ลูกน้องของมาเฟียถอยหลังกรูด ไม่มีใครกล้าเข้าไปใช้ลิฟท์ตัวเดียวกับเจ้านายเมื่อเห็นทั้งสองจ้องหน้ากัน และเป็นนิ้วขาวๆ ที่แตะคำสั่งให้ลิฟต์ปิดลงแล้วเคลื่อนตัวลงด้านล่าง
“จะเอาอะไรก็บอกมา”
“เอาก๋วยเตี๋ยวสองชามค่ะ ตอนนี้หิวมาก” บอกเสียงหวานพร้อมกับปารอยยิ้มหวานๆ ให้เขาอีก แต่คิดเหรอว่าเขาจะหลงชอบรอยยิ้มปลอมๆ ของเด็กขี้แยแบบเธอ ประกายตาคมเข้มวาววับ จากนั้นมือหนาก็ล้วงบางอย่างจากกระเป๋าสูทก่อนที่เขาจะใช้นิ้วคีบมันแล้วยื่นให้เธอ
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่หนูต้องการค่ะ”
“ค่าก๋วยเตี๋ยวเธอ” น้ำอุ่นเกือบจะร้องเหอะออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนยื่นบัตรเครดิตแบล็คการ์ดให้ทั้งที่ค่าก๋วยเตี๋ยวชามละไม่กี่บาทเท่านั้น
“ค่าก๋วยเตี๋ยวสองชามหนึ่งร้อยยี่สิบบาทเองค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรนี้ ใช้เงินสดแทนค่ะ”
“ฉันไม่มีเงินสดให้เธอ แต่ถ้าเธออยากได้ฉันจะให้สันติจัดการให้” ไม่ใช่ว่าดูไม่ออกว่าเหตุผลที่เขายื่นบัตรนี้ให้เธอเพียงเพราะอยากให้เธอไปให้พ้นๆ เขาก็แค่นั้น ก็แล้วทำไมเธอต้องทำแบบนั้นด้วย ในเมื่อนี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
“หนูไม่อยากได้ค่าก๋วยเตี๋ยว แต่อยากได้คนไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยมากกว่า”
“ฉันไม่ชอบกินเส้น”
“ที่ร้านมีเกาเหลา”
“ไม่กิน”
“อาหารตามสั่งก็มีค่ะ หนูมารอพี่หลายวัน รอเก้อตลอดเลยแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นตลอด ลองมาแล้วหลายเมนู ป้าทำอาหารอร่อยค่ะ สะอาดด้วย”
“ดื้อด้าน จะต้องให้พูดอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่อยากไปกินกับเธอ”
“จะไม่ใส่ใจหนูในฐานะคู่หมั้นเลยเหรอคะ งั้นหนูบอกพ่อให้ชะลอเรื่องโอนหุ้นออกไปก่อนดีไหมคะ” คนตัวเล็กต่อรองด้วยรอยยิ้ม สิ่งที่เขาได้รับมันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมใจดีกับเธอบ้างเลย
“แน่ใจเหรอว่าเธอจะเล่นสงครามประสาทกับฉัน”
“หนูไม่ได้อยากเล่นสงครามประสาทเลยค่ะ หนูแค่ต้องการความใส่ใจ”
เหลี่ยมฉิบหาย!
เพราะแบบนี้หรือเปล่าฝั่งของเจนพิพัฒน์พาณิชย์ ถึงชะลอเรื่องการโอนหุ้นหลังจากหมั้นไปหนึ่งเดือน เหมือนเธอจะรู้ล่วงหน้าว่าทุกอย่างมันจะลงเอยแบบนี้ถึงได้ต่อรองแบบนั้น
หรือที่เคยเห็นว่าเป็นแค่คนหน้าเซ่อๆ ตาซื่อๆ ตอนนี้จะไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว หรือเริ่มฉลาดขึ้นมาแล้ว
“เธอต้องการอะไร” ขณะที่คู่หมั้นหมาดๆ กำลังตั้งคำถาม โทรศัพท์มือถือของเขากลับสั่นสะเทือนขึ้นแทรก และเห็นในตอนที่เขาล้วงมันออกมาจากกระเป๋าสูทหรูว่าใครเป็นคนโทรมา
น้ำอุ่นจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นอีกคนที่หลงใหลได้ปลื้มให้กับผู้หญิงที่ใครต่อใครก็มองว่าดีเลิศอย่างปลาดาว พี่สาวต่างแม่ของเธอหรือเปล่า แต่ต่อให้เขาจะเป็นหนึ่งในนั้นเธอก็ไม่สน
เพราะพี่สาวเธอสนใจเขา เขาเลยเป็นเป้าหมาย และผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของเธอแค่คนเดียวเท่านั้น
ชาร์ลีดับหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะตวัดสายตาคมเข้มคู่นั้นมาจ้องหน้าเธอกลับ
“สรุปจะเอายังไง แลกกับการโอนหุ้นให้มันจบๆ”
“ภายใต้ข้อตกลงคบกันไม่ไหวก็ถอนหมั้น ข้อหนึ่งโอน 10% ทันทีที่หมั้นครบหนึ่งเดือน ข้อสองโอนอีก 10% หลังจากที่หมั้นครบสามเดือน หนูเปลี่ยนแปลงข้อตกลงให้ได้นะคะ”
“บอกข้อเสนอของเธอมา”
“โอนหุ้น 20% แลกกับการที่เราสองคนได้ศึกษาดูใจกันอย่างใกล้ชิด ดีไหมคะ”
“แล้วคำว่าใกล้ชิดของเธอมันต้องแค่ไหน”
“ช่วงนี้หนูมีปัญหากับพ่อนิดหน่อยเลยไม่อยากกลับบ้าน ขอไปอยู่บ้านพี่ลีได้ไหมล่ะคะ”
“บ้านฉันไม่ใช่สวนสนุกของเธอสามขวบแบบเธอ”
“หนูไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะคะ โตแล้ว รักใครเป็นแล้วด้วย” คนบอกมองตาใส ต่างจากอีกคนที่จ้องเขม็ง ขบกัดกรามแน่น โกรธจนหน้าสั่นแต่ยัยเด็กสามขวบกลับไม่กลัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ต้องรอสามเดือนเลยนะคะพี่ถึงจะได้ถือหุ้น 20% โดยสมบูรณ์ ถ้าแต่พี่ใจดีกับหนูบ้างทุกอย่างที่พี่ต้องการมันจะเป็นของพี่นะ”
“….”
“หนูมีเวลาให้พี่ตัดสินใจไม่นานนะคะ ขืนรอสามเดือนแล้วหนูเกิดหมดรักพี่ขึ้นมา ต่อให้พี่กอดขาอ้อนวอนให้หนูขายต่อหนูก็ไม่ขายให้หรอก”
“หน้าอย่างฉันไม่มีวันไปกอดขาอ้อนวอนเธอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็กล้าๆ หน่อยเถอะค่ะ พี่ไม่อยากอยู่ใกล้หนูเพราะกลัวว่าตัวเองจะหวั่นไหวเหรอ”
“ไม่หวั่นไหว รำคาญน่ะใช่”
“ตอนที่หนูยังเป็นคู่หมั้นของพี่พี่บอกว่ารำคาญ อย่าให้เห็นว่าในอนาคตเลิกรำคาญแล้วติดหนูแจนะ”
“เพ้อเจ้อ น่ารำคาญ”
คำก็รำคาญ สองคำก็รำคาญ ให้มันรู้กันไปว่าน้ำหยดใส่หินแล้วหินจะรำคาญตลอดไป
———————————
ต้องงัดมารยาบทไหนมาใช้กับผู้ชายเย็นชาดีคะ เขาจะได้เลิกพูดคำว่ารำคาญน้องอ่าา 🌝🥹