ข้าแค่หาตัวแทน ก็จบ

1176 Words
แคว้นหวงอันไกลโพ้น (ยามจื่อ 01.00) สตรีงดงามนางหนึ่งกำลังจดจ้องอ่างน้ำที่ตนเตรียมไว้บนโต๊ะกลม “หากสตรีที่มีเส้นดวงชะตาคล้ายคลึงกับข้าราวกับเป็นคนคนเดียวกันมีอยู่จริงดังที่ข้าเคยนิมิตเห็น ก็ขอให้ข้าหานางให้พบ” ปากบางร่ายคาถาจากเผ่ามารเสียงดังงึมงำๆ ในลำคอ รวดเร็วจนฟังไม่รู้ความนานนับหนึ่งจิบชาก่อนจะใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในอ่างน้ำที่เตรียมไว้ตรงหน้า กวนจนน้ำด้านในนั้นหมุนวนเป็นระลอกคลื่น ทุกจังหวะของการกระทำพาลพาให้หัวใจของนางเต้นกระหน่ำไปทุกรอบ นี่มิใช่ครั้งแรกที่นางเฝ้าหวัง แต่เป็นครั้งที่เท่าใด ‘ย่อมจำไม่ได้เพราะนางทำมันมาแล้วเกือบทุกคืน ในวันที่พระจันทร์มืด...ทำทุกคืนมาเนิ่นนานกว่าหลายร้อยชาติและทุกครั้ง ผลของมันล้วนล้มเหลว’ แต่แล้ววันนี้ตาคมหวานกลับเบิกกว้าง จ้องมองในอ่างน้ำอย่างตั้งใจคล้ายๆ ว่านางจะเห็นเงาของใครบางคน...รางเลือน “ชิงเซียน สามีเจ้าตื่นแล้ว!” เสียงเรียกของสัตว์น้อยหน้าขนที่นั่งอยู่บนขื่อพาลพาให้เจ้าของนาม ‘ชิงเซียน’ ต้องตวัดสายตามองไปยังคนบนเตียงที่กำลังพลิกตัวตะแคงข้าง ในความมืดสลัวของยามจื่อ (23.20) นั้น บุตรสาวของจอมมารเช่นนางล้วนมองเห็นได้ชัดเจนราวกับว่ามันคือยามซื่อ (09.00) ความเกลียดชังต่อบุรุษผู้เป็นอดีตคนที่นางเคยหลงใหลฉายชัดอยู่ในแววตา ภาพจำที่อีกฝ่ายใช้นางผู้กำลังตกอยู่ในห้วงรักเป็นเครื่องมือปรนเปรอหลากหลายบุรุษนั้น ทำให้นางเกลียดทั้งตนเองและเกลียดทั้งบุรุษชั่วเหล่านั้น หลังจากนี้นางรู้ดีว่ายามรุ่งของวันพรุ่งนี้ เรื่องราวเดิมๆ จะวนเวียนกลับมาอีกครั้ง ยิ่งรู้ ยิ่งสะอิดสะเอียน ‘กวนผูเล่อ’ บัณฑิตน่ารังเกียจที่ทำให้นางต้องมาพบกับการเวียนว่ายตายเกิดเฉกเช่นคนธรรมดาถึงเจ็ดร้อยชาติ...ในอดีตคือความผิดที่นางเลือกเองจะกล่าวโทษผู้ใดได้อีกกับเรื่องที่มันไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว “มันหาใช่สามีข้า” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพียงแค่พลิกตัวนอนหงายและยังไม่ตื่น นางจึงก้มมองภาพในอ่างน้ำและพบเข้ากับสตรีผู้นั้นที่อยู่อีกฟากฝั่งในอาณาจักรอันแสนไกล ^^ รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า ‘หึ ข้าเจอเจ้าแล้ว’ ๑------------------๑ ภาคเหนือของประเทศไทย 07.30 ในวันปกติของชาวบ้านทั้งหลาย ที่ต่างก็ทำงานหาเลี้ยงตนเอง ไม่ต่างกับบ้านน้อยหลังนี้ บ้านน้อยที่มีเพียงสามคนพ่อ แม่ ลูก “น้องเนยลงมาได้แล้วนะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนไม่ทันหรอก” แม่นิ่มตะโกนเรียกลูกสาววัยสิบแปดปีที่กำลังเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่หกในโรงเรียนแถวๆ บ้าน เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายแล้วของการเรียนก่อนที่จะเข้าไปศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย นึกแล้วคนเป็นแม่ก็ใจหาย เพราะสถานที่ที่ลูกสาวตัดสินใจขอโควต้าไปเรียนนั้นคือกรุงเทพ เมืองกรุงเมืองศิวิไลซ์ที่มีแต่แสงสีล่อตาล่อใจวัยรุ่น ตึ่กๆๆ ตึ่กๆๆ “รู้แล้วจ่ะแม่” เด็กสาวชุดนักเรียนมัดผมสูงเป็นหางม้าวิ่งลงมาจากชั้นสองก่อนจะหายเข้าไปในครัวหยิบขนมปังออกมากินหนึ่งถุง “เนยไปแล้วนะคะสี่โมงเย็นเจอกัน” จุ๊บ!! หอมแม่นิ่มหนึ่งครั้งแล้วรีบคว้าจักรยานปั่นออกจากบ้านไป แม่นิ่มได้แต่ส่ายหัวตามหลังพร้อมกับรอยยิ้ม ชีวิตในชนบทช่างเรียบง่ายไม่เหมือนในเมืองกรุงที่จากมา อาชีพแม่บ้านเข้าแปดโมงออกห้าโมงที่บ้านของกำนันก็ยังคงให้เงินเดือนที่พอใช้ ใจหวนคิดไปถึงสามีที่นานๆ ทีจะกลับมาบ้านสักครั้งเพราะด้วยอาชีพขับรถส่งของต่างจังหวัดทั่วไทยไม่เคยได้หยุดพักเลย สามคนพ่อแม่ลูกจึงนานๆ ทีจะได้อยู่กันพร้อมหน้า ‘เฮ่อ’ ดีหน่อยที่เมื่อวานสามีหรือ ‘พ่อไก่’ โทรมาบอกว่าตอนนี้ที่บริษัทมีคนติดโรคระบาดจึงจำเป็นต้องหยุดงานอยู่กับบ้านถึงหนึ่งเดือนพอน้องเนยลูกสาวคนเดียวของบ้านได้ยินเข้าก็ดีใจยกใหญ่เห็นว่าขากลับจากโรงเรียนจะแวะไปตลาดซื้อเนื้อหมูมาทำหมูกระทะ ‘หึ ของชอบเขาล่ะนะ’ “ป้าครับป้า!!” เสียงผู้ชายวัยรุ่นร้องทักทำให้แม่นิ่มต้องหันกลับไปมอง “มาส่งพัสดุครับ” ก้มมองชื่อหน้ากล่อง “คุณเนวิดา วิมลกาน” แม่นิ่มถอนหายใจกับเด็กสมัยนี้ที่ชอบสั่งของออนไลน์บ่อยๆ “ลูกสาวป้าเองจ่ายเงินรึยังล่ะ” เดินออกไปหน้าบ้านยืนคุยกับเด็กส่งไปรษณีย์ “ยังครับ มีเก็บเงินสองร้อยสี่สิบเก้าบาท” ยิ้ม ^^ แม่นิ่มควักเงินส่งให้ตามราคา “ขอบใจนะ” “ครับ...จริงๆ เมื่อวานผมก็มาที่นี่ในตอนบ่าย เห็นบ้านปิดอยู่วันนี้ก็เลยมาเช้าหน่อย คราวหลังจะจำไว้ว่าบ้านนี้อยู่กี่โมงไม่อยู่บ้านกี่โมง” “อืม ป้าทำงานน่ะ ลูกสาวก็ไปเรียน” “อ่อ ครับ...สวัสดีนะครับ” ขับรถออกไป แม่นิ่มก้มมองกล่องในมือรู้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้น ‘นิยายไร้สาระ’ เหมือนที่ลูกสาวเคยซื้อทุกครั้ง ยังดีที่ลูกสาวติดนิยายไม่ออกไปเที่ยวที่ไหนในวันเสาร์กับวันอาทิตย์ เงินค่าขนมที่ให้ทุกวันก็เก็บไว้ซื้อหนังสือจนเต็มบ้านมันคือความชอบของใครของมันเรื่องนี้แม่นิ่มเข้าใจดี กล่องนิยายถูกนำไปวางไว้ในห้องนอนของลูกสาวบนชั้นสอง ก่อนที่เธอจะเดินออกจากบ้านไปทำงานตามปกติด้วยรถจักรยาน อากาศดีๆ แบบนี้ย่างเนื้อทานกันตอนเย็นคงจะอร่อยอย่างที่น้องเนยว่านั่นล่ะ ตกเย็น 18.00น. เสียงหัวเราะสนุกสนานในบ้านหลังน้อยที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาดังขึ้นในตอนเย็น แม้ไม่มีเงินมากมายแต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในชนบทอันห่างไกลความเจริญ ไม่มีแสง สี เสียงอย่างในเมืองกรุงแต่ถึงอย่างนั้นทุกชีวิตก็ยังคงดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด...ไม่ต่างจากใครคนนั้นที่กำลังหาทางเอาตัวรอด ๑-----------------๑ เวลาเดียวกัน ณ.ห้วงกาลเวลาอันแสนไกล “นี่น่ะรึสตรีที่เจ้าบอกว่ามีดวงชะตาเดียวกันกับเจ้า” แมวดำตัวโตที่นั่งอยู่บนไหล่บอบบางแต่แข็งแกร่งเอ่ยถามพร้อมกับสะบัดหางปัดแมลงไปมา ชิงเซียน สตรีใบหน้างดงามเหนือผู้ใดในแผ่นดินแคว้นหวง มองน้ำใสจากอ่างน้ำขนาดหนึ่งคนโอบ ครางตอบรับ “อืม” ***มาเบาๆ ติชมได้จ้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD