#FEI PART
@ห้างสรรพสินค้าฯ
3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
เพิ่งแยกกับไอ้แดนมาก็ถูกเอ็มมี่ลากมาเดินห้างตลอดทางก็บ่นอยู่นั่นแหละว่าอยากกินไทยากิไส้ถั่วแดง ไทยากิไส้ถั่วแดง เห็นบ่นแบบนี้ทุกครั้งที่เลิกคลาสพามาซื้อขนมแทบทุกวันกินไม่เคยเบื่อ!
แต่ว่าวันนี้คงไม่จบแค่ซื้อไทยากิแน่ๆ จากการเร่งเร้าให้พามาแต่หัววัน ถ้าให้เดาคิดว่าไม่แวะร้านเสื้อผ้าก็คงร้านเครื่องสำอาง
มาถึงแล้วกำลังเดินไปทางที่ร้านขายขนมไทยากิ จู่ๆ เอ็มมี่ก็เขย่าแขนที่เกาะอยู่ให้หยุดเดินกะทันหัน
“เฟย เราไปเดินมุมนู้นกันก่อนดีกว่าไหม เหมือนมี่เห็นมีป้ายเซลล์ด้วยนะ” เธอชี้ไปที่ร้านเครื่องสำอางแล้วมองผมตาเป็นประกายพร้อมกะพริบตาปริบๆ ถ้าตอนนี้ตอบว่าไม่! คงได้เรื่องแน่
“คร้าบๆ”
กูว่าไว้ไม่มีผิด ตอนที่เดินผ่านป้ายเซลล์น่าจะเอะใจก่อน ครั้งหน้ากูไม่พลาดแน่!
“ไม่กินแล้วเหรอไทยากิ?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างรู้ทัน
“เอ้อ! ก็เดี๋ยวค่อยไปซื้อไง! ดูของเซลล์ก่อนดิ”
จี้ใจหน่อยมีขึ้นนะ คิดไว้แล้วว่าต้องมาไม้นี้ ยัยเอ็มมี่!
“งั้นเอางี้ เอ็มมี่ไปดูของรอก่อนเดี๋ยวเฟยไปซื้อไทยากิให้นะ จะได้กินไปด้วยดูไปด้วย ดีไหม?”
เห็นเธอทำหน้าเง้าหน้างอแบบไม่อยากอยู่คนเดียว ก็ทำได้แค่ยิ้มกลับไปจนตาจะปิดแล้ว!
“ดีไหมครับ?” ถามย้ำอีกรอบ
“อืมๆ ก็ได้ เดี๋ยวมี่รออยู่นี่ก็ได้”
“โอเค เดี๋ยวเฟยมานะ”
เยี่ยม! เรื่องอะไรกูต้องติดแหง็กอยู่ตรงนี้ด้วยวะ เหอะๆ
ลูบหัวเธอสองทีก็แยกตัวออกมา ผมไม่ค่อยชอบยืนรออะไรนานๆ แค่มองผ่านร้านเครื่องสำอางด้วยสายตาคนแน่นซะขนาดนั้นอึดอัดตาย เอาจริงแค่ห้านาทีผมก็ทรมานแล้ว
พอแยกมาก็เดินเรื่อยเปื่อยดูนั่นดูนี่ฆ่าเวลา ถ้าถามว่าชอบมาเดินห้าง ไหมก็เป็นการฆ่าเวลาที่ไม่เลวนะ ที่นี่มีร้านที่ผมชอบแวะไปบ่อยๆ ก็คือร้านขายเครื่องดนตรีสากล ยังเดินไม่ถึงร้านไทยากิก็ผ่านร้านขายเครื่องดนตรีก่อนแค่เห็นกีตาร์เรียงกันสวยๆ หลายตัวมันก็ยั่วใจจนต้องแวะเข้าไปชมหน่อย
มองกีตาร์แล้วก็นึกถึงตัวเองเมื่อก่อน ที่จริงการเล่นดนตรีคืองานอดิเรกอย่างหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีเอ็มมี่และยังไม่ได้สนิทกับไอ้เซียน ไอ้แดน ผมเล่นดนตรีตามผับกลางคืน ก็เป็นงานอดิเรกที่สนุกดีไม่ได้เหนื่อยอะไรแต่เหงาชะมัดเพราะตอนนั้นยังไม่มีใครและไม่มีเพื่อนรู้ใจสักคน
พอเริ่มสนิทกับไอ้เซียน ไอ้แดน และมีเอ็มมี่เข้ามาในชีวิต ผมก็ไม่ค่อยได้ไปเล่นดนตรีที่ผับเท่าไรเพราะติดเที่ยวกับไอ้พวกนี้มากกว่าเป็นความสนุกอีกแบบหนึ่งมีทั้งเพื่อนทั้งแฟนไม่เหงาดี
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่รำลึกถึงงานอดิเรกเพลินไปหน่อยจนเกือบลืมภารกิจสำคัญ รู้ตัวแล้วก็เดินออกมานอกร้านรีบเดินตรงไปร้านขายขนมไทยากิของโปรดของเอ็มมี่เค้า ถ้าไม่ได้กินก็อาจจะลงแดงตายแล้วพาลมาเหวี่ยงใส่
มาถึงร้านก็เกือบจะเดินหนี คนแน่นชะมัดขายดีอะไรขนาดนั้น เฮ่อ! ยืนต่อคิวเกือบสิบนาทีถ้ากลับไปแบบไม่มีขนมติดมือมาด้วยได้งานเข้าแน่! ไอ้เฟยเอ๊ย!
หนีอย่างหนึ่งมาเจออีกอย่างหนึ่ง เวรแท้ๆ
สุดท้ายเมื่อถึงคิวได้ขนมเรียบร้อย ก็เดินกลับไปหาเอ็มมี่ คิดว่าจากการคำนวณเวลาเธอน่าจะเลือกเครื่องสำอางที่ต้องการได้แล้ว
แต่ว่าพอกลับไปหายังเห็นคุณเธอขะมักเขม้นกับการดูนั่นดูนี่อยู่เลย ไม่รู้ว่าอีกนานไหมจะเจอของถูกใจแล้วเดินออกมา ตอนนี้ก็ชักหิวข้าวแล้วน่ะสิ!
ได้แค่ถอนหายใจเงียบๆ คนเดียว
หลังจากยืนรอคุณเธอมาครึ่งชั่วโมง เอ็มมี่ก็เดินออกมาพร้อมยิ้มร่าทำท่าดีใจราวกับได้ของเล่นใหม่ กับสองมือที่กำลังหิ้วถุงเครื่องสำอางเต็มมือ
ส่วนไทยากิในมือผมมันคงเย็นชืดไปแล้ว ฮะๆ
เอ็มมี่เดินมาหา ผมก็รับเอาถุงเครื่องสำอางมาถือแทนแล้วเธอก็แย่งขนมไทยากิในมือไปถือเอง อย่าเรียกว่าถือเลยน่าจะอยากรีบกินตอนนี้ซะมากกว่า
เธอหยิบไทยากิที่เย็นชืดไปกินหนึ่งชิ้นท่าทางเอร็ดอร่อย กินหมดแล้วถึงหันมามองผม
“เฟยน่าจะหิวแล้ว เราไปกินข้าวกันดีไหม?”
“อืม ก็ดี”
กูเนี่ยจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วคุณเธอ! แต่มึงเนี่ยยังจะแดกได้อีกนะ ขนมจะป้อนกันสักคำก็ไม่มี! หิวโว้ย!
