ตอนที่ 9 ช่างน่าชังเสียจริง

1126 Words
‘ด่าได้เร้าใจมาก’ “ข้าดูแลตัวเองได้น่า” “ลงไปกับข้า” “ก็ได้ ว๊าย! เหตุใดไม่ให้ข้าเดินลงบันไดไปเล่า” “ข้ายังมีงานต้องทำมัวชักช้ามันเสียเวลา” เมื่อทั้งคู่ลงมาอย่างปลอดภัยแล้วเจ้าเมืองเล่ออานก็รีบเข้ามาหาพวกเขาทันที “ท่านอ๋อง พระชายา” “ท่านคือ?...” “เขาคือเจ้าเมืองเล่ออานนามว่าหวังตี๋เฟย” “ดีใจที่ได้พบท่านเจ้าเมืองเจ้าค่ะ” “ขอบพระทัยที่เป็นห่วงเป็นใยชาวเมืองเล่ออานมากพ่ะย่ะค่ะ” เยว่หลิงได้เพียงแค่ส่งยิ้มให้เขาเพราะถูกหลี๋อ๋องจ้องมองอยู่ไม่วางตา “ท่านมีอะไรจะพูดกับข้างั้นหรือ” “มีสิมีแน่แต่ไว้หลังจากข้ากลับมา เจ้าขัดคำสั่งข้าเช่นนี้รู้หรือไม่ว่าจะโดนอะไร” เยว่หลิงไม่สนใจที่เขาขู่ไม่ทันจะตอบโต้เขาไปก็ได้ยินเสียงบุรุษผู้หนึ่งตะโกนเรียกหลี๋อ๋องเสียก่อน “ท่านเจ้าเมืองหมอหญิงผู้นั้นต้องการสนทนากับท่านขอรับ” “เอ๋ ตอนนี้เลยหรือ” “ใช่ขอรับ” “เอ่อ เช่นนั้นท่านอ่อง” “ข้าจะไปกับท่านด้วย” “เอาอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” “อืมไปกันเถอะ” หวังตี๋เฟยเดินไปรอพวกเขายังหน้าประตูเมืองแล้วส่วนหลี๋อ๋องที่กำลังจะเดินตามไปก็ต้องหยุดเดินไปเสียก่อน “เจ้ามากับข้า” “เอ๋ ข้าหรือ” “ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะก่อเรื่องอีกให้อยู่ในสายตาข้านี่แหล่ะดีแล้วตามมาเร็วเข้า” “ก็ได้เพคะท่านอ๋อง” ‘เฮ้อ…เวรกรรมอะไรของข้ากันเนี่ย’ “ท่านอ๋อง” ยังไม่ทันที่เขาจะออกเดินไปสมทบกับเจ้าเมืองเล่ออานก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเอาไว้เสียก่อน 'อะไรนักหนากันนะ’ เสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งเรียกหลี๋อ๋องเอาไว้เมื่อเยว่หลิงหันไปมองก็ถึงกับงุนงง ‘ฉางอิ๋นเซียนหรือมาได้อย่างไรกัน?’ “เจ้ามาที่นี่ทำไม” “หม่อมฉันได้ยินว่าท่านอ๋องต้องเดินทางมาที่นี่ เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงไม่นานก็ต้องมาที่นี่อีกแล้ว ในฐานะที่หม่อมฉันเป็น..” เยว่หลิงเอียงคอเล็กน้อยกับคำพูดสองแง่สองง่ามของนางเมื่อครู่แต่ก็ไม่ได้พูดสอดแทรกขึ้นมาแต่อย่างใด “ในฐานะที่หม่อมฉันเคยเป็นสหายวัยเยาว์ของท่านอ๋องก็รู้สึกเป็นห่วงท่านอ๋องเล็กน้อยเพคะจึงแอบตามมา” “จริงหรือนี่เจ้าช่างเป็นสตรีที่จริงใจเสียจริง ท่านอ๋องมีมิตรย่อมดีกว่าศัตรูท่านว่าหรือไม่เพคะ” หลี๋อ๋องไม่ได้ตอบนางแต่อย่างใดเพราะไม่มั่นใจที่นางถามนั้นเป็นเพราะนางอย่างรู้จริงๆหรือเพียงแค่ประชดเขาเท่านั้น “แล้วเจ้ามากับใครงั้นหรือแม่นางฉาง” “ข้ามาเพียงลำพัง” “ว้าวจริงหรือนี่ สตรีที่เรียบร้อยอ่อนหวานเช่นเจ้าเหตุใดถึงกล้าเดินทางมาที่นี่เพียงลำพังกันล่ะ” “แต่เท่าที่ข้าจำได้ เจ้าเองก็แอบตามข้ามาเหมือนกันนะ” หลี๋อ๋องพูดขัดนางขึ้นมาทันใด ทว่าเยว่หลิงกลับไม่สนใจที่เขาพูดประชดนางสักเพียงนิด “นั่นไม่เหมือนกันข้าเป็นชายาของท่านต่อให้ทหารของท่านเห็นข้าพวกเขาก็ไม่กล้าไล่ข้ากลับ อีกอย่างท่านก็รู้ว่าข้านั้นมีมิตรสหายที่สามารถปกป้องข้าได้ แต่นาง…” “นางอะไร” “นางเป็นคนรักของท่านใช่หรือไม่หากเกิดอะไรขึ้นกับนางท่านจะไม่เสียใจหรือ” เยว่หลิงกระซิบกับเขาเบาๆโดยไม่ให้ฉางอิ๋นเซียนได้ยิน “เหลวไหล” หลี๋อ๋องรีบปฎิเสธนางทันที ฉางอิ๋นเซียนไม่รอช้ารีบเข้ามาคล้องแขนหลี๋อ๋องเอาไว้ “ท่านอ่องข้าได้ยินว่าท่านจะไปตรวจชาวบ้าน เช่นนั้นพาข้าไปด้วยนะเพคะ” “ไม่ได้ ที่นั่นมีโรคระบาดจะพาเจ้าไปได้อย่างไร” “พระชายายังไปได้เลย” “นางเป็นชายาของข้าหากเกิดอะไรขึ้นข้าย่อมรับผิดชอบไหว แต่เจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าข้าไม่สามารถแบกรับความรับผิดชอบนั้นได้” “ท่านอ๋อง หากว่านางอยากไปจริงๆก็ให้นางไปเถอะเพคะ เพียงแต่อย่าก่อความวุ่นวายก็พอ” เยว่หลิงพูดจบก็เดินหนีพวกเขาออกมาทันทีก่อนจะเดินไปสมทบกันกับเจ้าเมืองเล่ออานที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว หลี๋อ๋องที่เห็นว่านางเริ่มแสดงความเอาแต่ใจออกมาก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาแล้วรีบเดินตามนางไปด้วยความรวดเร็ว ฉางอิ๋นเซียนที่เห็นว่าหลี๋อ๋องตามใจพระชายาผู้นี้เป็นอย่างมาก ในใจของนางก็เริ่มร้อนเป็นไฟความอิจฉาประทุขึ้นมาในนั้นเงียบๆ “ท่านอ๋องข้าต้องขออภัยด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยไม่รู้ว่าพระชายาจะมาที่นี่ด้วยจึงไม่ได้เตรียมรถม้าเอาไว้รถม้าที่มีก็ใช้ขนเสบียงยาและอาหารไปที่หุบเขาแล้ว” “ไม่เป็นไร” “รถม้าของข้าอย่างไรล่ะ” “พระชายารถม้าที่ท่านนั่งมานั้นล้อของมันพังแล้วเพคะยังต้องซ่อมอีกนานเลย” “อะไรกัน แล้วท่านมีม้าอีกกี่ตัวล่ะเอามาให้ข้าที” “จะหาเพิ่มให้เสียเวลาทำไมเจ้าก็ไปกับข้าอย่างไรล่ะ” “ท่านอ๋อง แล้วหม่อมฉันล่ะเพคะ” “หืม” เยว่หลิงหันไปมองฉางอิ๋นเซียนทันที ‘นี่นางตั้งใจจะนั่งม้าตัวเดียวกับสามีของข้าสินะถึงได้ถามเช่นนั้น ช่างน่าชังเสียจริง!’ “ข้าจำได้ว่าเจ้าขี่ม้าเป็นนะฉางอิ๋นเซียน” หลี๋อ๋องกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เวลานี้ใจของเขาจดจ่ออยู่ที่ผู้ป่วยที่หุบเขาเหอหนานนั่นแล้วไม่อยากจะเสียเวลาไปอีกแม้เพียงนิด “คือว่า…” “ท่านอ๋องข้าน้อยขอมอบม้าของข้าให้แม่นางผู้นั้นนะพ่ะย่ะค่ะส่วนข้าจะขึ้นม้าอีกตัวแทน พวกเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะมืดค่ำไปเสียก่อน” “อืม” เยว่หลิงที่ยืนกอดอกมองดูฉางอิ๋นเซียนอยู่นั้นเป็นต้องตกใจผวาเข้ากอดแขนของเขาแน่นส่วนฉางอิ๋นเซียนเองก็เบิกตากว้างทันใดที่เห็นภาพตรงหน้า หลี๋อ๋องที่ขึ้นควบม้าของเขาแล้วเอี้ยวตัวใช้แขนแกร่งของเขาเพียงข้างเดียวโอบเอวของเยว่หลิงไว้แน่นแล้วโอบอุ้มนางขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหน้าของเขาทันที นางมองทั้งคู่ด้วยความรู้สึกอิจฉายิ่งนัก ‘สักวันเถอะเจ้าจะต้องหายไปจากโลกนี้ไปตลอดกาล เยว่เหวินหลิง!’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD