CHAPTER 01
CHAPTER 01
เป็นไงละ... หมดสภาพ
บอกได้เลยว่าหมดสภาพ
จากวันนั้นที่คิดว่าตัวเองสามารถทำให้ใครบางคนง้อได้ใจก็เหลิงใจเป็นที่สุดมาสู่วันนี้ห่างกันแค่หนึ่งวันที่มี 24 ชั่วโมงซึ่งเกือบเป็นวันสุดท้ายของปีก่อนวันขึ้นปีใหม่พ่วงด้วยวันเกิดตัวเอง การที่ฉันต้องแบกลากสังขารตัวเองมานอนพ่วงสายน้ำเกลืออันแสนทรมานฉลอง Happy new year เคาน์ดาวน์รวมไปถึงฉลองวันเกิดในโรงพยาบาลเนื่องจากไข้แดกพร้อมกับมีอีกโรคหนึ่งผุดขึ้นมาใหม่ โรคนี้คนเป็นหลายคนแล้วแต่ความรุนแรงเฉพาะบุคลนั่นคือโรคกระเพาะ
สำหรับฉันมันรุนแรงปวดท้องไปหมดจนต้องเจาะให้น้ำเกลือกับฉีดยา
ซวยไม่ซวยล่ะ
บอกแล้วว่าไม่สนุก
แทนที่จะได้ไปนั่งยิ้มเชิดเฉิดฉายนั่งทานข้าวแสนโรแมนติคบนดาดฟ้าโรงแรมใหญ่กับต้องมานั่งนอนติดเตียงในชุดของโรงพยาบาล เฮงซวยที่สุด!
แกร๊ก...
ยังมีสิ่งที่เฮงซวยที่สุดมาอีก...
สิ่งที่เรียกว่าซวยกว่าซวยซ้ำซวยซ้อนก็มาเยือนเมื่อมีผู้หญิงสองคนเข้ามาใหม่ในห้องผู้ป่วยอย่างฉัน บุคคลคนแรกคือ ‘แม่’ บังเกิดเกล้าส่วนคนหลังคือมัน ‘มีน’ หรือที่ฉันเรียกติดปากว่า ‘อีมีน’ คนแรกน่าจะรู้นิสัยฉันดีนะว่าคิดยังไงกับเหตุการณ์ตอนนี้แต่ทำไมไม่สนใจเอาแต่หันหน้าไปต้อนรับขับสู้อีมีนยิ่งกว่าเป็นพนักงานต้อนรับเสียอีก ยิ้มแย้มอ่อนโยนให้กับมันอยู่แบบนั้นผลที่ได้รับกลับมาคือทางตรงกันข้าม ท้ายสุดแล้วก็เป็นฉันที่ขยับตัวพิงเตียงไร้การทักทายใดๆ ออกไปสำหรับคนๆ นี้มารยาทไม่ต้องมีหรอก
ฉันไม่ถูกกับมัน
ฉันไม่ญาติดีกับมัน
ฉันไม่ทำอะไรดีๆ ให้กับมัน
“ตาลลูก คุณมีนเขามาเยี่ยม”
“...” เยี่ยมเหรอถ้าคิดว่ามันมาเยี่ยมก็ฝันเอาชาติหน้าตอนบ่ายๆ น่ายังจะ ‘พอมีหวัง’ อยู่แต่ชาตินี้ ‘อย่าหวัง’ เลยยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ คนเลวยังไงก็คือคนเลวต่อให้บวชชีอาศัยนุ่งขาวห่มขาวหางมันก็โผล่ออกมาอยู่ดีโดนไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นยังไงซะมันก็ดีแตกออกมาซักวัน คนอย่างมันไม่ต้องเรียกว่ามาเยี่ยมเรียกว่ามาสมน้ำหน้าอยากเห็นสภาพฉันมากกว่าว่าเป็นยังไงใกล้ตายหรือยัง
จะบอกให้ว่าอีมีนไม่ได้เห็นหรอก
เพราะตอนนี้ฉันยังสวยเฉียบความโทรมไม่กล้าเทียบเข้ามาใกล้
“ตาล”
“ไม่เป็นอะไรหรอก จะถือว่าไม่มีใครได้สั่งสอน”
“...”
