หาทางกลับบ้าน

1213 Words
“งั้นเหรอ” ‘หมอผี? หมอดู? คนพวกนี้จะช่วยอะไรนางได้บ้างนะ หรือต้องเป็นพวกมีวิชาอาคม ไม่ๆๆๆ นี่หนังจีนไม่เหมือนหนังไทยสิแค่มีวิทยายุทธ์ก็พอแล้วเถอะ’ ชิงเซียนส่ายหน้ากับตัวเองไปมาเมื่อรู้ว่าเริ่มคิดไกลไปแล้ว “ว่าแต่ ที่เจ้าขอไปด้วยเพราะอยากจะไปหาญาติงั้นรึ” “เป็นเช่นนั้น” ปากว่า แต่เอาจริงๆ คือไปตายเอาดาบหน้ามากกว่า นางหลงมาอยู่ในร่างนี้แล้วจะมีญาติที่ไหนได้นอกจากแมวน้อยที่ทิ้งนางไปไหนแล้วไม่รู้ หรือที่หนีไปคงเพราะนางดื้อ ไม่เคยทำตามคำสั่งของแมวน้อยสักครั้ง “เช่นนั้นพอลงจากเรือก็ทางใครทางมัน” “อืม” พยักหน้าแล้วนั่งพิงกาบเรือที่แล่นไปเรื่อยๆ ตามกระแสน้ำ ไม่กล่าวอะไรนอกจากคิดถึงเรื่องของตัวเอง วันต่อมา ทุกคนบนเรือทั้งหกชีวิตไม่รวมคนเจ็บในห้อง ต่างตื่นนอนแต่เช้ามืดและช่วยกันจัดการภายในเรือ ไม่เว้นแม้แต่สองบุรุษวัยกลางคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันยังช่วยเหลือกวนผูเล่อโดยการอุ้มไปขับถ่าย จังหวะนั้นเองที่ชิงเซียนได้พบเจอกับว่าที่สามีของนาง (ตามที่แมวน้อยบอก) จังๆ ทั้งคู่สบตากันเพียงครู่ก่อนที่ชิงเซียนจะเป็นฝ่ายละสายตาไป ในใจนางอดยอมรับไม่ได้ว่ากวนผูเล่อรูปงามมาก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้คิดพิศวาสเขาอย่างที่ควรจะเป็น ‘ช่างเถอะ’ ตัวนางเองไม่ได้อยากมีปัญหากับอ้ายอันอยู่แล้ว ทางใดเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงดีกว่า ซึ่งนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด เรือลำขนาดกลางเดินทางด้วยความเร็วตามสายน้ำ เวลาผ่านไปถึงห้าวัน ประตูทางเข้าเมืองหลวงก็ปรากฏให้เห็นรำไร ชิงเซียนมองกำแพงใหญ่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ‘เหมือนกำแพงเมืองจีนที่เคยเห็นในหนังสือเรียนไม่มีผิดแต่จะใช่หรือไม่ใช่นั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง’ “หลายวันก่อนเจ้าได้เจอกับพี่ผูเล่อของข้าใช่หรือไม่” อ้ายอันยืนกอดอกค้ำหัวสตรีที่อายุมากกว่าพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ เรื่องนี้กวนผูเล่อเพิ่งจะบอกนางเมื่อเช้านี้ในตอนที่นางไปป้อนสำรับเช้าถึงเตียงนอน น่าแปลกที่พี่ผูเล่อเจอกับชิงเซียนตั้งสามวันเหตุใดจึงเพิ่งมาถามหา ‘เพราะถ้ารัก ชอบก็คงถามถึงวันแรกแล้วมิใช่รึ’ แต่นั่นถือก็ว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนางไม่น้อย ชิงเซียนเงยหน้ามองอ้ายอันที่กระทำตนราวกับเป็นฮูหยินของผูเล่อก็ไม่ปาน “ใช่ ข้าบังเอิญเจอบุรุษผู้นั้นตอนเขาถูกอุ้มออกมาจากห้องน้ำ” “เหตุใดไม่บอกข้า!” “บอกรึไม่บอกจะต่างกันตรงไหน ในเมื่อข้าแค่เจอแล้วเดินผ่าน ทักทายสักคำบุรุษผู้นั้นยังไม่ทักข้าแล้วเหตุใดข้าต้องให้ความสำคัญโดยการทักเขาก่อน” ความรำคาญของสตรีหวงก้างผู้นี้ทำให้นางเหลืออด “ข้าว่าแทนที่เจ้าจะมาห่วงว่าเขาถามถึงข้าที่ไม่เคยรู้จักกัน เจ้าควรคิดไว้ก่อนดีกว่าว่าพอถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าควรมัดเขาไว้กับตัวดีหรือไม่เพราะข้ารู้มาว่าสตรีในเมืองหลวงงดงามยิ่งนัก” นางแค่ปดซึ่งในความเป็นจริงมันควรเป็นเช่นนั้น “ฮึ่ย!” อ้ายอันหน้าเสีย มันเป็นเช่นที่นางกล่าวจริงๆ สตรีในเมืองหลวงงดงามกว่าสตรีในป่าเขาเช่นนางยิ่งนัก ‘ทำอย่างไรดี’ สตรีหน้าใสคิดหนักได้ไม่นาน เรือของพวกนางก็ได้เวลาจอดเทียบท่า นางเห็นชิงเซียนเดินหอบถุงผ้าเดินไปยังที่ที่หัวหน้าหมู่บ้านอยู่แล้วกล่าวลาไปทั้งอย่างนั้น ส่วนตัวนางเองก็ได้แต่มองความวุ่นวายตรงท่าเรือ เสียงร้องตะโกนจากหอนางโลมดังขึ้นเป็นระยะๆ ‘ไม่เป็นไร พี่ผูเล่อยังขาหักอยู่ยังไงก็ต้องพึ่งพานางอยู่วันยังค่ำ’ เมื่อคิดได้จึงเดินเข้าไปในห้องนอนที่มีกวนผูเล่ออยู่ นางเก็บข้าวของเครื่องใช้โดยมีบุรุษขาหักเฝ้ามองนางเงียบๆ ... หึ เขาต้องเป็นของนางคนเดียว ^^ ๑---------------------๑ ชิงเซียนหลบหนีความวุ่นวายบนเรือแล้วลงมายืนด้านล่าง นางสอดส่ายสายตาไปรอบทิศอย่างหาตัวช่วย จำได้ว่าท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้านบอกกับนางเกี่ยวกับการดูดวงหรือตรวจดวงชะตา แน่นอนว่านางสนใจมาก หนึ่งเพราะนางต้องการถามเรื่องลี้ลับเกี่ยวกับการสลับร่าง สองคือนางอยากถามเรื่องกลับบ้าน บ้านที่เป็นบ้านจริงๆ ไม่ใช่ในหุบเขาที่อยู่กับแมว ‘จริงสิ!’ พูดถึงแมว หรือที่จริงแล้วแมวอ้วนกลับไปเฝ้าบ้าน...ต้องใช่แน่ๆ สัญชาตญาณของสัตว์ ยังไงก็ต้องอยู่บ้าน คนก็เหมือนกัน “ท่านอาจุงจุนบอกว่า ป้ายหมอดูจะเป็นผืนผ้าเล็กๆ สีเหลือง ถ้าใครหาพบแสดงว่าฟ้าเปิดทางแต่ถ้าหาไม่พบก็มืดมนต่อไป คำหลังนี่แกไม่น่าพูดจริงๆ” ชิงเซียนพึมพำกับตัวเอง นางเดินห่างออกจากท่าเรือ รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ยังดีที่ก่อนหน้านี้นางมีเบี้ยติดกระเป๋ามาด้วยเล็กน้อย สองขาเรียวในชุดมอซอเดินไปที่ร้านหมั่นโถว “ท่านป้าเจ้าคะ ขอหมั่นโถวลูกหนึ่งเจ้าค่ะ” มือบางก้มหน้าหยิบเบี้ยส่งให้ตามราคาของสินค้า ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้น้อยข้างร้านแล้วถามท่านป้าหน้าตาใจดี “ร้านหมอดูอยู่ที่ใดเจ้าคะ” “หมอดูรึ” “เจ้าค่ะ” นั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยและรอฟังอย่างมีความหวัง “นั่นไง” ชี้ไปยังป้ายสีเหลืองเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ “ร้านหมอดูฟาน” “หมอดูฟานหรือเจ้าคะ?” “ใช่ วันนี้เจ้ามีโชคนะ ถามหาแล้วก็เจอเลย ปกติหมอฟานจะย้ายร้านไปเรื่อยแล้วแต่ดวงของผู้มาดู รีบไปสิก่อนที่ร้านจะปิด” ชิงเซียนผงกหัวขอบคุณหลายครั้ง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหลังป้ายเล็กที่มีประตูสำหรับคนเดินผ่านได้แค่หนึ่งคน ซอกซอยด้านในนั้นมืดสลัวต่างจากด้านนอกที่สว่างจ้า นางเดินไปตามเส้นทางลึกลับจนเจอห้องเล็กๆ ที่มีผ้าม่านสีดำปิดไว้ มาถึงจุดนี้ ทั่วทั้งห้องมีแสงสว่างเป็นปกติแล้วและเหนือสิ่งอื่นใดนางต้องเรียกหาเจ้าของร้าน “มีผู้ใดอยู่หรือไม่เจ้าคะ!!” กึ่กๆๆ กึ่กๆๆ เสียงขวดอะไรสักอย่างตกลงสู่พื้น ในห้องที่มีผ้าสีดำปิดอยู่ ชิงเซียนขมวดคิ้ว ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ความเงียบ วังเวงเหลือเพียงเสียงลมหายใจของนางทำให้นางอยากจะหันหลังกลับเสียตอนนี้ ถ้าความหวังที่จะกลับบ้านไม่รออยู่ นางคงวิ่งออกไปแล้ว “ท่านหมอดู อยู่หรือไม่เจ้าคะ” นางพูดเสียงเบาราวกระซิบอยู่หลังผ้า “ข้า ชิงเซียนมาขอความช่วยเหลือเจ้าค่ะ” “_”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD