สองปีก่อน
ไอริณแทบล้มทั้งยืนหลังจากได้ฟังคำตัดสินของศาล เธอแพ้คดี ลูกต้องตกไปอยู่ในความดูแลของคิรากรเพราะศาลสั่งให้อำนาจปกครองอยู่กับบิดาเหตุเพราะคนเป็นแม่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
“ไม่จริงมันต้องไม่เป็นแบบนี้ พี่จะมาพรากลูกไปจากไอซ์แบบนี้ไม่ได้ ไอซ์เลี้ยงแกมากับมือทำไมพี่ถึงเลวแบบนี้” ไอริณเข้ามาต่อว่าอดีตคนรักถึงลานจอดรถ เธอและคิรากรคบและอยู่กินฉันสามีภรรยาโดยได้จดทะเบียนและมีลูกชายวัยสองขวบเป็นพยานรักหนึ่งคน
“ไอซ์พี่บอกให้เงียบไง ยิ่งคุยก็มีแต่จะทะเลาะกลับไปคุยกันที่คอนโดก่อน”
“ไม่ได้นะคินแม่ไม่ให้นังผู้หญิงคนนี้เข้าใกล้ลูกกับหลานของแม่อีก” กะรัตแม่ของคิรากรเข้ามาห้ามเมื่อเห็นว่าลูกชายจะพาผู้หญิงที่ตนเกลียดกลับไปด้วย
“พี่คินไอซ์ขอร้องอย่าเอาลูกไป ไอซ์อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีลูก” ไอรินเกาะแขนแกร่งสะอื้นไห้ปานจะขาดใจเรื่องที่ต้องหย่าขาดทางกฎหมายจากเขาเธอพอรับได้แต่เรื่องที่ไม่ได้อยู่กับลูกเธอยอมไม่ได้จริงๆ
“คินแม่ไม่ยอมนะ คินก็เห็นว่ามันขึ้นคอนโดกับน้องเขยแก หลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้ยังจะให้โอกาสอะไรกันอีก”
“ไม่จริงมันคือเรื่องเข้าใจผิด มีคนจงใจทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้” ไอริณมองกะรัตด้วยแววตาชิงชัง
“ไม่มีใครจงใจทำอะไรทั้งนั้นแหละ ไอซ์อย่าใส่ร้ายคนอื่น”
คิรากรพยายามห้ามปราม
“ไอซ์เกลียดพี่ พี่มันคนเห็นแก่ตัวไม่เคยฟังเหตุผลของไอซ์”
“ไอซ์ลองคิดดูดีๆ ว่าใครเห็นแก่ตัวก่อน ใครกันที่จะเอาลูกไปจากพี่ ใครกันที่เอาลูกหนีพี่ไปเกือบเดือนกีดกันไม่ให้พี่เจอลูก จนพี่ต้องฟ้องศาลแบบนี้”
“ที่ไอซ์ต้องพาลูกหนีก็เพราะพี่และครอบครัวของพี่ต่างหาก แม่ของพี่นั่นแหละตัวการเลยกลั่นแกล้งไอซ์สารพัดแถมแอบตบตีลูกของเราด้วย แบบนี้จะให้ไอซ์ทนอยู่ได้เหรอ และที่สำคัญพี่เองก็ไม่เคยปกป้องไอซ์กับลูกได้เลย
“ไม่มีหลักฐานก็อย่าปรักปรำคนอื่น แพ้แล้วยังจะพาลอีกนะ” สายตาคมเสมองไปทางอื่นเพราะไม่อยากเห็นวงหน้าสวยเปรอะเปื้อนน้ำตาเพราะมันทำให้ใจแกร่งของเขาพลอยอ่อนแอไปด้วย
“พี่ไม่เคยเชื่อไอซ์ พี่เชื่อแต่คนอื่น”
“คนอื่นที่ไอซ์พูดถึงคือแม่พี่ คือครอบครัวของพี่และพี่จะไม่ปล่อยให้ใครมาด่าว่าท่านฉอดๆ แบบนี้อีกแน่นอน”
“เคยรักไอซ์บ้างไหม เห็นไอซ์เป็นคนยังไงทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง”
“ความอดทนและความรักของพี่มันหมดลงตั้งแต่ไอซ์เป็นชู้กับไอ้ต้นแล้ว พี่ไม่มีทางทนให้ผู้หญิงร่านแบบนี้มาอยู่ใกล้ลูกเด็ดขาดจะไปไหนก็ไปอย่ามาให้พี่เห็นหน้าอีก”
“ฮึก! ฮือ!”
“พี่จำคำของพี่ไว้ให้ดีนะ แล้วพี่จะเสียใจกับสิ่งที่พี่ทำ”
ไอริณมองภาพพักหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความปวดร้าวในหัวใจ ภาพของลูกชายตัวน้อยใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้มแสนจะไร้เดียงสานี้ทำเอาน้ำตาของคนเป็นแม่ล้นเอ่อด้วยความห่วงหา
“คุณไอซ์คะ เรื่องตั๋วเครื่องบินที่ให้พี่เตรียมพี่จัดการให้เรียบร้อยแล้วนะคะ” เลขาคนสนิทเดินเข้ามาแจ้งข่าวแก่เจ้านาย
ศศิประภาคือเลขาคนสนิทที่เธอไว้วางใจและนับถือเสมือนคนในครอบครัว
“อ่อ ขอบคุณค่ะพี่ศศิ” ไอรินยกมือขึ้นซับน้ำตาเบาๆ หันมาส่งยิ้มให้เลขาสาว
อย่างน้อยโลกก็ไม่ได้โหดร้ายเกินกว่าที่เธอคิด ความทรมานเพราะการคิดถึงเด็กชายตัวน้อยใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
“มามี้จะได้เจอพี่คีย์แล้วนะ” คนเป็นแม่กดดูรูปภาพของลูกชายในโทรศัพท์มือถืออีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มเปี่ยมสุขระบายบนใบหน้า
“อีกไม่กี่วันก็จะได้เจอคุณหนูแล้ว คุณไอซ์สู้ๆ นะคะพี่เป็นกำลังใจให้” เธอชูมือขึ้นสองนิ้วให้เจ้านายสาวเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง
อาจเป็นเพราะอยู่ในทุกเหตุการณ์ที่ไอริณประสบพบเจอจึงทำให้เธอเข้าใจและเห็นใจเจ้านายตัวเองมากเป็นพิเศษ ผู้หญิงคนนี้ต้องทนทุกข์มามากมายกว่าจะลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้งก็แทบเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“ขอบคุณค่ะ”
“เห็นคุณไอซ์เข้มแข็งพี่ก็ดีใจ”
“บทเรียนชีวิตทุกอย่างที่ผ่านมามันทำให้ไอซ์รู้ว่าคนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะรอด อีกอย่างสิ่งสำคัญที่ทำให้ไอซ์อยากกลับไปคือลูก ไอซ์จะไม่มีทางให้ใครมาพรากลูกไปจากไอซ์อีกแล้ว” ไอริณรู้ดีว่าการกลับไปของเธอคราวนี้คงต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายหลายอย่าง ทว่าสัญชาตญาณความเป็นแม่ทำให้เธอต้องกลับไป กลับไปทำหน้าที่ที่เธอละทิ้งเพราะความจำเป็นตลอดสองปีที่ผ่านมา
“ถึงยังไงพี่ก็อยากให้คุณไอซ์รอบคอบและมีสติให้มาก อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ คุณไอซ์กลับไปคราวนี้ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายนะคะ ไม่รู้ว่าคุณอิงอรจะมาไม้ไหนอีก เพราะที่ผ่านมาคุณไอซ์ก็เจอมาหนักพอสมควร” ศศิประภาพูดถึงอิงอรแม่เลี้ยงของไอริณ เธอเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าต้องมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้
“เขาไม่กล้าทำอะไรไอซ์ไปมากกว่านี้หรอกค่ะ เพราะไอซ์ยังไม่ได้เซ็นมอบทรัพย์สินของคุณพ่อให้ลูกเขา ไอซ์ยังเป็นผู้จัดการมรดกอยู่พี่ศศิอย่าลืมสิคะ”
“แต่พี่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ภาพวันที่คุณไอซ์ถูกทำร้ายก่อนมาอังกฤษยังติดตาพี่อยู่เลย คุณไอซ์นะคุณไอซ์ทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มีศัตรูรอบทิศแบบนี้ไหนจะอดีตแม่สามีอย่างคุณกะรัตที่คอยแต่จะรังแก แล้วก็มีแม่เลี้ยงอย่างคุณอิงอรที่หวังแต่จะเอาผลประโยชน์”
“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกค่ะ เพราะคนที่จะเจ็บปวดจะไม่ใช่ไอซ์อีกต่อไป คนพวกนั้นควรได้รับบทเรียนที่ตัวเองทำบ้าง”