EP.6 ขนมวุ้น

3043 Words
#ZIAN PART @คณะบริหารธุรกิจ 08.00น. หาว~ เชี่ยโคตรง่วงหลังออกมาจากร้านโจ๊กก็กลับคอนโดมาเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษา เตรียมไปเรียนคาบแรกไม่กล้างีบเลย ถ้าได้งีบนี่ยาวไม่ได้เข้าเรียนกันพอดี สรุปไม่ได้นอน มาถึงห้องเรียนได้ที่นั่งก็ว่าจะพักสายตาหน่อยพวกเพื่อนๆ ก็โหวกเหวกคุยกันเสียงดังรำคาญหูฉิบ นั่งหลับตาเล่นๆ ก็ได้ยินเสียงไอ้แดนที่มานั่งข้างกันตอนไหนไม่รู้ “อ้าวมึง กลับคอนโดไม่ได้นอนเหรอวะ มานั่งหลับในห้องเรียนเนี่ย?” ไอ้ห่า! มึงอะทำบ่อยกว่ากูอี๊ก! “เออๆ เรื่องของกู” “ฮ่า พูดงี้กูยิ่งอยากรู้ สรุปมึงแอบไปไหนมาวะ?” กำลังจะอ้าปากด่ามันแล้วงีบต่อ อาจารย์ประจำวิชาก็เข้าห้องเรียนมา แม้จะหลับตายังทำไม่ได้! เหี้ยมาก! ตามองอาจารย์สาวสวยผมสั้นประบ่าหน้าตาสวยคมท่าทางมั่นใจ แต่งตัวอย่างกับสาวออฟฟิศ เข้ามาทักทายนักศึกษากำลังบรรยายเนื้อหาในบทเรียน แต่ตาผมจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่ละฟังไม่รู้เรื่อง ในที่สุดก็นั่งกอดอกสัปหงกดีไม่กรนด้วย ขณะนั้นไม่รู้เลยว่าพวกเพื่อนกำลังมองกันอย่างสงสัย ก่อนที่จะไม่ได้สติจริงๆ ได้ยินเสียงเอ็มมี่พูดกับเฟย เสียงเบาราวกระซิบ แต่ผมมันหูดีดันได้ยินทุกอย่างชัดเจน “เฟยคิดว่าเซียนแปลกๆ ไหม เดี๋ยวนี้ชิ่งไปคนเดียวบ่อยแถมตอนนี้ยังมานั่งง่วงเหงาหาวนอนอีกอย่างกะไอ้แดนสอง ต้องมีอะไรแน่ๆ” “…” ไม่ได้ยินเสียงเฟยพูดอะไรนะ แต่ไอ้แดนข้างๆ เหมือนจะได้ยินเอ็มมี่คุยกับเฟย ถึงได้หันไปคุยด้วย “เออ แปลกจริงเมื่อวานกูไปห้องมันหาไรกินแม่งโจ๊กเต็มตู้อย่างกะไปงานบุญมา อย่างไอ้เซียนเนี่ยนะจะแดกโจ๊ก วันๆ พาแต่กูแดกเอ็นไก่ทอดกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์จนกูอยากเข้าป่าหิมพานต์ฟันต้นมะม่วงห่านี่ทิ้งละ” “…” หลังจากนั้นพวกมันพูดอะไรต่อผมก็ไม่ได้ยินแล้ว หลับเป็นตาย! เวลา 11.00น. “เฮ้ยไอ้เซียนตื่นเว้ย!” เสียงไอ้แดนดังจนแทบตะโกนทำให้คนอย่างผมสะดุ้งตื่นในทันที “อะไรวะ เชี่ย! กูหลับไม่รู้เรื่องเลยว่ะ แม่งกี่โมงแล้ววะ?” “เลิกคลาสละมึง ไหวไหมเนี่ยมึงจะกลับไปนอนมะ?” ไอ้แดนถามสีหน้าแปลกใจ “เออๆ กูกลับคอนโดไปนอนดีกว่า แม่งง่วงฉิบหาย” “กูไปด้วย” @ZCondo ออกจากอาคารเรียนก็ตรงกลับคอนโดทันทีและไอ้แดนก็ตามมาเล่นที่ห้องด้วย พอมันเข้ามาก็นึกบางอย่างได้เลยหันไปบอก “ถ้ามึงหิวข้าวก็เปิดหาไรอุ่นกินเอาเองนะในตู้เย็น” เห็นมันเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วมองมาอย่างสงสัย “มึงไปเที่ยวงานบุญมาอีกแล้วเหรอวะ กูเพิ่งกินไปทำไมมันเยอะกว่าเดิม?” “…” ตีเนียนไม่ตอบมัน หลังจากนั้นก็ขึ้นเตียงจะนอน แค่ศีรษะแตะหมอนก็หลับยาวแล้ว ส่วนไอ้แดนทำอะไรอยู่ไม่รู้กับมันหรอกถ้ามันเบื่อก็คงตามขึ้นมานอนเหมือนอย่างเคยนั่นแหละตอนนี้ไม่สนละขอนอนเอาแรงก่อน ดึกๆ ตื่นมาไม่เห็นไอ้แดนละ ผมก็ลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเที่ยวกับพวกเพื่อนอย่างเช่นเคย @ZBar เวลา19.30น. มาถึงก็เห็นพวกเพื่อนมากันครบแล้ว เห็นกับแกล้มบนโต๊ะก็หยิบเอ็นไก่ทอดเข้าปากไปสองชิ้นก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากไปหนึ่งจิบค่อยวางแก้วลงเหล้าในแก้วแทบไม่ลดไปจากเดิมเท่าไร วันนี้ไม่อยากดื่มเยอะขี้เกียจล้างตัวนานๆ กลัวจะส่งกลิ่นแรงแล้วน้องเขาไม่กล้าใกล้อีก ยิ่งภาพจำเมื่อตอนครั้งแรกที่เห็นน้องเอามือปิดจมูกยิ่งหมดความมั่นใจ ไอ้แดนก็ดันตาดีเห็นดื่มไม่กี่แก้วก็รีบทักท้วงทันที “เฮ้ย นี่แดกหรือดม ปกติกระดกหมดแก้ว เหลือเต็มแก้วขนาดนี้มึงจะเอาไว้เพาะลูกน้ำเลี้ยงไข่แมลงวันรึไงวะ?” “...” ไอ้แดนฉวยแก้วจากหน้าผมไปยกดูด้วยความพิสมัย พร้อมกับยื่นให้ไอ้เฟยกับเอ็มมี่ดู ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ “เออน่า กูเรียกฟิลอยู่จะรีบร้อนไปเพื่อ!” ผมพูดจบก็หยิบแก้วคืนจากมือของมัน ก่อนจะกระดกรวดเดียวจนหมด ตัดปัญหาขี้เกียจตอบคำถามมันเยอะ ไอ้นี่เวลามันจ้อมันจ้อไม่หยุดด้วย “เออ แบบนี้ค่อยสมเป็นท่านเซียนหน่อย เอามาเดี๋ยว กกต.แดน จัดให้” “อะไรของมึงวะ กกต. กรรมการการเลือกตั้ง เกี่ยวไรด้วย?” ไอ้เฟยถามด้วยความสงสัย ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้แดนจะมาไม้ไหน “โนวๆๆ กกต. ของไอไม่ใช่กรรมการการเลือกตั้ง กกต.ของไอย่อมาจาก ใกล้กระติก ใครใกล้กระติก คือ กกต. และ กกต.ก็คือคนชง ส่วนคนชงก็คือไอ ยูโน้ว” มันส่ายนิ้ว ก่อนรัวคำอธิบายศัพท์บัญญัติในวงเหล้าของมัน ที่บัญญัติขึ้นมาเอง ผมได้แต่หัวเราะส่ายหัวเบาๆ กับความไหลไปได้เรื่อยของมันจริงๆ “ฉันล่ะยอมกับความข้างๆ คูๆ ของแกจริงๆ ไอ้แดน” “...” เอ็มมี่พูดพร้อมกับเอามือทาบไปที่หน้าผาก สื่อว่าเธอปวดหัวจัดๆ ส่วนไอ้เฟยนั้นหน้าตาของมันตลกนัก เหมือนกับโดนมุขของไอ้แดนเล่นซะไปไม่เป็นเลย มันถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วกระดกเหล้าเข้าปากก่อนจะโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “กูไม่น่าคาดหวังกับคำตอบวิชาการจากคนที่สมองเต็มไปด้วยของเด็กเล่นแบบมึงเลย