-เจ็ดวันผ่านไป-
ขบวนกองทัพของหลี๋อ๋องเคลื่อนพลจากชายแดนเหนือกินเวลาไปสิบสองวันเต็มๆ ในที่สุดก็เข้าสู่เมืองหลวงต้าหลี่ ระหว่างการเดินทางกลับในครั้งนี้เขาไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอะไรเช่นนี้มาก่อนเหมือนกับครั้งนี้เลย
‘นี่เขาคิดถูกหรือไม่นะที่นำนางกลับมาด้วย สตรีผู้นี้ไม่ว่าง่ายเฉกเช่นสตรีคนอื่นเลยจริงๆ’
เมื่อเข้าสู่ประตูเมืองสองข้างทางนั้นนอกจากจะเต็มไปด้วยชาวบ้านที่ออกมายืนมุงดูพวกเขาแล้วก็ยังมีขบวนรถม้าของสตรีชั้นสูงถูกตกแต่งอย่างงดงามน่าจะมาจากหลายๆแคว้นด้วยกัน ต่างก็หยุดนิ่งอยู่บริเวณหน้าประตูเมืองเพื่อรอคอยเข้าสู่เมืองหลวงนั่นเอง
บรรดาองค์หญิงจากต่างแคว้นที่นั่งอยู่ในรถม้านั้นต่างก็เลิกผ้าม่านขึ้นเพื่อชื่นชมขบวนกองทัพของหลี๋อ๋อง แววตาของสตรีที่มองมาที่เขานั้นช่างหวานหยดเยิ้นเหมือนดั่งเจ้าหญิงที่ตกหลุมรักเจ้าชายอย่างไรอย่างไรนั้น
‘เสน่ห์แรงเสียจริง’
“ท่านอ๋อง นั่นเป็นขบวนรถม้าขององค์หญิงจากแคว้นต่างๆ มาเพื่อแต่งงานเจริญสัมพันไมตรีกับต้าหลี่ของเราพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว”
หลี๋อ๋องไม่ได้หยุดชื่นชมเหล่าสาวงามแต่อย่างใดเขายังคงควบม้าไปเรื่อยๆผ่านเข้าประตูเมืองหลวงเพื่อกลับไปยังจวนของเขา
“เจ้าดูนั่นสิ สตรีที่อยู่ในรถม้าคันนั้นเป็นใครกันนะช่างงดงามอะไรเช่นนี้”
“จะใช่พระชายาของหลี๋อ๋องหรือไม่”
“ข้าว่าไม่หรอกกระมัง ท่านอ๋องยังไม่ทันได้อภิเษกสมรสเลยไม่ใช่หรือ”
“ใครจะไปรู้ล่ะระหว่างที่อยู่ชายแดนอาจจะมีไปแล้วก็เป็นได้”
“แต่ว่านางงดงามหาใครในต้าหลี่นี้เทียบไม่ได้เลยนะ แม้แต่บรรดาองค์หญิงที่อยู่นอกเมืองนั่นก็ไม่เห็นว่าจะมีใครงามเท่านางเลย”
หลี๋อ๋องที่นั่งอยู่บนอาชาสีดำสนิทนั้นได้ยินทุกบทสนทนาของชาวเมืองที่ออกมายืนดูพวกเขา
‘ที่นำนางกลับมาด้วยข้าคิดไม่ผิดจริงๆ’
เยว่หลิงเอาแต่จับจ้องสองข้างทางไม่สนใจจะฟังเสียงพูดคุยของชาวบ้านเลยแม้เพียงนิด สิ่งที่นางสนใจคือร้านอาหารที่ผ่านตาของนางต่างหากล่ะ
‘ให้ตายสิ น่ากินทั้งนั้นเลย’
หลี๋อ๋องลอบมองไปที่ใบหน้าสวยหวานนั้น
‘ดูจากอาการแล้วคงจะหิวอยู่ล่ะสิ’
บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมที่ดูจะใหญ่โตที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ มีบุรุษสองคนเฝ้าคอยจับตามองขบวนของหลี๋อ๋องโดยเฉพาะคนที่อยู่ในรถม้านั้น
“นั่นใช่นางหรือไม่”
“ใช่ขอรับ ท่านหญิงมากับขบวนทหารของหลี๋อ๋องจริงๆ”
“แสบจริงๆ กล้าหลอกข้าได้อย่างไร”
“เจ้าตามนางไป อย่าให้รู้ตัวล่ะ”
“ขอรับคุณชาย”
-จวนหลี๋อ๋อง-
หลี๋อ๋องลงจากหลังม้าได้เพียงครู่เดียวก็มีทหารจากวังหลวงควบม้าเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็ว
“ท่านอ๋อง ฮ่องเต้รับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ายังมีเรื่องต้องทำ”
“แต่ว่าท่านอ๋องวันนี้ขบวนรถม้าขององค์หญิงจากต่างแคว้นมาถึงเมืองหลวงแล้ว ฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้องค์ชายทุกคนเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ”
หลี๋อ๋องถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยเพียงว่า
“ข้ารู้แล้ว”
เป็นดังที่เขาคาดการณ์เอาไว้ฮองเฮาทรงเรียกตัวเขากลับมาในครั้งนี้ก็คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง องค์หญิงจากต่างแคว้นที่มาเพื่อสมรสเจริญสัมพันไมตรีกับต้าหลี่