เป็นไงล่ะหน้าแม่คงชาไปเป็นแถบแล้วไหมกับการโดนมันตอกกลับขนาดนี้ ไม่อยากซ้ำเติมแม่หรอกเพราะเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็ใช่ว่าจะมีความสุขเท่าไหร่นัก การโดนว่าแบบนี้มันคือเรื่องชินชาสำหรับแม่อยู่แล้วไม่ว่าจะยังไงโดนทำแค่ไหนก็ไม่เห็นทีท่าของการต่อสู้กลับของแม่เลย
ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เห็นไหม
“จะได้บอกพ่อว่าลูกนอกคอกยังไม่ตาย ยังอยู่ผลาญเงินได้อีกนาน”
“คุณมีน”
“หรือมันไม่จริง ลูกนอกสมรสอย่างอีตาลได้แค่นี้ก็บุญนักหนาแล้วยังสาระแนมานอนโรง’บาลเอกชนค่ารักษาแพงๆ คิดจะให้พ่ออกเงินให้อีกละสิ”
“ตาลแม่จะให้ย้ายนะ”
เหอะ...
ขนาดลูกในไส้ยังไม่คิดห่วงเหรอแม่
ขนาดตาลป่วยยังต้องยอมอีกเหรอ
แม่ก็ยังเป็นแบบนี้วันยังค่ำ
“...” ฉันเงียบแต่ยังมองอีมีนนิ่ง
“พึ่งมาคิดได้เหรอว่าสมควรไสหัวย้าย”
“เดี๋ยวแม่จัดการให้นะตาล”
“ไม่ต้องหรอก” นี่คือประโยคแรกของฉันหลังจากยอมเงียบมานานแสนนาน ยอมฟังถ้อยคำประโยคพวกนั้นผ่านหูซ้ายทะลุออกหูขวารั้งย้ายประโยคด้วยการแถมท่าทางเยาะเย้ยให้อีกคงกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว “มีเงินค่าโรง’บาลแค่นี้จิ๊บๆ”
“เหอะให้มันจริงเถอะ”
“ตาลพอลูก”
“อย่าหน้าด้านขอเงินพ่อ”
“จริงแน่นอน มีเยอะกว่าผู้ชายคนนั้นอีก” ตอกย้ำประโยคด้วยการฉีกยิ้มหวานแจกจ่ายที่รู้ทั้งรู้ว่าฉันทำเพื่อเยาะเย้ยทำเพื่อกวนประสาทอีกฝ่ายผลตอบกลับมันน่าหอมหวานมากกว่าการใช้กำลัง การปั่นประสาทด้วยการมีความสุขต่อหน้าอีมีนยิ่งทำให้ฉันรับรู้ว่าตัวเองชนะและอยู่เหนือมัน “เอ๋... นอนนิ่งๆ แบบนี้จะช็อปอีกกี่แสนก็ทำได้นะ”
“ประสาทอยู่เหรอ?”
“จริงอยู่ฉันอาจประสาทแล้วเพราะว่า...”
“นี่แก!”
“จุ๊ๆ อย่าพึ่งบ้า มันไม่จบแค่นี้”
“...”
“เอ้... หรือว่าจะเทคโอเวอร์โรง’บาลแห่งนี้ดี” ไม่พูดเปล่าบัตรสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำใบมือที่ฉันพึ่งนำออกจากกระเป๋าใบเล็กข้างกายก็ถูกพัดวีไปมาในอากาศ บัตร World elite หรือเรียกกันติดปากว่าการ์ดดำวงเงินไม่กำจัด มันทำให้อีกคนตาร้อนอยู่ไม่สุขเหมือนเดิม “คิดไม่ออกอยากได้เยอะแยะไปหมด ยิ่งเจ้าของบัตรตามใจก็ยิ่งอยากช็อปให้กระจุย”
“อีตาล!”
“หูย... เมื่อวานพอป่วยนะคนที่อุ้มพาส่งโรง’บาลหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ถูกต้ม แค่ทำหน้าง้อหรืองอนนิดหน่อยอยากได้อะไรครึ่งชั่วโมงต่อมาของที่อยากได้มาวางตรงหน้าหมด โน้นๆ ดีสิตรงมุมห้อง” นิ้วชี้ตรงไปยังโต๊ะขนาดกลางที่ของบนโต๊ะนั้นมีแต่ของราคาแพงทั้งหมดทุกอย่างหลักหมื่นขึ้นทั้งนั้นส่วนมากเป็นของต่างประเทศ “กระเป๋า เสื้อผ้าจาก Chanel เสื้อลายสก็อตจาก Burberry รองเท้าของ Hermes ชุดเดรสสวยจาก Gucci เครื่องสำอางของ Dior ละลานตามากเลย”
“...”
ถึงกับไปไม่เป็นเลยเหรอ
ยัง มันยังไม่หมดแค่นี้แน่ๆ จะจัดให้ชุดใหญ่เลย
“ฟ้าใจดีจัง รักฟ้าที่สุด”
“อีหน้าด้าน!”
“ไม่เจ็บจ้ะเพราะน้อยกว่าใครบางคน”
นึกว่าจะยอมเหมือนแม่เหรอ คิดว่าจะโง่งมอดเถียงไม่มีทางจะเจ็บเจียนตายแค่ไหนคนที่ฉันไม่มีทางยอมแบบหัวเด็ดตีนขาดก็คืออีมีนกับครอบครัวมัน
โลกนี้ไม่มีใครเป็นที่รองมือรองตีนให้ใคร
“เอาบัตรมาอีตาล”
“ด้านไว้กว่าที่คิดนะ ขอดื้อๆ”
“กูบอกให้เอามา!” ร่างของอีมีนเข้ามาหาฉันที่เตียงแต่แม่ก็เข้ามาขวางเอาไว้ทัน “ออกไป ถ้าไม่อยากโดนตบ กูบอกให้มึงออกไปอีเมียน้อยจะสั่งสอนมึง!”
“ไม่คิดว่าคนอย่างอีมีนจะไม่มีใครสั่งสอนเหมือนกัน”
สิ้นสุดเสียงฉันจบเสียงเปิดประตูเข้ามาของพยาบาลก็ทำให้อีมันมันชะงักระงับอารมณ์เอาไว้เต็มที่เพื่อภาพลักษณ์ที่สายตาฉันมันไม่เหลืออะไรให้ทำแล้ว พยาบาลเข้ามาวางยาหลังอาหารให้กับฉันเสร็จแล้วก็เดินออกไป แม่เห็นทุกอย่างเข้าสู้เหตุการณ์ปกติจึงยื่นยาให้กับฉันส่วนอีมีนก็ยืนนิ่งใกล้เตียง
“แดกให้ตายไปซะ”
เสียงของมันส่งมาในขนาดที่ฉันเอายาเข้าปากไม่พอมันคว้าแก้วน้ำไปไว้ในมือไม่ให้ฉันดื่มตามยา ได้ใครมันจะแพ้ก็ลองดูแต่ตอนนี้ฉัน... อื้อ รสชาติมันขมปี๋แทรกซึมเข้าไปทั่วด้านในปาก
อี๋... ขม
แค่ไหนก็เป็นยาใครว่าหวานสบายเวลากินก็ช่างเขาแต่ไม่ใช่กับฉันที่ยอมทนก้ำกลืนกินเข้าไปโดยปราศจากการโวยวายการงอแงก็เพื่อทำหวังผลต่างหาก คิดเหรอว่าการที่ต้องนั่งป่วยพิงบนเตียงในห้องพิเศษของโรงพยาบาลมันน่าสนุกแถมยังมีสายน้ำเกลือติดหลังมือแบบนี้มันน่าภูมิใจยิ่งแล้วใหญ่เมื่อตอนนี้มีศัตรูเบอร์หนึ่งเข้ามาร่วมห้อง
“ถุย!” สุดท้ายเม็ดก้อนกลมๆ ในปากสองเม็ดก็ถูกพ่นออกไปเฉียดฉิวกับใบหน้าผู้ดีเก่าที่ก่อนหน้านั่งเชิดงูลำคอเกร็งเหลือเกิน มันโวยวายทันทีก่อนถอยหลังออกไปพร้อมกับมือที่ควานหาทิชชู่ “ยาอยู่กับคนประสาทเหมาะกันดี”
“อีตาล!”
“หยุดเห่าหยุดหอนอีเสนียด”
“คนสกปรกอย่างแกไม่ไม่ต่างจากแม่แกนักหรอก เป็นได้แค่เมียน้อยเชื้อไม่ทิ้งแถว!”
“ปั้นหน้าบอกว่าเป็นเมียเขา เขาเคยบอกหรือเปล่าว่าเป็นมั้ย มั่นหน้ามั่นโหนกจังเลยทั้งที่ไม่ได้แต่งงานสักนิด คำว่าเมียมันต้องออกจากปากเขาเท่านั้น”
ยิ่งเป็นผู้ชายแบบสายฟ้ายิ่งยาก
“คิดว่าสายฟ้าง่ายนักเหรออีตาล”
“มันจะไปยากอะไรแค่ผัวเก่าแกมาอยู่กับฉันแล้วตอนนี้”
‘ผัวเก่า’ ศัพท์นี้ควรทำความเข้าใจด้วย ไอ้คำว่า ‘เก่า’ หมายถึง การเคยอยู่ในสถานะใดสถานะหนึ่งมาก่อน ฉะนั้นผัวเก่าในความคิดของฉันที่มีต่ออีมีนก็คือ อดีตที่ไม่มีผลส่งต่อมาถึงปัจจุบันถึงแม้จะทำตัวเข้ามาระรานไม่เลิกยังไงก็ไม่สามารถทำอะไรได้สักนิดมีแต่ชวนให้ปวดหัวมากไปกว่านั้นก็มีบ้างเพราะบางครั้งโดนแม่ด่ากับการไม่ยอมคนของฉัน
“อย่างน้อยก็มาก่อนอีตัวแบบแก”
ตรรกะป่วยๆ ของคนประสาทแดกมันเป็นแบบนี้เอง
“ถ้าคนมาก่อนมันดีจะมีคนใหม่ทำไมคิดสิอย่าสักแต่จะพูดควายๆ”
“สายฟ้าเห็นเป็นควายเลยหลอกสิไม่ว่า”
“อืม... ก็น่าคิดแฮะ” ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ใบหน้าเหยียดยิ้มออกมาในรูปแบบไหนถ้าเปรียบเป็นละครนางร้ายตัวอิจฉาแน่ๆ แต่ใครเขาสนกัน “ขนาดเห็นเป็นควายยังถวายการ์ดดำ ถ้าเลื่อนขั้นเป็นเมียจดทะเบียนไอ้อีแถวนี้ไม่เป็นหมาหัวเน่าอยู่ในถุงขยะสีดำพร้อมมัดปากถุงเตรียมทิ้งไปไกลๆ เลยเหรอ”
เห็นนะใบหน้าแบบนั้น
เห็นนะกับการทำอะไรไม่ถูก
เห็นนะใบหน้าที่กร่ำแดงด้วยความโกรธ
ก็ไม่คิดว่าจะสะใจมากขนาดนี้แบบนี้สินะที่เรียกว่าเหนือกว่า รู้สึกสวยนางพญามากถึงแม้จะสวมชุดของโรงพยาบาลก็ตามแต่ไม่มีอะไรมาทำลายได้ พอเหมาะโอกาสฉันจึงเหยียดยิ้มส่งออกไปทับถมมันอีกชั้นหนึ่งโดยสายตาจับจ้องท้าทายแบบนั้น
เมียจดทะเบียน คำนี้ทำให้อีมีนกลัวมากทำไมฉันจะไม่รู้เสี้ยวใบหน้าของมันที่แสดงออกมาเมื่อกี้ไม่สามารถหลบสายตาของฉันไปได้ ฟาดมาก็ฟาดกลับแล้วฉันจะเน้นแรงๆ เอาให้ปวดแสบปวดร้อนไปตามๆ กันนี่แหละ
ตกนรกก็ตก
“ต่ำ”