มาถึงร้านเลือกอาหารคนละอย่างสองอย่าง พนักงานจดรับเมนูแล้วเดินกลับไป ขณะที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟเอ็มมี่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ก็เงยหน้ามาคุยด้วย
“ป่านนี้ไม่รู้ว่าแดนติดต่อเซียนได้ยัง มันอยู่คนเดียวน่าจะเหงานะก็เราเล่นทิ้งมันมาเที่ยวกันสองคน”
“อืม ไอ้เซียนก็ไม่รู้รีบร้อนไปไหนไม่บอกเพื่อนด้วย”
“เซียนเหรอ มี่สังเกตนะช่วงที่อาจารย์สอนเซียนเขาเหม่อบ่อยไม่รู้ใจลอยไปไหนจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”
“มันคงมีเรื่องให้คิดแหละ”
“แดนก็อีกคนมี่เห็นสีหน้ามันก่อนเราแยกออกมา ก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะ แดนไม่ค่อยสนิทกับใครซะด้วยสิไม่รู้ป่านนี้ทำอะไรอยู่คนเดียว”
“เดี๋ยวก็คงไปหาไอ้เซียนที่ห้องแหละตามนิสัยมัน”
“เซียนจะอยู่ไหมก่อน ดูรีบร้อนซะขนาดนั้น”
“ไม่เป็นไรน่าตอนเย็นเราก็แวะไปหามันที่ร้านเหล้าอยู่แล้ว มันคงสิงอยู่นั่นแหละไม่ไปไหนหรอก”
“แดนคงทำหน้าหงอยๆ ตอนนั่งกินเหล้าคนเดียวแน่เลย เดี๋ยวจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ”
ตอนนี้มันคงเหงามากแน่ที่เพื่อนหายไปหมด คงเหงาเป็นหมาหงอยสงสัยตอนเย็นต้องรีบไปปลอบมันแล้ว
“เฟย คิดว่าคืนนี้เซียนจะมาไหมเห็นดูใจลอยขนาดนั้น แล้วยังรีบกลับไม่บอกเพื่อนด้วย”
“ต้องมาอยู่แล้ว กิจวัตรมันเลยนะเคยพลาดเหรอ”
“อ้อ นั่นสินะ”
ไม่ทันไรพนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ หลังจากกินข้าวจนอิ่มท้องทั้งผมและเอ็มมี่ก็กลับหอพักอาบน้ำล้างตัว แต่งตัวกันเสร็จก็พักให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยชวนกันไปหาไอ้แดนที่ร้านเหล้าที่ประจำของพวกเรา
@ZBar
ขับรถไม่ไกลมากเท่าไรก็มาถึงร้านเหล้า ไม่ทันได้จอดรถดีมองเข้าไปในร้านก็เห็นไอ้แดนนั่งอยู่กับไอ้เซียน มันมาถึงก่อนอีกว่ะ!
“เฮ้อ! อดเห็นหน้าหงอยๆ ของแดนเลยเสียดายจาง~” เอ็มมี่นั่งบ่นอยู่ข้างๆ ก่อนจะลงจากรถมาด้วยกัน
“เอาน่า เพื่อนมากันครบแก๊งก็ดีแล้ว”
“นั่นสินะ”
รถจอดสนิทผมกับเอ็มมี่เดินไปหาพวกมันที่โต๊ะประจำ ยังไม่ทันได้นั่งดีก็ได้ยินเสียงไอ้แดนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่ คงมีความสุขมากเลยสินะมึงเพื่อนมากันครบ หึหึ
“อ้าวพวกมึงไม่ไปสวีทกันแล้วเหรอวะ?”
มาถึงก็แซะเลยนะมึง!
ยังไม่ทันได้โต้ตอบเอ็มมี่ก็สวนไปก่อน “แหม! ก็เห็นมีคนทำหน้าจะร้องไห้ไม่มีเพื่อนคบก็เลยรีบมาไง เชอะ! รู้งี้ไม่มาดีกว่า”
“ล้อเล่นคร้าบบ มาๆ กินเหล้ากัน”
“เออๆ มาชงเหล้าให้กูด้วยบาร์เทนเนอร์แดน”
“ฮ่าๆ ได้ๆ ติดใจฝีมือกูอะดิ๊”