ไอ้เวร” “จะชมว่ากูลูกเล่นแพรวพราวอะดี้ ศึกษาเอาไว้ไอ้เฟยเพื่อนรัก ฮรี่ๆ” “เปล่า กูจะบอกว่ามึงสมองเด็กอนุบาลอะ” “อร๊าย เฟย แรงอะ บู้บี้ไอ้แดนมันทำไม” เอ็มมี่หัวเราะชอบใจ “แงะ ไอ้พ่อคนฉลาด พ่อคนเก่ง ได้ เดี๋ยว กกต. แดนจะดูสิว่าจะเก่งจริงอย่างที่ปากพูดหรือเปล่า” “...!” ไอ้เฟยกับเอ็มมี่ทำหน้าประหลาดใจพลางสงสัยกับคำพูดไอ้แดน ผมเองก็มองไปที่มันเช่นกันว่ามันคิดจะทำอะไร เวรแล้วไง ไอ้ กกต. แดน เอาแล้ว! ไอ้แดนฉกแก้วของไอ้เฟยกับเอ็มมี่มาสาดน้ำแข็งที่ละลายทิ้งลงที่ถังน้ำแข็งใบเก่า ก่อนจะยกขวดเหล้าเทลงไปที่แก้วให้แบบจัดเต็มปริมาณครึ่งแก้วได้ ตบท้ายด้วยน้ำแข็งหนึ่งก้อน พร้อมกับโซดาที่สาดลงเพียงปลายขวด “กรี๊ด ไอ้แดน แกทำอะไรของแก?!” “แม่ง เล่นกูแล้ว” “เย้! เรียบร้อย สองแก้วนี้จัดให้เฉพาะคุณเฟยคนเก่งและคุณเอ็มมี่คร้าบ” “จัดให้บ้านแกสิยะ” เอ็มมี่หน้าเหวอเมื่อเห็นแก้วที่ไอ้แดนเลื่อนมาให้ตรงหน้า “อะๆ ก่อนจะยกผมมีคำคมมาให้ประโยคนึงจากคนสมองเด็กอย่างผม หวังว่าท่านเฟยจะถูกใจ” ไอ้แดนยกขวดเหล้าขึ้นมากอด พร้อมกับเอ่ยคำคม “คนที่เทคือคนที่ยกขวด คนที่เจ็บปวดคือคนที่ยกแก้ว กรู้วววว” ไอ้เฟยนั่งนิ่งยิ้มแห้งกับแก้วตรงหน้า มันสบถหนึ่งคำอวยพรให้ไอ้แดนก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่ม “พ่องตาย!” ไอ้แดนยิ้มแฉ่งด้วยความเจ้าเล่ห์ ส่วนผมที่ไหวตัวทันรีบเอาแก้วมาซ่อนไว้ใกล้ตัว ตอนนี้ไอ้เฟยกับเอ็มมี่หน้าพะอืดพะอมสุดขีด “ไอ้เซียน แก้วมึงอะ” นั่นไงไอ้นี่ ลามปามมาถึงแก้วผมแล้ว “โนเวย์ อยากกินรินเอา ถ้าอยากเมากูรินเอง” ไม่พูดพร่ำทำเพลงผมรีบคว้าเอาขวดเหล้าอยู่ในมือไอ้แดนมารินใส่แก้วตัวเองด้วยปริมาณที่พอเหมาะ ไม่เปิดโอกาสให้มันแน่นอน “น้อยไปป้าว~ รินยังกะเยี่ยวมด ดูไอ้เฟยกับเอ็มมี่ดิ” “ให้กูเดินสะดวกเถอะ กูมีเรื่องต้องไปทำแต่เช้า” ด้วยความมึนทำให้ผมหลุดปากไปนิดหน่อย แต่ไม่นิดหน่อยสำหรับพวกมัน ไอ้แดน ไอ้เฟย และเอ็มมี่ต่างหูผึ่งหันขวับมาทางผมอย่างพร้อมเพรียง เอาแล้ว “เหยย ทำไรว้า~” “นั่นซี้~” ไอ้แดนเปิดก่อน แล้วตามด้วยเอ็มมี่ ผมยังไม่พูดอะไรกำลังพยายามรวบรวมสติ เรียบเรียงคำพูดเพื่อหลบหลีกพวกนี้ เงียบไม่ถึงสิบวินาทีไอ้เฟยก็โถมมาอีกแรง “ช่วงนี้มีเรื่องต้องทำเยอะนะครับคุณเซียน อึ๊ก! มาเรียนก็หลับ เลิกเรียนก็หาย ไขข้อข้องใจให้พวกกูกระจ่างหน่อยซิ” “ความลับ” “แน๊ะ ไอ้นี่ หัดมีความลับกับเพื่อนกับฝูง มึงต้องเจอเครื่องมือคายความลับของสหายแดนซะแล้ว” “เฮ้ยๆๆๆ” ไอ้แดนได้โอกาสในตอนที่ผมวางแก้วเพื่อจะตอบคำถาม