‘ปวดหัวเสียจริง ให้ตายสิใครช่างกล้าทำกับข้าเช่นนี้กันนะ’
เยว่หลิงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้วแต่เพราะความรู้สึกปวดหนึบที่ศรีษะทั้งสองข้างนั้นทำให้นางลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก จนกระทั่งเปลือกตาบางของนางค่อยๆแย้มกระพริบขึ้นทีละนิดจนเริ่มมองเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
นางยันตัวลุกขึ้นก่อนที่สายตานั้นจะเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ห่างจากนางเพียงไม่ถึง 1 จิ้ง[1]
วงหน้าของเขานั้นถูกล้อมรอบไปด้วยเส้นผมสีดำเงางาม นัยต์ตาที่เรียวยาวราวกับเหยี่ยวมีแก้วตาสีแดงสดพราวระยับดุจอัญมณี ดูลึกลับแต่สะกดสายตาให้หยุดมอง นางไล่สายตาไปทั่วร่างของเขาจนเจ้าของร่างนั้นเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาของนาง
“เจ้าจะสำรวจข้าอีกนานไหม”
“แล้วเจ้าเป็นใคร”
“ไม่คิดจะกลัวข้าบ้างหรืออย่างไร”
เยว่หลิงเอาแต่จ้องมองคนตรงหน้าก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากสร้างความประหลาดใจให้แก่บุรุษผู้นั้นเป็นอย่างมาก
“หงอี้เข้ามาข้างในนี้ที”
“ขอรับนายท่าน”
สิ้นคำบอกกล่าวก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้านในกระโจมด้วยความรวดเร็ว ลักษณะการเดินที่มั่นคงและคล่องแคล่วดูไปแล้วน่าจะถูกฝึกมาเป็นอย่างดี คนผู้นี้น่าจะมีวรยุทธ์ด้วยกระมัง
“เจ้าเป็นใครเหตุใดถึงไม่ตอบข้าล่ะ”
บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นยิ้มออกมาแล้วเขายกขาขึ้นมาวางพาดไว้บนโต๊ะอาหารก่อนจะเอ่ยตอบนางด้วยเสียงเรียบๆทั้งรอยยิ้มที่ส่งออกมานั้นช่างดูร้ายกาจยิ่งนัก
“ข้าเป็นโจร เจ้ากลัวหรือไม่”
“โจรหรือ โจรบ้าอะไรถึงได้หล่อเหลาเช่นนี้”
“ห๋า?”
เมื่อได้ยินที่นางเอ่ยออกมาก็ถึงกลับพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว เยว่หลิงเริ่มยิ้มประหลาดๆขึ้นมาแล้วแววตาที่จ้องมองพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิดจนบุรุษสองคนนั้นเริ่มขนลุกขนชันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“นะ นายท่าน ท่านแน่ใจหรือขอรับว่าจับนางมาเพื่อจะทำให้นางกลัวได้”
“ข้าก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว นี่แม่นางพวกข้าเป็นโจรเจ้าไม่กลัวตายงั้นหรือ”
“ตายหรือ? เหตุใดข้าต้องกลัวด้วยล่ะหากพวกเจ้าอยากสังหารข้าจริงๆ เช่นนั้นก่อนตายขอให้ข้าสมหวังดังที่ใจข้าปรารถนาเสียก่อนสิ”
“เจ้าพูดอะไร”
“เจ้าต้องการอะไรจากข้างั้นหรือพ่อรูปหล่อข้าไม่มีเงินหรอกนะ มีแต่ตัวเท่านั้นหากว่าเจ้าไม่รังเกียจล่ะก็”
“หยุด! หยุดเดี่ยวนี้นะเจ้าเป็นสตรีแบบไหนกันเหตุใดถึงได้พูดจาเช่นนี้ ที่ค่ายทหารไม่สอนเจ้าหรืออย่างไร”
“สอนอะไร?ค่ายทหารอะไร? ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด”
โครกคราก~~
ทันใดนั้นเสียงท้องของเยว่หลิงก็ดังออกมาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา
“นายท่านดูเหมือนว่านางจะ…”
“นี่ๆ ไหนๆท่านก็จะสังหารข้าแล้วเช่นนั้นก็ช่วยสงเคราะห์ข้าทีเถอะ ข้าหิว”
เยว่หลิงพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมทำตาปริบๆให้พวกเขา บุรุษผู้นั้นถึงกับพูดไม่ออกได้เพียงแค่มองหน้านางสลับไปมองบ่าวของตนเอง
“เฮ้อ นี่ข้าทำอะไรอยู่เนี่ย”
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป[2] อาหารหลากหลายชนิดก็มากองอยู่ตรงหน้านางแล้ว
“อร่อยจัง อาหารง่ายๆแต่กลับอร่อยเช่นนี้พวกท่านนี่ทำอาหารได้อร่อยเสียจริง”
“นี่ๆ เจ้าเป็นสตรีแบบไหนกันกินให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”
“ข้าก็เป็นของข้าแบบนี้”
“อะไรทำให้หลี๋อ๋องติดใจจนถึงกับต้องพาเจ้ามาด้วยนะไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
ประโยคสุดท้ายนี้นางได้ยินไม่ชัดเท่าใดนักเพราะเหมือนเขาจะบ่นพึมพำกับตนเองเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะให้นางได้ยินเสียทีเดียว
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
“ช่างเถอะ กินดีๆ”
“คือข้าหิวน่ะเจ้าจะให้ข้ารักษากิริยาของสตรีอะไรในเวลาเช่นนี้กัน หิวก็คือหิวไม่เข้าใจหรือ”
“เฮ้อ…ช่างเถอะ”
เยว่หลิงเมื่อกินไปได้สักพักจนอาหารในจานเริ่มหมดลงแล้วนางก็เรอออกมาทันทีสร้างความประหลาดใจให้แก่เหล่าโจรพวกนั้นอย่าง
มาก
“นี่นาง…”
“ท่านชื่ออะไรหรือ” เยว่หลิงไม่สนใจกิริยาที่นางแสดงออกมาเมื่อครู่นี้เลยสักนิดนางเพียงแค่หันไปมองเขาก่อนจะเอ่ยถามชื่อเขาด้วยแวว
ตาใสซื่อ
“ข้าต้องบอกเจ้าด้วยหรือ”
“ท่านจับข้ามานะ ก่อนจะสังหารไม่คิดจะบอกชื่อแซ่ให้ข้ารู้บ้างหรือ”
“ไม่ล่ะข้าไม่น่าจะอยากรู้จักเจ้า”
“ทำไม? หรือพวกท่านเองก็ชอบหญิงงามที่มารยาทอ่อนหวาน เรียบร้อยเอาอกเอาใจเก่งเช่นนั้นหรือ โทษทีนะที่ข้าไม่มีลักษณะเช่นนั้น”
“ว่าแต่จับข้ามาทำไมหรือ”
“เจ้ารู้จักหลี๋อ๋อง”
“แน่นอนว่ารู้จัก”
“เจ้าเป็นสาวใช้ของเขาหรือ”
“นี่ หน้าตาข้าดูไม่ได้ถึงเพียงนั้นเลยหรืออย่างไรกัน”
“หืม”
“ข้าเป็นเพียงสตรีที่เผลอตัวเผลอใจให้หลี๋อ๋องก็เท่านั้นไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเสียหน่อย สตรีไร้มารยาเช่นข้าหรือจะเป็นที่ชื่นชอบของบุรุษ”
เยว่หลิงเอาแต่บ่นรำพันกับตนเองไปเรื่อย นางไม่ได้สังเกตเลยว่าหัวหน้าโจรป่าผู้นั้นกำลังจ้องมองนางด้วยความเอ็นดูอยู่
“ใครบอกว่าบุรุษต้องชอบสาวงามเพียงอย่างเดียวล่ะ”
“ไม่ใช่หรือ”
เยว่หลิงเอียงคอก่อนจะมองเขาด้วยแววตานิ่งๆ
“ข้ามีนามว่าซือเยว่”
“ซือเยว่งั้นหรือ”
“ใครช่างกล้าว่าเจ้าไม่งามกัน คนผู้นั้นคงตาบอดเป็นแน่”
“ก็คงตาบอดจริงๆอย่างที่เจ้าว่านั่นแหล่ะ”
เยว่หลิงเองก็เริ่มเบื่อหน่ายขึ้นมาเมื่อนึกถึงคนผู้นั้น นางจึงหยิบจอกเหล้าของเขาขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด
“อ๊ายรสชาติแรงใช้ได้ แรงกว่าเหล้าดอกบัวของข้าอีกนะเนี่ย”
โจรป่าผู้นั้นนั่งมองนางยกไหสุราดื่ม ใจก็อยากห้ามแต่เพราะดูเหมือนว่านางจะมีความสุขที่ได้ร่ำสุราอยู่แบบนั้นเขาจึงได้แต่ปล่อยนางดื่มต่อไป
ซือเยว่ได้เพียงแค่นั่งเป็นเพื่อนนางจนเยว่หลิงเริ่มเมาและประคองสติไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“นี่ๆ เจ้าไปนอนเถอะไป ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะทำอะไรเจ้าล่ะข้าไม่ชอบของแปลก”
“ปากคอเจ้าช่างร้ายเหมือนใครบางคนที่ข้ารู้จักเสียจริง”
“ปากเจ้าก็จัดจ้านยิ่งกว่าสตรีคนใดที่ข้าเคยพบเจอมาเช่นกันแต่ช่างเถอะข้าไม่ถือสา ไปๆไปนอนได้แล้ว”
“ซือ...เยว่”
“อะไร”
“ข้าอยากอาเจียน”
“เฮ้ย!”
“อุแหวะ…”
“…”
---------------------------
[1] 1 จิ้ง = 3.3 เมตร
[2] หนึ่งก้านธูป = ครึ่งชั่วโมง-หนึ่งชั่วโมง