‘คงไม่ใช่ว่าจะให้เขาเลือกองค์หญิงคนใดคนหนึ่งเพื่อแต่งชายาหรอกนะ’
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงหันไปมองสตรีที่พึ่งจะลงจากรถม้า เยว่หลิงที่รู้สึกว่ากำลังถูกจับจ้องมองจากใครบางคนอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองทันที
“อะไร ท่านมองหน้าข้าทำไม”
“ช่างเถอะ พ่อบ้านสือ”
“ท่านอ๋องมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไปจัดหาสาวใช้มาดูแลนางที”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“นางมีนามว่า…ท่านหญิงเยว่เหวินหลิง”
พ่อบ้านสือได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามาคำนับนางทันที
‘ไม่ใช่สตรีธรรมดาหรอกหรือนี่’
“ส่วนเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ อย่าแม้แต่จะคิดออกไปก่อเรื่องอีก”
“แน่นอน ท่านเห็นข้าเป็นคนอย่างไรข้าเรียบร้อยเพียงนี้จะไปก่อเรื่องอะไรที่ไหนกัน”
‘ช่างกล้าชมตนเองเสียจริง’
“ตัวก่อกวนเช่นเจ้า ข้าไม่ไว้ใจ”
“นี่ท่าน!”
หลี๋อ๋องไม่อยู่ฟังนางพูดต่อเขาหันหลังเตรียมที่จะกระโดดขึ้นหลังม้าอีกครั้งแต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของสตรีนางหนึ่งเรียกขานเขาก่อน
“ท่านอ๋อง”
หลี๋อ๋องหันไปมองนางด้วยสายตาที่เย็นชายิ่งนัก เยว่หลิงเองก็ถึงกับประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเขาแสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมา
“ท่านอ๋องเพคะ ข้าได้ยินว่าท่านจะกลับเมืองหลวงจึงรีบมารอท่านตั้งแต่เช้าเลย”
“ฉางอิ๋นเซียนงั้นหรือ”
“ใช่เพคะ”
“นางเป็นใครหรือ” เยว่หลิงแอบกระซิบถามพ่อบ้านสือเบาๆ
“บุตรสาวของเสนาบดีฉาง ฉางอิ๋นเซียนขอรับ”
“ว้าว..บิดามีตำแหน่งใหญ่โตเสียด้วย คงไม่ใช่ว่าเป็นคู่หมั้นของท่านอ๋องหรอกนะ”
“หาไม่ขอรับนางเป็นสหายตั้งแต่วัยเยาว์ของท่านอ๋องและมาที่จวนแห่งนี้อยู่บ่อยครั้งก็เท่านั้นขอรับ”
“งั้นหรือ”
ฉางอิ๋นเซียนคุ้นเคยกับความเย็นชาของเขามานานแล้ว นางจึงไม่สนใจกิริยาที่เขาแสดงออกมาแต่เลือกที่จะหันไปมองสตรีที่อยู่ด้านหลังของเขาแทน
“ท่านอ๋องพาใครกลับมาด้วยหรือเพคะ”
“ข้าหรือ ข้าก็คือว่าที่พระชายาของท่านอ๋องอย่างไรล่ะ”
หลี๋อ๋องที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหันไปมองนางทันที
“ไม่จริง”
“จริงดังเช่นที่นางกล่าว นางเป็นว่าที่พระชายาของข้าเจ้าเองก็ควรให้เกียรตินางด้วย”
ฉางอิ๋นเซียนได้ยินดังนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออก ส่วนหลี๋อ๋องหันไปจับจ้องใบหน้าของเยว่หลิงก่อนจะหลี่ตาเพื่อเป็นการตอกย้ำกับนางอีกครั้งว่า ‘ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด’
“ข้าต้องเข้าวังระหว่างที่เจ้ารออยู่ที่นี่หากว่าเจ้าเบื่อ ก็ให้พ่อบ้านสือพาไปนั่งเล่นที่สวนหลังจวนของข้าได้”
“ท่านอ๋องโปรดวางใจ ข้าน้อยจะดูแลพระชายาให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
“หวังว่ากลับมาข้าจะเจอเจ้า”
เยว่หลิงไม่ได้ตอบรับอันใดเพียงแค่ยิ้มหวานใส่เขาเท่านั้น หลี๋อ๋องได้เพียงแค่ส่ายหัวให้นางก่อนจะควบม้าตรงดิ่งไปวังหลวงด้วยความรวดเร็ว
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเพคะ”
“เรียกไปเถอะถึงอย่างไรแล้วท่านอ๋องก็ไม่สนใจเจ้าหรอก ช่างน่าสงสารจริงๆ”
“นี่เจ้า!”
“ข้าคือท่านหญิงสถานะก็ดูจะสูงส่งกว่าเจ้าอยู่นะ ชาวต้าหลี่ไร้มารยาทถึงเพียงนี้เลยหรือ”
“คุณหนูฉางท่านกลับไปก่อนเถอะนะขอรับ”
“เห็นแก่พ่อบ้านสือ ข้ากลับก็ได้ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เยว่หลิงหัวเราะชอบใจกับอาการไม่ได้ดั่งใจของสตรีนางนั้น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในจวนอ๋องอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจนางอีกเลย
-สองชั่วยามผ่านไป-
“นี่เสี่ยวหลัน เมื่อไหร่ท่านอ๋องจะกลับมาเสียที”
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะพระชายา”
เสี่ยวหลัน สตรีวัยปักปิ่นคนที่พ่อบ้านสือคัดเลือกให้มาดูแลพระชายาในครั้งนี้ตอบนางไปก็ชะเง้อคอเพื่อมองหาหลี๋อ๋องไปด้วยแต่ก็ไร้วี่แววของเขา
“เฮ้อ…”
“พระชายาเข้าไปในเรือนก่อนดีหรือไม่เพคะ”
“ไม่ล่ะ ข้าจะรอตรงนี้”
นางนั่งรอต่อไปอีกครึ่งชั่วยามไม่นานนักหลี๋อ๋องก็ควบม้ากลับมาที่จวน นางรีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที
“เหตุใดท่านถึงกลับมาช้านักล่ะ”
“เจ้านั่งรอข้าทำไม”
“ข้าเบื่อ แล้วก็นอนไม่หลับ”
“นอนไม่หลับ?”
“ก็เรือนฝั่งตะวันออกมันโล่งตาไปหมด แต่ข้าเห็นนะว่าเรือนของท่านร่มรื่นเอามากๆ ขอข้าไปชมหน่อยได้หรือไม่”
‘หากปฎิเสธไปก็คงไม่ยินยอมอีกสินะ’
“ก็ได้”
“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง”
เยว่หลิงดีใจยกใหญ่ก่อนจะวิ่งตามหลังเขาไปยังเรือนใหญ่ด้วยความรวดเร็ว
“จะเรือนไหนๆก็เหมือนกัน เพียงแค่เข้านอนเองยากอะไรกันที่ชายแดนเหนือหัวถึงหมอนเจ้าก็หลับไปเลยไม่ใช่หรือ”
“นั่นไม่เหมือนกันที่นั่นเป็นป่าเขาต้นไม้เยอะมากมายทำให้ข้านอนหลับได้อย่างสบายใจ”
เยว่หลิงนั่งลงบนพื้นที่มีชุดโต๊ะเตี้ยๆให้นั่งเล่นเพื่อผ่อนคลาย นางยกกาน้ำชามารินใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบเพื่อดื่มอย่างหิวกระหายก่อนจะนั่งเท้าคางมองไปที่หุบเขาที่อยู่ด้านหลังจวนอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าเติบโตมาอย่างไร เป่ยฉีเองก็มั่งคั่งมากไม่ใช่หรือขึ้นชื่อเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ย่อมต้องมีอาคารร้านค้าให้เห็นมากกว่าที่นี่เสียด้วยซ้ำไป”
“ข้าอยู่ที่จี้โจวนะไม่ได้อยู่เมืองหลวงเลยเสียหน่อยจวนของข้าที่จี้โจวท่านพ่อสร้างมันขึ้นมาใหม่ ที่แห่งนั้นมีต้นไม้ สระน้ำ ธรรมชาติที่งดงามมองเห็นเทือกเขาสูงใหญ่ ก่อนจะนอนข้าต้องได้มองภาพเหล่านั้นทุกครั้งถึงจะหลับตาลง ข้าไม่ชอบอยู่ในเมืองหลวงมันวุ่นวาย”
หลี๋อ๋องมองใบหน้าด้านข้างของนาง ดูๆไปแล้วนางก็ไม่น่ามีพิษสงอันใดเลยสักเพียงนิด
‘หากไม่นับผลประโยชน์จากการพบเจอกันในครั้งนี้ ไม่แน่เขาอาจจะสานสัมพันธ์กับนางขึ้นมาจริงๆก็เป็นได้ แต่ท่านหญิงผู้นี่แสบไม่ใช่เล่นลำพังตัวเขาจะรับมือได้อย่างไรกัน ไม่เอาดีกว่า’
หลี๋อ๋องสะบัดหัวให้กับความคิดฟุ้งซ่านนั้น เย่หลิงก็หันมาเห็นภาพนั้นพอดี
“ท่านเป็นอะไรหรือ”
“หืม ข้าหรือ”
“ข้าเห็นท่านสะบัดหัวเป็นอะไร ปวดหัวงั้นหรือ”
“ใช่ นับตั้งแต่เจอเจ้าหัวของข้าก็ไม่เคยได้อยู่ดีอีกเลย”
“นี่!เหตุใดต้องกล่าวร้ายข้าเช่นนั้นกัน”
“หรือไม่จริง?”
“ช่างเถอะข้าไม่ถือโทษท่าน ว่าแต่ไปวังหลวงวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
หลี๋อ๋องมองนางนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเหมือนว่าไม่อยากนึกถึงเรื่องนั้นอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าทูลขอพระราชทานสมรสระหว่างข้ากับเจ้า”
“ห๋า”
“เจ้าจะอยู่ข้างกายข้าได้อย่างไรหากไม่มีตำแหน่งชายา”
“สหายก็ได้นี่”
“ก่อนเข้าเมืองเจ้าไม่เห็นหรือว่าเกี้ยวขององค์หญิงจากต่างแคว้นต่างก็มารอกันอยู่ที่ประตูเมืองแล้ว หากข้าไม่แต่งเจ้าเป็นชายาก็ต้อง
เลือกองค์หญิงคนใดคนหนึ่งในนั้นอยู่ดี แล้วหากเป็นเช่นนั้นเจ้าจะสามารถติดตามข้าได้หรือ”
“ก็ถูก”
“หรือเจ้ายินยอมจะเป็นชายารองของข้าเอาแบบนั้นหรือไม่”
“ไม่มีวัน!”
เยว่หลิงมุ่ยหน้าหลี่ตามองเขาก่อนที่หลี๋อ๋องจะพูดเหมือนปลอบใจตัวเองไปว่า
“แต่งงานไม่ใช่เพื่อสืบทอดทายาท แต่คนเราสามารถแต่งงานเพื่อเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้”
“ข้าก็ไม่ทันได้ว่าอะไรนี่ เอ้านี่”
“อะไรหรือ”
“ยาระงับพิษ ระหว่างเดินทางข้าเห็นนะว่าท่านจับที่หน้าอกอยู่บ่อยครั้งพิษเริ่มตีตื้นขึ้นมาแล้ว ท่านกินไปเถอะมันจะช่วยให้อาการทุเลาลงได้”
หลี๋อ๋องจ้องมองขวดยานั้นนั่งไม่ยอมยื่นมือไปรับมันมาเสียทีจนเยว่หลิงต้องยัดมันใส่มือของเขาแทน
“กินไปเถอะน่าไม่ใช่ยาพิษหรอก”
“นี่ ข้าขอนอนที่นี่ได้หรือไม่หากข้าต้องกลับไปนอนเรือนฝั่งนั้นมีหวังข้าคงนอนไม่หลับ หากนอนไม่ถึงแปดชั่วโมงแล้วนั้น…”
“ตามใจเถอะ”
เยว่หลิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะวิ่งแล้วกระโดดลงไปนอนบนเตียงนอนของเขา ก่อนจะหลับตาลงภายในไม่กี่นาทีนางก็หลับสนิททันที
‘เก่งกาจแต่หละหลวม เหตุใดถึงไว้ใจคนอื่นง่ายๆเช่นนี้กัน’
หลี๋อ๋องพูดแค่นั้นแล้วนำผ้าห่มมาคลุมร่างกายของนางเอาไว้
‘เฮ้อ อยู่ใกล้นางทีไรได้มีเรื่องให้ปวดหัวทุกทีสิน่า เสร็จงานเมื่อไหร่คงต้องรีบแยกย้ายอย่างเร็วที่สุดแล้ว’