บทนำ
Rrrrrrrr...
เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์มือถือดังสนั่น ทำให้หญิงสาวที่กำลังง่วนกับการจัดตกแต่งบ้านเพื่อใช้ในการเฉลิมฉลองงานวันเกิดต้องหยุดชะงัก แล้วรีบสาวเท้าเดินไปยังโทรศัพท์มือถือตัวการทันที
“ฮัลโหลค่ะ”
[สวัสดีค่ะ โทรจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาล XX ค่ะ นี่ใช่เบอร์ลูกสาวของคุณประทีปและคุณอัยวาหรือเปล่าคะ]
“ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
[ดิฉันจะโทรมาแจ้งข่าวค่ะ แต่คุณผู้หญิงต้องทำใจดี ๆ ก่อนนะคะ]
“ค่ะ รีบพูดมาเถอะค่ะ” มือบางกำเครื่องมือสื่อสารแน่น รู้สึกใจคอไม่ค่อยดียังไงก็ไม่รู้
[คุณประทีปและคุณอัยวาได้เกิดอุบัติเหตุรถชน ทางกู้ภัยได้รีบนำตัวมาส่งที่โรงพยาบาลของเรา แต่โชคร้ายที่ทั้งคู่เสียชีวิตระหว่างทางค่ะ]
ปั่ก!
ข่าวร้ายที่ได้รับฟังทางโทรศัพท์มือถือทำเอามือไม้ของหญิงสาวอ่อนระทวย ปล่อยโทรศัพท์มือถือให้ร่วงหล่นลงพื้นห้องจนเกิดเสียงดัง ก่อนที่ร่างอันแสนอ่อนแรงจะฟุ่บนั่งตามลงไปด้วยสีหน้าช็อกสุดขีด
“กะ..เกิดอะไรขึ้นอะพี่อ้อม?”
“พ่อกับแม่...ฮึก!...ตายแล้ว...” อ้อมกอดหันไปบอกน้องสาวร่วมสายเลือดอย่างใจรักพร้อมกับสะอื้นไห้ น้ำตาสีใสรินไหลออกมาจากเบ้าตาเป็นสายธาร
“หา!! มะ..ไม่จริงใช่ไหม พี่อ้อมโกหกหรือเปล่า พ่อกับแม่จะตายได้ยังไง ในเมื่อพ่อกับแม่สัญญาว่าจะกลับมาหาเรา มาเป่าเค้กวันเกิดของรักไงพี่อ้อม!”
“รถเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางมา...”
“ไม่จริงอ่ะ เป็นไปไม่ได้! รักไม่เชื่อ พี่อ้อมโกหก ไม่เชื่อ...ฮึกฮืออออ” น้ำตาของใจรักพรั่งพรูออกมาเป็นสายธารไม่ต่างจากพี่สาว ก่อนที่จะกรีดร้องออกมาราวกับเด็กสติแตก “กรี๊ดดดด!”
ห้าวันต่อมา
สองพี่น้องยืนกอดคอกันแน่นมองดูควันโขมงสีดำที่ค่อย ๆ ถูกปล่อยออกจากปล่องเมรุล่องลอยไปบนท้องนภา
ตอนนี้ทั้งคู่เหลือกันเพียงแค่สองคนแล้ว จึงต้องช่วยเหลือดูแลกันเองและไม่คิดที่จะหวังพึ่งพาใครทั้งนั้น นั่นก็เพราะ...
“ไปอยู่กับป้านะ”
“ไม่ค่ะ อ้อมจะดูแลน้องเอง”
“เอ๊ะยัยเด็กคนนี้นี่ ป้าบอกว่าจะช่วยเลี้ยงดูไง!
“อ้อมเลี้ยงตัวเองกับน้องได้ ไม่รบกวนป้าหรอกค่ะ อีกอย่างเงินประกันกับค่าทำศพที่เหลืออยู่ก็มีมากพอที่จะส่งเราสองคนพี่น้องเรียนได้หลายปี”
“เอาเงินประกันของพ่อแม่พวกแกมาให้ป้าดีกว่า ป้าจะจัดสรรให้และสัญญาว่าดูแลพวกแกอย่างดีจนพวกแกเรียนจบและทำงานมีครอบครัว”
“ไม่ค่ะ ป้าเคยโกงเงินแม่ไปครั้งหนึ่งหนูจำได้ อย่ามาทำดีหรือยุ่งกับพวกหนูอีก หนูไม่ต้องการคนขี้โกงอย่างป้ามาดูแล!”
“นังเด็กนี่นิ่!”
“หยุดนะอิ่ม!”
เสียงเข้มดุดังปรามขึ้น ทำให้มือที่ยกขึ้นเตรียมที่จะกำราบหลานสาวจอมปากดีต้องหยุดชะงัก พอตวัดตาไปมองก็ต้องชักสีหน้าไม่พอใจใส่
“ยุ่งอะไรด้วยพี่อำนวย!”
“นี่มันในวัดในวา อย่ามาทำตัวแบบนี้ หัดเกรงใจพระสงฆ์องค์เจ้าและให้เกียรติสถานที่บ้าง!”
“เหอะ! สะเออะจริง ๆ”
อำนวยกัดฟันกรอดระงับความโกรธในใจ ก่อนจะหันไปบอกหลานสาวทั้งสองเสียงอ่อน “ไปเถอะ”
สองสาวพี่น้องพยักหน้ารับให้ผู้เป็นลุงพร้อมกัน ก่อนจะเดินจูงมือกันเข้าไปในศาลา
“ที่พี่สะเหล่อมาห้ามเพราะอยากได้เงินประกันของนังอัยวาเหมือนกันล่ะสิท่า!”
“ฉันไม่อยากได้เลยสักนิด นั่นมันเงินที่ควรจะเป็นของหลาน มันคือสมบัติที่พ่อแม่ของพวกเธอทิ้งไว้ให้ ถ้าพวกหลานอยากดูแลกันเองก็ปล่อยไป อย่าเข้าไปยุ่งเลย อีกอย่างอ้อมกอดก็อายุยี่สิบแล้ว คงดูแลน้องได้”
“เหอะ!”
อิ่มสะบัดหน้าพรืดใส่ผู้เป็นพี่ชายอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะกระทืบเท้าเดินจากไปโดยที่มีสายตาของพี่ชายมองตามพร้อมกับส่ายหัวไปมาด้วยความเอือมระอา
ภายในศาลาวัดมีสองพี่น้องที่เพิ่งเดินเข้ามาไม่กี่นาทีก่อนนั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจ แม้จะผ่านมาห้าวันแล้วแต่พวกเธอก็ไม่ชินกับการสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกันแบบกะทันหัน ยังคงร้องไห้จนดวงตาบอบซ้ำเหมือนกับในวันแรก
“เราเหลือกันแค่สองคนแล้วนะรัก”
“อื้อ พี่อ้อมอย่าทิ้งรักนะ รักมีแค่พี่อ้อมคนเดียว”
“พี่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งรัก เราสองคนพี่น้องจะดูแลกันและกันตลอดไป”
“รักรักพี่อ้อมที่สุด”
“พี่ก็รักรักนะ”
“ฮึก...ฮือออ”
สองพี่น้องโผเข้าสวมกอดกันพลางร่ำไห้ออกมาอย่างหนักหน่วงจนสองร่างสั่นเทิ้ม การที่พ่อแม่จากไปกะทันหันทำให้อ้อมกอดต้องรับหน้าที่ดูแลน้องสาวอย่างใจรักแทน ต้องทำเป็นเข้มแข็งแม้ในใจจะรวดร้าวและเสียใจมากก็ตาม