานสายนี้หลายคน”
“หึ แต่พื้นเพที่มามันต่างกันนะคะคุณ” เสียงภรรยาขัดขึ้น
“หืม? คุณรู้จักสาวแอร์ของไอ้เสือน้อยเหรอ” สามีหันมาถาม
“ไม่เรียกว่ารู้จักหรอกค่ะ แค่เคยเจอโดยบังเอิญครั้งนึง เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ได้มีเทือกเถาเหล่ากออะไร” น้ำเสียงของภรรยาบ่งบอกว่าไม่ค่อยชอบใจนัก
คุณศตวรรษเลิกคิ้ว “แค่เจอครั้งเดียวก็รู้ไปถึงพื้นเพเขาเลยรึไงคุณ”
“สายตาคุณแม่น่ะยิ่งกว่าซีทีแกนเนอร์อีกนะครับคุณพ่อ” ศตรรฆเอ่ยถึงความสามารถพิเศษในการสแกนเพศหญิงที่เข้าใกล้ลูกชายของมารดา
“ตาแท็ป” คุณเมธาวีหันมาขึงตาดุลูกชายคนโต สามีถึงกับหัวเราะเบา ๆ
“เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกันค่ะคุณ”
“เอาล่ะ ๆ ช่างมันเถอะ แต่ยังไงลูกก็โตแล้ว มีวิจารณญาณเป็นของตัวเองแหละคุณ”
“ฉันกลัวว่าจะโดนของน่ะสิคะ”
“เอาน่า ลูกเรารู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรหรอกน่า” การเถียงกับภรรยาไม่ใช่เรื่องสนุก
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบอะไรกลับมากระยาหงันก็นิ่งคิดอยู่ในรถครู่หนึ่ง แต่แล้วมือเรียวที่จะกดโทร. หาก็เลิกล้มความคิด ระบายลมหายใจออกมาแทนเมื่อคิดถึงช่วงแรกที่คุยกัน
“เครื่องแลนด์แล้วส่งข้อความมาบอกผมเลยนะ ผมจะไปรอรับ”
“โอเคค่ะ แลนด์แล้วกิ้นจะรีบบอก”
^
^
^