ฉวยโอกาสรินเหล้าเพิ่มเข้ามาในแก้วแบบเพียวๆ จนเกือบล้น มันคงไม่ได้อยากรู้หรอกว่าที่ผมหาย ผมไปที่ไหนทำอะไร มันแค่อยากจะแกล้งผมเหมือนที่ไอ้เฟยกับเอ็มมี่โดนซะมากกว่า โหย! ไอ้นี่พ่อมึงเป็นหุ้นส่วนกับผู้ผลิตรึไง รินเหมือนเทน้ำ แต่ผมก็แช่แก้วไว้แบบนั้น เรื่องอะไรที่จะแดกให้ตัวเองเรื้อนกันล่ะ เวลาก็ผ่านไปพอสมควร แต่ละคนก็เริ่มไม่ไหว ผมก็ขอแยกกับพวกเพื่อนกลับมาที่ห้อง เดินเข้าไปอาบน้ำล้างตัวเช่นเคยวันนี้ดื่มไม่เยอะเท่าไรเน้นแช่แก้วกับสาดลงพื้น หึๆ ไม่ได้แดกกูหรอกไอ้แดน และแน่นอนว่าไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ติดตัวแน่นอน เสียงนาฬิกาปลุกน่ารำคาญเหมือนเดิมถึงอย่างนั้นก็รีบดีดตัวลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาจะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับมาเปลี่ยนที่ห้องอีก ดมกลิ่นตัวอีกครั้งเช็กว่ายังหลงเหลือกลิ่นแอลกอฮอล์อยู่รึเปล่า @สวนสาธารณะ 05.40น. พอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินทางไปฝากท้องที่ร้านโจ๊ก มาถึงก็จอดรถไว้ที่เดิมและยืนมองหน้าร้านเงียบๆ ที่สวนสาธารณะ ก้มมองดูเวลารู้เลยอีกไม่กี่นาทีน้องผ้าแพรและคุณป้าจะออกมา ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเปิดประตูทุกอย่างเป็นไปตามคาด น้องผ้าแพรในชุดกระโปรงเรียบร้อยกับคุณป้าเจ้าของร้านกำลังยืนรอใส่บาตรเห็นแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวเงียบๆ เห็นน้องทุกครั้งหัวใจมันพองโตอย่างบอกไม่ถูก “…” ผมยืนรออยู่ที่เดิมจนร้านเปิดบริการถึงได้เข้าไปในร้าน และแน่นอนคนแรกที่เห็นผมก็คือคุณป้าเจ้าของร้าน “สวัสดีครับคุณป้า” คุณป้ายิ้มละไมกลับมา “จ้า หาที่นั่งก่อนพ่อหนุ่ม” “ครับ” เดินไปนั่งที่ประจำและไม่นานน้องผ้าแพรก็เข้ามาจดรายการอาหาร “พี่รับอะไรดีคะ?” เธอถามเสียงใส “กวยจั๊บหนึ่ง ไข่กระทะหนึ่ง กาแฟหนึ่งครับ” ขณะที่พูดก็มองหน้าไปด้วย เห็นเธอใช้ปากกาจดลงกระดาษขยุกขยิกอย่างตั้งใจ ก็ดูน่ารักดีจนเผลอยิ้มออกมา นาทีนั้นแหละที่น้องเขาจดรายการเสร็จแล้วหันมามองสบตากันพอดี “…” “…” เธอเกือบทำผมเสียอาการละ กะว่าจะมองเงียบๆ ไม่คิดว่าจะหันมามองกัน ตอนนี้คงรู้ตัวแล้วว่าผมแอบมองอยู่ “เอ่อ… จั๊บหนึ่ง ทะหนึ่ง แฟหนึ่ง ถูกต้องไหมคะ?” “ครับ แล้วก็เอากวยจั๊บโจ๊กห่อกลับอย่างละถุงนะครับ” “ได้ค่ะพี่ รอสักครู่นะคะ” พูดจบเธอก็เดินไปหาคุณป้า ส่วนผมเกือบลืมหายใจตอนที่เราสบตากันทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ “…” “แม่คะ รายการอาหารค่ะ” “จ้า ผ้าแพรไปจัดการขนมของลูกต่อเถอะ” “หนูเหลือแค่จัดใส่กล่องนิดเดียวเองค่ะ” “คราวหลังไม่ต้องทำเยอะนะลูกเดี๋ยวจะเข้าเรียนสายเอานะ” “ทันอยู่แล้วค่ะแม่เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ” “จ้าๆ” ได้ยินทั้งสองคุยกันผมก็ตั้งใจฟังเงียบๆ เก็บข้อมูล ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟพร้อมกวยจั๊บ โจ๊ก ห่อกลับอย่างละถุงที่รีบสั่งให้ทำเพราะกลัวว่าจะพลาดเหมือนเมื่อวานอีก กินทุกอย่างจนหมดในเวลาไม่นาน ส่วนน้องผ้าแพรหลังจากเข้าไปในบ้านก็ไม่ออกมาอีกเลย ใจมันก็ไม่ได้อยากรีบกลับตอนนี้เพราะตั้งใจจะทำอะไรหลายอย่าง ได้แค่จิบน้ำทีละนิดๆ ไม่ให้หมดแก้วจนกว่าน้องจะออกมา สายตามองไปทางในบ้านเหมือนจะเห็นเงาน้องเขากำลังเดินออกมา ผมก็รีบลุกจากที่นั่งเดินไปจ่ายเงินกับคุณป้า ในตอนนั้นแหละที่น้องผ้าแพรมาในชุดนักศึกษาเรียบร้อยเดินออกมา และสายตาก็เหลือบเห็นมือของน้องถือถุงที่ใส่ขนมมาด้วย ส่วนผมเดินออกมาแล้วเลยไม่รู้หรอกว่าแม่ลูกเขาคุยอะไรกัน ขับรถออกมาได้สักพักจอดรถรอตรงทางเข้ามหาลัยถึงยังไงน้องเขาก็ต้องผ่านทางนี้แน่นอน นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำน้องผ้าแพรขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาในรั้วมหาลัยพอดี ผมปล่อยให้เธอขับนำไปก่อนแล้วค่อยขับรถตามหลัง น้องไปจอดมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างศูนย์อาหารผมก็รีบจอดรถเช่นกันแล้วเดินตามไปรักษาระยะห่างไม่ให้รู้ตัว ถ้าโดนจับได้เดี๋ยวหาว่าเป็นสตอล์คเกอร์ต้องโดนเธอเกลียดแน่ๆ ยืนมองอยู่ห่างๆ น้องเขาคุยกับแม่ค้าขายขนมอยู่ราวห้านาที ก่อนจะเอาถุงที่หิ้วมาด้วยส่งให้แม่ค้า หลังจากนั้นน้องผ้าแพรก็เดินจากไป มองด้วยตาเห็นว่าเธอขับรถออกไปแล้ว ถึงได้กล้าเดินไปหาแม่ค้ากวาดตา มองขนมรอบหนึ่ง มือก็เดินไปหยิบขนมวุ้นหน้าแมวอ้วงน่ารักมาชิ้นหนึ่งจ่ายตังค์ให้แม่ค้าก็เปิดกินอยู่หน้าร้านจนหมด “อื้ม~ ขนมอร่อยดีนะครับแม่ค้าทำเองเหรอรึว่ารับมา?” “ขนมวุ้นอะเหรอ รับมาค่ะ” “อ้าวเหรอครับ ผมกำลังตามหาขนมพักเบรกเอามาช่วยอาจารย์จัดอบรมสัมมนานักศึกษาภาควิชาของผมอยู่พอดีเลย ไม่ทราบว่าจะติดต่อเจ้าของขนมวุ้นได้ที่ไหนครับ?” “อ๋อ เป็นขนมของน้องปีหนึ่งมาฝากขายน่ะไม่แน่ใจว่าน้องเขาจะรับทำเยอะรึเปล่านะ” “อ้อครับ แม่ค้าถามให้ได้ไหมไม่งั้นก็ขอเบอร์ติดต่อให้ผมก็ได้เดี๋ยวผมโทร. ถามเอง” “เอ… เก็บไว้รึเปล่านะ จำได้ว่าเจ้าของขนมวุ้นชื่อน้องผ้าแพรเธอเรียนคณะศึกษาศาสตร์นี่แหละ ถ้าแม่ค้าหาเบอร์ติดต่อไม่เจอจริงๆ ก็ไปตามหาเอาที่คณะศึกษาศาสตร์เองนะ” “โห! แม่ค้าอย่าใจร้ายกับผมนักสิ คณะศึกษาศาสตร์มีนักศึกษาเยอะแยะถ้าจะตามหาจริงๆ คงใช้เวลาหลายเดือนไม่ทันวันจัดสัมมนาพอดี” “อ้าวเหรอ น้องเขาเรียนเอกภาษาไทยไม่น่าหาตัวยากนะน้องชาย” แม่ค้าพูดขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเบอร์ติดต่อ ส่วนผมจำข้อมูลน้องผ้าแพรตามที่แม่ค้าบอกแล้วมองแม่ค้าหาเบอร์โทร. อย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าจะหาเจอนะ แล้วสักพักแม่ค้าก็หยิบกระดาษสีขุ่นๆ ยับยู่ยี่ขึ้นมาแล้วอ่าน “น่าจะใช่อันนี้นะ” แม่ค้ายื่นกระดาษสีขุ่นๆ มาให้ ผมก็รับมาแล้วเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงถ่ายรูปกระดาษเก็บไว้แล้วส่งคืนแม่ค้า “ขอบคุณครับ” “ว่าแต่รับแค่ขนมวุ้นเหรอพวกบราวนี่ก็อร่อยนะลองชิมมะ เนี่ยแม่ค้าทำเองกับมือถ้าถูกใจจะได้ทำไว้ให้เอากี่ชิ้นดีน้องชาย” พอพูดแบบนี้ผมก็หยิบบราวนี่ขึ้นมาชิม “หวานไปครับแม่ค้า ขนมวุ้นอะดีแล้วอร่อยแพคเกจจิ้งน่ารักเหมาะกับธีมสัมมนาที่จะจัดอยู่พอดี” “อ้อ” “ขนมวุ้นวันนี้ผมเหมาหมดเลย แล้วก็บราวนี่แม่ค้าด้วยพวกเพื่อนๆ น่าจะชอบกินกัน” แม่ค้ายิ้มกว้างที่ขนมขายหมด จริงๆ ไม่ได้ชอบขนมหวานหรอกยกเว้นวุ้นที่น้องผ้าแพรทำ กินได้ไม่หวานมากและที่ซื้อบราวนี่แม่ค้าเพราะตอบแทนสำหรับข้อมูลสำคัญ “ขอบคุณมากน้องชาย” ได้ขนมมาเต็มอ้อมแขนสุดท้ายก็ต้องกลับคอนโดเอาไปเก็บพร้อมกับโจ๊กกวยจั๊บร้านป้าด้วย หลังจากนั้นก็ค่อยเข้าเรียนเกือบจะเข้าเรียนสายดีที่อาจารย์ยังไม่มา เข้าห้องมาไอ้แดนก็กวักมือเรียกทันที “ไอ้เซียนมึงกินข้าวยังวะ?” “กูไม่หิวว่ะ” ก็เพิ่งไปกินมาที่ร้านคุณป้าอาหารยังไม่ย่อยท้องเลย กินอีกได้อ้วกตายห่า “โอ๊ย! แล้วเลิกเรียนมึงจะไปทำไรวะ?” “นอน” “นอนอีกแล้วเหรอวะ แม่งนอนอะไรทั้งวัน” “กูเด็กอนามัย” “ไอ้ห่า” “กูไปด้วย” “เออ” @ZCondo มาถึงก็แทบกระโดดขึ้นเตียงง่วงสุดๆ แต่ยังไม่ทันหลับตาไอ้แดนก็โหวกเหวกโวยวายขึ้นมาอีก “เชี่ย! คราวนี้มีขนมด้วยว่ะ!” “เออ หิวก็กินไปพล่ามไรเยอะแยะกูจะนอน” “เออๆ ว่าแต่ทำไมวุ้นมึงเขียนหน้าถุงว่าห้ามกินวะ?” “ของกูไงมึงห้ามแตะ ห้ามกิน กูนอนละ” “…” ไม่ทันได้เห็นยิ้มเจ้าเล่ห์ของไอ้แดน ผมก็นอนตายตาหลับไปแล้วเลยไม่รู้ว่ามันแอบจิ๊กขนมวุ้นออกมาจากถุง เอาไปกี่ชิ้นก็ไม่รู้กับมันหรอกเพราะก็ไม่ได้นับชิ้นไว้แต่แรก กับไอ้แดนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD