ตอนที่ 1...

1914 Words
ณ มหาวิทยาลัยเลิศบัณฑิต “อ่ะนี่พวกแก ฉันกับจูโน่เก็บชีทเรื่องการปลูกพืชไร้ดินไว้ให้พวกแกแล้ว เอาไปคนละชุด” “อ้าว! เข้าเรียนก็ไม่เข้า ฉันเอาความรู้มาให้ยังจะเฉยกันอีก มัวแต่อ่านนิยายวายอยู่ได้” นาราภัทร หรือ มะนาว นักศึกษาชั้นปีที่สี่ คณะเกษตรศาสตร์บอกกับเพื่อนของเธอที่ไม่ได้เข้าเรียน “เออ! วางไว้ก่อนสิวะ พระเอกกับนายเอกกำลังจะได้กันแล้วเนี่ย” นิรดา หรือ โบตั๋น เคาะมือลงบนโต๊ะสองสามครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านนิยายในโทรศัพท์มือถือต่อไปอย่างตั้งใจ “ขอบใจมากมะนาว แต่ฉันกับโบตั๋นขอเวลาอีกห้านาทีนะแก” นิลวรรณ หรือ วุ้นเส้น เงยหน้าสบตากับเพื่อนรักเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น “ตอนสอบอ่านหนังสือให้ได้แบบนี้นะยะ จะเอาอะไรไหม จะไปซื้อน้ำปั่น” นาราภัทรส่ายหัวมองเพื่อนสนิททั้งสองที่รักการอ่านนิยายวายเป็นชีวิตจิตใจ “เหมือนเดิม” นิรดาและนิลวรรณ ตอบอย่างพร้อมเพียงโดยไม่หันมาสบตานาราภัทรเลย “โอ้ย! ชะนีมะนาวจะของขึ้นอีกแล้วค่ะ ยังไม่ลืมเรื่องวันนั้นอีกเหรอยะ จะเป็นอะไรกันนักกันหนากับความเกย์ ความเมะ ความเคะ ปล่อยพวกมันอ่านไป ฉันไปเป็นเพื่อนเอง” ณัฐพล หรือ จูโน่ เพื่อนสาวประเภทสองที่เพิ่งจะถอนสายตาจากการส่องรูปหนุ่มๆ กล้ามล่ำ อาสาไปกับนาราภัทร “ใครจะไปลืมได้วะ โคตรเสียความมั่นใจเลย” นาราภัทรถอนหายใจออกมาอย่างไม่เข้าใจนิรดาและนิลวรรณ ไม่ใช่ว่าเธอมีความเหยียดเพศ หรือมีความอคติกับเพศที่สามแต่อย่างใด หากแต่มีเรื่องราวที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไม่หายก็เท่านั้น หนึ่งเดือนก่อน ณ เดอะแคสเซิลผับ ผับชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ใกล้ ไม่ใกล้จากมหาวิทยาลัย “พวกแก ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ไม่ไหวแล้วว่ะ” นาราภัทรบอกกับเพื่อนๆ ทั้งสามคน ที่กำลังนั่งดื่มเฉลิมฉลอง เนื่องในโอกาสที่ผ่านการฝึกงาน เมื่อช่วงปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมา “ฉันไปด้วย” นิรดาวางแก้ว และยกมือบอกนาราภัทร “ฉันไปด้วย จะไปเติมปาก วุ้นเส้น เฝ้าโต๊ะนะยะ” ณัฐพลหญิงสาวในร่างผู้ชายหนึ่งเดียวของกลุ่มบอกกับนิลวรรณ “อ้าว ทิ้งฉันไว้เป็นหมาเฝ้าบ้านเลยนะ” “แป๊บเดียวค่ะชะนี นี่เพื่อนอุตส่าห์ปลีกตัวไปห้องน้ำ เผื่อว่าจะมีผู้ชายหลงมาขอเบอร์ เค้าจะได้ไม่เขินพวกฉันไงยะ” “ถือว่าแก้ตัวได้ดี รีบไปรีบมาแล้วกัน” นิลวรรณโบกมือไล่เพื่อนอย่างไม่ถือสา “ค่ะ” ทั้งสามสาวตอบพร้อมกัน ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะ “กรี๊ด! ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นค่ะ” นาราภัทรร้องลั่นและใช้สองมือปิดตาไว้อย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จ เธอก็เดินออกมาที่หลังร้าน เพื่อโทรศัพท์รายงานตัวกับพ่อของเธอ ว่าอีกไม่นานเธอก็จะกลับหอพักแล้ว “ขัดจังหวะจริงๆ อีบ้า!” เสียงผู้ชายที่กำลังนัวเนียอยู่กับผู้ชายอีกคน หันมาต่อว่าเธออย่างอารมณ์เสีย “ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ จะมาโทรศัพท์เฉยๆ” เธอชูมือข้างที่ถือโทรศัพท์ เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ และดวงตาทั้งสองข้างก็ยังคงปิดสนิท เพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ “ที่หลังก็หันดูซ้ายดูขวาซะบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!” เสียงผู้ชายคนเดิมยังคงโวยวายใส่เธอ ก่อนที่จะเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเสียงรอยเท้าที่ดังกระแทกพื้นห่างออกไปเท่านั้น “ว๊าย! ขอโทษค่ะ” เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แต่ก็เจอกับผู้ชายอีกคนที่กำลังยัดชายเสื้อเข้าในกางเกงและรูดซิบ จนเธอต้องรีบปิดตาลงอีกครั้ง “คุณ!” “อย่าด่าฉันเลยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้ขอโทษเขาด้วยความกลัว ถึงแม้เธอจะมีเพื่อนเป็นสาวประเภทสองมากมาย แต่จากประสบการณ์แล้ว บางคนก็ไม่ได้น่ารักแบบที่เธอคิด “ผมไม่ได้จะด่าอะไรสักหน่อย ลืมตาเถอะ” เขาดึงข้อมือของเธอที่ปิดตาทั้งสองข้างออกเบาๆ “แต่งตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ” เธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่อยากลืมตาขึ้นมาเจออะไรที่เธอไม่ต้องการเห็นอีก “เรียบร้อยแล้วครับ” นาราภัทรได้ยินคำตอบก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา “เฮ้อ! โล่งออกไปที” เธอสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เมื่อกี๊ผมขอ...” “มะนาว! เสียงแกกรี๊ดหรือเปล่า” นิรดาและณัฐพล เปิดประตูหลังร้านออกมาหน้าตาตื่น ทั้งสองมองชายแปลกหน้าและนาราภัทรสลับกันไปมา “กลับเข้าไปในร้านเถอะ ป่านนี้วุ้นเส้นรอแย่แล้ว” นิรดารีบบอก เมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนที่ดูแตกตื่น กำลังอยู่กับผู้ชายที่ดูไม่ค่อยหน้าไว้ใจเพียงลำพัง “ไปมะนาว” ณัฐพลพูดเสียงเข้มผิดกับท่าทางกระตุ้งกระติ้งของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาอาฆาต นาราภัทรเดินตามเพื่อนทั้งสองไป และไม่ลืมที่หันมาก้มหัวเพื่อเป็นการขอโทษเขาอีกครั้ง “ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันทำอะไรแกมะนาว” เมื่อกลับมาถึงโต๊ะ ณัฐพลก็รีบสอบสวนนาราภัทรทันที “เออ ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย มันทำอะไรแก เห็นหล่อๆ แบบนั้น ไว้ใจไม่ได้เลย แกกลัวจนหน้าซีดหมดแล้วเนี่ย ดีนะจูโน่มันได้ยินเสียงกรี๊ดแกอ่ะ” นิรดารีบเสริม “ฉันพลาดอะไรไปวะ นี่พวกแกหายไปสิบนาทีเองนะ” นิลวรรณมีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที “ก็มะนาวน่ะสิ อยู่ดีๆ ก็ร้องกรี๊ดที่หลังร้าน ฉันนี่เก็บตลับแป้งแทบไม่ทันเลย ดีนะที่ฉันเข้าห้องที่ติดกับหลังร้านพอดี” “ใจเย็นๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก แล้วเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรฉันด้วย ฉันนี่แหละไปทำเค้า” นาราภัทรรีบอธิบาย “หะ!” ทั้งสามคนประสานเสียงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ก็ฉันจะออกไปโทรหาพ่อ บอกว่าอีกสักพักจะกลับแล้ว แต่ฉันออกไปหลังร้าน ก็เจอเค้ากับผู้ชายอีกคนกับลังนัวเนียกันอยู่ ฉันตกใจ ก็เลยกรี๊ด” “คุณพระ! เค้าเป็นเกย์เหรอวะ เสียดายของว่ะ หล่อมากด้วย” นิรดาถอนหายใจอย่างเสียดาย แม้เขาจะดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจ เพราะแค่มองผ่านๆ เขาก็ดูหล่อคมเข้มไม่เบา “โบตั๋น!” เพื่อนทั้งโต๊ะโยนเศษทิชชู่ใส่นิรดา มันใช่เวลาที่เธอจะมาชื่นชมผู้ชายไหมเนี่ย “แหม! ทำเป็นชม เมื่อกี๊ยังมองเค้าตาขวางอยู่เลย” นาราภัทรเบะปากใส่ “ฉันก็คิดว่าเค้าลวนลามอะไรแกซะอีก แล้วคู่ขาเค้าไปไหนล่ะ ทำไมทิ้งพ่อรูปหล่อให้อยู่คนเดียว” “ฉันไม่รู้ ฉันโดนด่าด้วย” “คนที่หล่อๆ ด่าแกด้วยเหรอ” “ไม่ใช่เว้ย ผู้ชายอีกคนเป็นคนด่า เค้าด่าว่าฉันเข้ามาขัดจังหวะ แล้วก็เดินหนีไปเลย ลืมตามาฉันก็ไม่เจอแล้ว แต่ผู้ชายคนเมื่อกี๊เหมือนเค้าจะพูดอะไรกับฉันสักอย่างนี่แหละ แต่พวกแกเปิดประตูเข้ามาก่อน” “เออ ดีแล้วแหละที่แกไม่เป็นไรมาก ถือว่ารับพรไปแล้วกันมะนาว” นิลวรรณพูดปลอบใจ “คราวหลังก็มองซ้ายมองขวาก่อน ขัดจังหวะความสุขมันบาปนะยะ ” ณัฐพลบอกไปยิ้มไป “ใช่! มันบาป หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ดูดี แต่สายตาคงไม่ค่อยดี” ทั้งโต๊ะหันไปมองตามเสียงไม่คุ้นหูที่ดังขึ้น แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของเสียง ต้องเป็นคู่กรณีของนาราภัทรแน่ๆ “ว่างๆ ก็พาเพื่อนไปทำเลสิคหน่อยนะ สายตาจะได้ดีขึ้น ไม่ก็ไปซื้อคอนแทคเลนส์มาใส่ จะได้มองอะไรให้มันชัดๆ” “พี่คะ หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ” นาราภัทรรีบยกมือไหว้ขอโทษ เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้น หากเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง “หนูขอโทษแทนเพื่อนหนูด้วยนะคะคุณแม่ขา อีนี่มันไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวค่ะ ปล่อยผ่านไปเถอะนะคะคุณแม่” ณัฐพลรีบช่วยนาราภัทร “ใช่ค่ะพี่ หนูขอโทษแทนเพื่อนหนูด้วยนะคะ มันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ” นิรดาและนิลวรรณก็ช่วยเป็นกำลังเสริมอีกแรง “ก็ได้! เห็นว่าทำผิดแล้วรู้จักขอโทษนะ” “ขอบคุณค่ะพี่” ทั้งสี่ขอบคุณคู่กรณีที่ไม่เอาเรื่อง ดีนะที่พวกเธอทั้งสี่คน ไม่ใช่คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีจนไม่กล้าพูดคำขอโทษออกมา “พวกแก กลับกันเถอะ ฉันว่าวันนี้ไม่สนุกแล้ว” นาราภัทรหวั่นกลัวกับสายตาของเขามาก หุ่นกำยำของคู่กรณีนั้นพร้อมจะล้มเธอให้กองที่พื้นได้ทุกวินาที บวกกับคำพูดเฉือดเฉือนที่แสนน่ากลัว ก็ทำเอาเธอไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อแล้ว “ฉันก็ว่างั้นแหละว่ะ” นิลวรรณเห็นด้วย “งั้นกลับเลย” ณัฐพลก็เห็นด้วย เพราะรู้ว่าอิทธิฤทธิ์ของบุคคลคนนี้ หากได้สำแดงออกมา พวกเขาจะต้องพังพินาศแน่ๆ “งั้นฉันจ่ายเงินก่อนนะ เดี๋ยวค่อยไปหารที่หลัง” นิรดารีบจัดการค่าใช่จ่ายต่างๆ เผื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้... “มาแล้วค่ะ น้ำบ๊วยปั่นของคุณโบตั๋น แล้วก็นี่ค่ะชานมปั่นของคุณวุ้นเส้น ผู้รักสีส้มเป็นชีวิตจิตใจ” จูโน่วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ “ขอบคุณค่ะคุณจูโน่ ดื่มน้ำส้มเป็นนางเอกเลยนะคะ” นิรดาปลายตามอง “อ้าว! ก็ฉันเป็นนางเอก ก็สวยๆ เบาๆ” “ส่วนฉัน คุณมะนาว ดื่มมะนาวปั่นค่ะ” นาราภัทรแนะนำตัวเองสั้นๆ “อีนี่ไม่รู้จะกินอะไร ก็กินตามชื่อตัวเองค่ะ กลัวชาวบ้านไม่รู้ว่าชื่อมะนาวหรือไงคะ” ณัฐพลพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เออ พวกแกรู้ยังว่าคลาสวิชาพืชสวนตอนบ่ายวันนี้ จะมีอาจารย์ใหม่มาสอน” นิลวรรณพูดแทรกขึ้นมา “ไม่รู้ ทำไมต้องเปลี่ยนคนสอนวะ” “ก็เห็นเพื่อนบอกว่า อาจารย์สมปอง ต้องเข้าผ่าตัดด่วน เป็นไส้ติ่งมั้ง ฉันก็ไม่แน่ใจ แล้วอาจารย์ใหม่ก็อาจจะสอนยาวจนจบเทอมเลยด้วย เพราะนี่มันก็เหลืออีกแค่สองเดือนก็จะจบเทอมแล้ว” “ก็ดีนะ ให้อาจารย์สมปองได้พักบ้าง วันๆ เอาแต่เดินตรวจแปลงดิน” “งั้นเข้าห้องกันเลยไหม เหลือเวลาอีกครั่งชั่วโมงจะถึงเวลาเรียน หรือใครจะเปลี่ยนใจกินข้าวก่อน” “ไม่กินอ่ะ ไปกันเลยก็ดี ฝนทำท่าจะตกด้วย” นาราภัทรที่เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มครึ้มออกความเห็น “มันจะตกอะไรวะ มันตกแล้วเนี่ย” และยังไม่ทันที่เหล่าเพื่อนรักจะเก็บของเสร็จ เม็ดฝนก็ตกโปรยปรายลงมา ทั้งสี่คนรีบเก็บของบนโต๊ะ แล้วก้าวเท้าวิ่งไปห้องเรียนอย่างรวดเร็ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD