EP. 3 ไอ้เพื่อนรัก

1721 Words
#DAN PART @คณะบริหารธุรกิจ “เฮ้อ...! เลิกคลาสสักที” ผมตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียท่ามกลางเพื่อนๆ ที่กำลังเดินออกจากห้องเรียน เห็นแค่ไอ้เฟยกับเอ็มมี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ “อ้าว! ไอ้เซียนไปไหนวะ?” เห็นสายตาไอ้เฟยที่มองมารู้เลยว่าอีกเดี๋ยวจะโดนมันเล่นงาน “ตื่นตรงเวลาเลยนะมึงเลิกปุ๊บตื่นปั๊บ! ไอ้เซียนมันรีบร้อนจะไปไหนไม่รู้เห็นบอกมีธุระด่วนเลยกลับไปก่อน” “อ้าว! ไอ้เวรนี่ไม่รอเพื่อนรอฝูง แล้วเราไปไหนกันต่อดีวะ?” เพิ่งพูดจบเอ็มมี่ก็พูดสวนขึ้นมา “เชิญไปคนเดียวเถอะย่ะ! ฉันกับเฟยจะไปสวีทกันไม่ต้องมาเป็น ก.ข.ค. เข้าใจปะ!” “เห็นกูเป็นก้างขวางคอซะงั้น กูไปด้วยไม่ได้เหรอ?” ไอ้เฟยพอได้ยินก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “อย่างมึงอะก้างขวางคอมันหรูไป มึงเป็นได้แค่กองขี้ควาย โว้ย!” “อุ๊ย! ที่รักฉันชอบคำนี้เหมาะกับไอ้แดนที่สุด ฮ่าๆๆ” เอ็มมี่ชอบใจหัวเราะใหญ่แทบจะลืมความเป็นผู้หญิง “ไอ้พวกเวร! เหม็นขมความรักว่ะ! กูไม่ไปกับพวกมึงก็ได้! เดี๋ยวกูไปหาไอ้เซียนที่ห้องก็ได้วะ” ไอ้พวกคลั่งรัก! เก็บกระเป๋าออกจากห้องเรียนทันทีหลังจากแยกกับไอ้เฟยเอ็มมี่ พอถึงลานจอดก็โทร. หาไอ้เซียนกะว่าจะไปเล่นที่ห้องมัน โทร. ไปสามสี่รอบไม่มีคนรับสายไม่รู้หายหัวไปไหนไอ้หมอนี่ บทจะหายก็หายไปดื้อๆ ตอนนี้ก็เย็นมากละว่างจัดเลยอยากจะหาอะไรทำแก้เบื่อสักหน่อย มานั่งนึกว่านอกจากห้องไอ้เซียนมันมีที่ไหนที่ไปได้บ้างวะ? อ้อ! สนามบาสไง! ไม่ได้ไปนานแล้วด้วยไปออกกำลังกายเรียกเหงื่อไล่แอลกอฮอล์ในร่างกายสักหน่อยคงดี @สนามบาสมหา'ลัย ตัดสินใจได้แล้วก็ขับรถมาที่สนามบาสเห็นพวกเพื่อนในคณะกำลังเล่นรับส่งลูกบาสอยู่ในสนามก็พอใจชื้นหน่อย นึกว่าจะต้องมาเล่นคนเดียว เอาวะ! ยังมีคนรู้จักอยู่บ้าง ผมเดินไปหาพวกเพื่อนในคณะ “เฮ้ย! ทีมครบยัง กูเล่นด้วยดิ๊” “ยังๆ เออมาดิมาเล่นด้วยกัน เดี๋ยวพวกวิศวะจะมาขอแข่งด้วย ขาดคนอยู่พอดีมาๆ” “โอเค งั้นกูแจมด้วยแล้วกัน” พูดจบก็เดินไปร่วมวงรับส่งลูกกับเพื่อนในทีมซึ่งไอ้พวกนี้เป็นเพื่อนร่วมสาขาการตลาดของผมเอง เล่นได้ไม่นานก็มีกลุ่มคนเดินเข้ามาในสนาม คิดว่าเป็นพวกคณะวิศวะดูจากการแต่งตัว เห็นพวกมันแล้วอดส่ายหัวไม่ได้แต่ละคนวางฟอร์มอย่างกับมันอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตอย่างไงอย่างงั้น “พวกมันจะมาเล่นบาสหรือจะมาเดินแฟชั่นวะ ฟอร์มจัดฉิบหาย” ผมสบถคนเดียวแล้วส่ายหัวอีกรอบ มากันครบทีมเราก็เริ่มทำการแข่งขันซึ่งเป็นการซ้อมเบาๆ พอได้เรียกเหงื่อ ไปกินเหล้าทุกวันทำให้ความฟิตมันตกลงไปด้วย เฮ้อ.. เล่นไม่ถึงสิบนาทีก็ขาอ่อนแรงแล้ว สักพักผมกำลังเดินออกไปข้างสนามหาน้ำมาดื่ม แต่ก็ต้องหยุดเดินเพราะหูมันได้ยินเสียงเหมือนอะไรกระแทกลงพื้นอย่างรุนแรง “เสียงอะไรวะ?!” พอหันไปมองก็เจอเพื่อนร่วมทีมนอนกุมท้องอยู่ที่พื้นอยู่ในอาการจุกประหนึ่งโดนลูกบอลอัด “เฮ้ย! เป็นไงบ้างวะ?!” ผมตะโกนถามก่อนวิ่งเข้าไปดูพร้อมกับค่อยๆ พยุงเพื่อนคนนั้นให้ขึ้นมานั่ง ตอนที่พาเพื่อนในทีมไปนั่งเรียบร้อยก็มีหนึ่งในนั้นสบถออกมา “แม่งไอ้พวกวิศวะห่านี่ มาทีไรเล่นแรงทุกที” “เออ! แม่ง! สนามก็ไม่เคยแบ่งใครมาจองทีหลังแล้วยังมีหน้ามาขอเล่นก่อน” ได้ฟังเพื่อนในทีมสบถอยู่ข้างหลังก็พอจับใจความได้คร่าวๆ เป็นแค่การเล่นกันสนุกแท้ๆ ไม่เห็นต้องรุนแรง คิดตามแล้วได้แต่ถอนหายใจและพาเพื่อนเดินไปพัก พลันหูก็ได้ยินเสียงแว่วที่ทำให้รู้สึกไม่ชอบใจนัก! “เหอะๆ สำออยว่ะ!” “นั่นดิ แม่งขาอ่อนล้มเองแรงมีแค่นี้มีหน้ามาใช้สนาม” “ฮ่าๆ พวกคณะนี้แม่งไม่เจียมตัว” ในขณะที่กลุ่มวิศวะกำลังพูดคุยเสียดสีกลุ่มของผมอยู่นั้น ไม่มีใครสังเกตเลยว่าผมมายืนอยู่ข้างหลังพวกมันแล้ว “ไหนพวกมึงพูดอีกทีซิ!” ตะโกนออกไปด้วยความหงุดหงิดและไม่ต้องการคำตอบใดๆ มือมันคว้าไปที่ไหล่ของหนึ่งในนั้นก่อนจับกระชาก จนไอ้คนนั้นเซถลามาทางผม ในเมื่อดูถูกกันขนาดนี้ก็เอาหมัดกูไปกินหน่อยละกันว่าคณะที่พวกมึงดูถูก หมัดมันอร่อยเท่าคณะมึงไหม! ตุ๊บ! “โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย” “เฮ้ยๆ อะไรวะๆ” กลุ่มวิศวะตกอยู่ในความโกลาหลเมื่อจู่ๆ ผมก็โผล่มาประเคนทั้งหมัดทั้งเตะทั้งต่อย เรียกได้ว่าครบทุกองค์ประกอบมวยไทย หากมองเผินๆ อาจจะเหมือนว่าผมถูกกลุ่มวิศวะรุมถึงสามต่อหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงนี่มันคือหนึ่งรุมสามชัดๆ เพราะคนที่ได้ออกอาวุธมีแค่ผมคนเดียวที่ได้บันดาลโทสะอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่นานเมื่อเพื่อนในทีมเห็นต่างก็รีบเข้ามาฉุดกระชากตัวผมออกไป แม่งกำลังคันมืออยู่เว้ย! “พอ พอ แดนพอ!” “ใจเย็นนะเพื่อนใจเย็น!” ในขณะที่เพื่อนกำลังฉุดกระชากลากถูผมออกมาจากที่ตรงนั้น ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มตั้งสติได้ “เชี่ย! อะไรวะ?!” หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นมาพร้อมกับขว้างรองเท้าใส่ผม แต่ก็ไม่ถึงตัวเพราะเพื่อนๆ ลากออกไปไกลแล้ว “เอากูออกมาทำไมวะ จะสั่งสอนแม่งหน่อย ห่า! ปากดีฉิบหาย พอตอนโดนต่อยไม่เห็นดีเหมือนปากเลยว่ะ ถุย!” “เออ พอเหอะว่ะ! จะมีเรื่องทำไมวะกูไม่ได้เป็นไรมากหรอกล้มนิดหน่อย กีฬามันก็ต้องปะทะกันอยู่แล้วโว้ย มึงจะไปจริงจังอะไรให้มาก” “ก็ดูมันทำมึงดิ แม่ง! ขอโทษสักคำมันยังไม่มีเลย เสือกมาด่าว่าพวกเราไก่อ่อนอีก” “ช่างมันเถอะกูไม่ซีเรียส” “ช่างมันได้ไงวะ มันดูถูกพวกมึง มันดูถูกคณะ มันรวมถึงกูด้วยนะเว้ย!” “พอเถอะว่ะไอ้แดน กูว่ามึงกลับเถอะ อยู่ไปก็มีแต่ปัญหา นานๆ ทีอะมึงถึงจะมาเล่น แต่พวกกูเล่นอยู่เนี่ยทุกวัน ถ้ามึงก่อเรื่องแล้วพวกนั้นยกพวกหรือเอาพวกรุ่นพี่มาพวกกูเดือดร้อนนะเว้ย มึงอย่าสร้างเรื่องให้มันบานปลายไปมากกว่านี้ดีกว่า กลับเถอะไอ้แดน” “เออ กูเห็นด้วย ก่อนไปมึงก็ไปขอโทษไปเคลียร์ใจกับพวกมันหน่อยละกัน ถือว่าพวกกูขอ จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง” “นี่พวกมึงเป็นบ้าอะไรกันวะ! เชิญพวกมึงบ้ากันต่อไปเลยกูไม่อยู่ละ” พูดจบก็ลุกขึ้นอย่างหัวเสียเก็บของตัวเองเดินจากไปอย่างหงุดหงิด ทั้งที่เห็นพวกมันเป็นเพื่อน เป็นน้องในคณะ ใจที่อยากจะช่วยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนกลับกลายเป็นว่าไปก่อปัญหาให้พวกมัน เหอะๆ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ กู เดินจากมาอย่างผิดหวัง จะมีสักกี่คนที่เข้าใจความหวังดีของผมกันนะบางทีพยายามมากเกินไปกลับกลายเป็นทำร้ายตัวเอง เฮ้อ… โอ๊ย! เซ็งว่ะ! กลับมาถึงห้องเข้ามาอาบน้ำล้างตัวหงุดหงิดฉิบหาย! พออาบน้ำเสร็จก็นั่งในห้องได้แค่แป๊บเดียวมันอยู่ไม่สุข วันนี้ถ้าไม่ได้อะไรล้างคอคงนอนไม่ได้แน่ สุดท้ายก็ขับรถออกมาตั้งใจจะไปหาเหล้ากินคนเดียว @Zbar พอมาถึงร้านได้ที่นั่งโต๊ะเดิมก็คิดถึงไอ้พวกเพื่อน กินเหล้าคนเดียวแมร่งเหงาๆ ถ้ามีพวกมันมากินด้วยคงสนุกกว่านี้ ไอ้เซียนก็ติดธุระห่าไรไม่รู้ ไอ้เฟยเอ็มมี่ก็กำลังสวีทกันอยู่ เฮ้อ... เหงาโว้ย! หรือกูต้องหาแฟนเป็นตัวเป็นบ้างวะจะได้ไม่เหงาแบบนี้ บ้าเอ๊ย! กูคิดอะไรอยู่วะ ถ้ามีแฟนแล้วแม่งไม่ให้กูออกมากินเหล้าจะทำยังไงวะไม่ลงแดงตายเลยเหรอ ไม่เอา! ไม่เอา! แบบนี้แหละอิสระดีจะตาย ได้แค่บ่นพึมพำคนเดียวเงียบๆ แล้วกระดกเหล้าเข้าปาก เฮ่อ! แดกเหล้าเหงาๆ มันแย่ชะมัด “เฮ้ยไอ้แดน! มาก็ไม่ชวนเพื่อนเลยนะมึงอะ” ได้ยินเสียงเรียกชื่อพอเงยหน้าขึ้นมองก็แทบน้ำตาไหล ฮือ... ไอ้เซียนนน~ แค่เห็นหน้ามันก็ซึ้งใจชะมัด ไอ้เพื่อนรัก! “กูโทร. หามึงแล้วแต่ไม่มีคนรับกูก็นึกว่ามึงยุ่งๆ ก็เลยไม่ได้โทร. หาอีก กูเลยออกมาคนเดียว ส่วนไอ้เฟยกับเอ็มมี่สวีทกันอยู่กูไม่อยากกวน” “อ้าวมึงโทร. หากูเหรอ ฉิบหาย! โทษทีกูลืมโทรศัพท์ชาร์จแบตไว้ที่ห้อง” “…” เอ้อ! ช่างแม่ง! มีไอ้เซียนอยู่ข้างๆ ก็ใจชื้นขึ้นมาแก้วเหล้าในมือรสชาติมันไม่จืดชืดอีกต่อไปแล้ว และหลังจากที่คุยเล่นกับไอ้เซียนได้ไม่นานพอมองไปนอกร้านก็เห็นรถไอ้เฟยขับเข้ามาจอดพอดีไอ้เซียนก็เห็นเหมือนกัน “อ้าวนั่นเฟยเอ็มมี่นี่ ไหนมึงบอกว่าพวกมันไปสวีทกันไงวะ?” “เออๆ กูไม่รู้ ไม่รู้” ดีใจชะมัดพวกเพื่อนมากันครบแก๊ง หลังจากนั้นเฟยก็เดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับเอ็มมี่ คงมีแค่ไอ้พวกนี้เท่านั้นแหละที่เข้าใจตัวผมมากที่สุดและผมก็ให้ใจพวกมันไปร้อยเปอร์เซ็นต์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD