“ข้า ชิงเซียนมาขอความช่วยเหลือเจ้าค่ะ”
“_”
เสียงคนเดินไปมาด้านในทำให้รับรู้ว่ามีคนอยู่ “ท่านหมอดู”
“เข้ามาสิ”
เสียงทุ้มนุ่มที่เปล่งออกมา นางคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินที่ไหนแต่ความคิดนั้นหายไปเมื่อผ้าสีดำถูกเปิดออก ฟึ่บ!! ชิงเซียนเห็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเหนือใต้หล้า กวนผูเล่อที่ว่าหล่อแล้วยังเทียบไม่ได้กับบุรุษผู้นี้ จู่ๆ นางกลับหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ขาเรียวก้าวไม่ออก ได้แต่ยืนจับผ้าสีดำอย่างนั้นร่วมสองจิบชา
“แม่นาง จะเข้ามาหรือไม่”
“อะ เอ้ออ” หันซ้ายหันขวาไม่พบใครจึงกลั้นใจเดินไปหาบุรุษรูปงาม “ท่านคือหมอดูใช่หรือไม่เจ้าคะ” นั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเขา
“ย่อมใช่ ข้าคือฟานอวี้ถง หมอดูของท่าเรือแห่งนี้”
ชิงเซียนเงยหน้าขึ้นสบตา หากเพ่งมองชัดๆ รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมีดวงตาสีเขียวอมดำ นางนิ่งไปนานก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนนั้นมาด้วยเรื่องใด “ข้าชิงเซียนเจ้าค่ะ มีเรื่องจะสอบถาม” รีบเข้าเรื่องทันทีเหมือนไม่อยากจะรั้งรอเวลา
แกร่กๆๆ หมอดูฟานหยิบกระดานชนวนในลิ้นชักขึ้นมาวางบนโต๊ะ “วันเดือนปีเกิดของเจ้า”
ชิงเซียนนึกถึงวันเดือนปีเกิดของเจ้าของร่างไม่ออก นางจึงบอกวันเดือนปีเกิดของนางที่อยู่ในภพเดิมแทน “วันที่หนึ่ง เดือนเจ็ด ปีสองพันสี่เจ้าค่ะ”
หมอดูฟานเหลือบมองสตรีตรงหน้าแต่ไม่กล่าวอะไร เขาขีดเส้นชะตาของนางไปมาก่อนจะเปล่งวาจาอธิบายเป็นฉากๆ เหมือนเล่าเรื่องให้เด็กฟัง “เพิ่งผ่านเคราะห์หนักมา ชะตาเจ้าจึงเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ หลังจากนี้ชีวิตเจ้าจะหลุดพ้นจากเรื่องเก่า” ถอนหายใจในเส้นทางชีวิตนางที่เขาเองก็เพิ่งเคยรับรู้ “อย่าคิดที่จะกลับไปยังจุดเดิมเพราะมันเป็นไปไม่ได้ เริ่มใหม่เพื่อใช้ชีวิตในแบบของเจ้า ชิงเซียน” ใบหน้าเข้มมีสีหน้าวิตก
“ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ” ผู้ถูกชี้แนะเริ่มร้อนรน อันที่จริงนางเข้าใจที่ท่านหมอดูกล่าวมาทุกคำ เพียงแต่สิ่งใดคือการบอกว่าอย่าคิดที่จะกลับไปยังจุดเดิม ‘หมายถึงไม่ให้นางกลับเข้าร่างเดิมงั้นรึเปล่า’ “ข้ามาดูดวงชะตาเพื่อจะถามท่านว่า ข้าจะได้กลับไปเข้าร่างจริงๆ ของตัวเองเมื่อใดเจ้าคะ!!” ใบหน้างามเหมือนจะร้องไห้ ความหมายที่อยากจะสื่อคือร่างกายจริงๆ ที่ไม่ใช่ร่างนี้
“ไม่มีร่างใดให้กลับไปทั้งนั้น ที่ข้าจะแนะนำคือเจ้าต้องตัดใจแล้วเริ่มใช้ชีวิตในแบบของเจ้าอยู่ที่นี่ ดีเท่าใดที่เจ้าไม่ต้องกลับไปใช้ความผิด...ของเจ้าของร่างเก่า” ตึ่กๆๆๆ ยกมือเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ เขารู้ว่านางจะมาเพื่อถามเรื่องนี้เมื่อสองวันที่ผันผ่าน เขาเฝ้าแต่นั่งกำหนดจิต (ส่งกระแสจิต) ให้เดินทางไปหาคนผู้นั้นเพื่อขอคำตอบ สรุปใจความได้ก็คือ ‘นางผู้นี้และชิงเซียนที่สลับร่างกัน แท้จริงแล้วคือบุตรสาวของท่านจอมมารเพียงแต่เศษเสี้ยววิญญาณดวงนี้พลัดหลงไปเกิดใหม่ในภพอื่น’ หรือจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือ แท้ที่จริงแล้วพวกนางน่าจะเกิดมาเป็นฝาแฝดกันในภพนี้นั่นเอง ฝาแฝดหนิงเซียนและชิงเซียน ท่านจอมมารกล่าวว่า ท่านรู้เรื่องทั้งหมดของชิงเซียนแล้วและมันคือชะตาของนางที่ต้องก้าวข้ามชาติภพเพื่อดึงตัวตนของหนิงเซียนน้องสาวที่พลัดพรากกลับมาที่นี่ การสลับร่างครั้งนี้ราวกับหยุดโทษทัณฑ์ของนางเอาไว้…เพราะร่างนี้แม้ร่างกายคือผู้กระทำผิดแต่จิตวิญญาณนั้นไม่ใช่ มันคือชะตา
“ไม่ๆๆ ข้า ฮึ ฮือออ” นางฟุบหน้าลงกับโต๊ะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ปากพร่ำรำพันว่า “ไม่จริงใช่มั้ย” สิ่งใดคือนางกลับไม่ได้ ถามว่านางเชื่อคำของบุรุษผู้นี้มากน้อยเพียงใด ใจนางนั้นกลับเชื่อไปมากกว่าครึ่งเพราะการสลับร่างในทางวิทยาศาสตร์ที่นางเคยร่ำเรียนมานั้นมันเป็นศูนย์ “ไม่จริงนะ ฮือๆๆ” ร้องไห้อยู่อย่างนั้นร่วมครึ่งชั่วยาม (หนึ่งชั่วโมง) จนหลับไป
ฟานอวี้ถงยกมือขึ้นลูบผมนางแผ่วเบาราวกับปลอบโยน เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นภูเขาลูกใหญ่มีหมอกหนาปกคลุมบดบังความสูงตระหง่านไม่รู้จุดสิ้นสุด มาบัดนี้…ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อนาง ผู้มีนามที่แท้จริงว่าหนิงเซียนผู้นี้มิต้องชดใช้ความผิดแทนพี่สาวฝาแฝดชิงเซียนอีกสามร้อยชาติแล้ว “จริงทุกอย่าง” ยกเว้นชื่อแซ่ของนางที่เขายังคงไม่บอกออกไปให้วุ่นวายอีกเพราะถึงอย่างไรการสลับร่างไปต่างภพชาติเช่นนี้พวกนางก็ยังคงต้องใช้ชื่อแซ่เดิมอยู่ดี ‘มิรู้ว่ายามนี้สตรีที่ลักพาวิญญาณของน้องสาวฝาแฝดมาที่นี่จะเป็นอย่างไร คงแล้วแต่เวรกรรม’
จิ๊บๆๆ จิ๊บๆๆๆ เสียงนกร้องข้างหน้าต่างเรียกสติชิงเซียนให้ลืมตาตื่นขึ้นมาบนฟูกนอน ความรู้สึกเสียใจยังคงดิ่งลึกลงไปราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด นางไม่รู้ว่าตอนนี้นางควรจะทำสิ่งใดก่อนระหว่างกลับกระท่อมในภูเขาหรืออยู่ที่นี่ “ฮึ่กๆ” นั่งสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ เมื่อทั้งสองทางนั้น…นางไม่ได้รู้สึกผูกพันหรือรู้จักผู้ใดเลย ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ ไม่รู้ว่าบิดามารดาเป็นใคร ไม่รู้อะไรสักอย่าง แมวน้อยผู้นำทางก็หาย ‘หรือนางควรจะไปหาผู้เป็นต้นตอของเรื่อง กวนผูเล่อ’ ดังที่แมวน้อยเคยบอกว่าบุรุษผู้นั้นคือเนื้อคู่ของร่างนี้ ไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือ…เช่นนั้น สองขาเล็กก้าวลงจากเตียง มองหาสิ่งของเครื่องใช้ของสตรี ด้านหลังยังมีถังน้ำใบใหญ่ จึงถอดชุดและก้าวขาลงไปแช่ จัดการร่างกายจนสะอาดก่อนจะเริ่มตามหา กวนผูเล่อ
ในห้องรับรอง
ฟานอวี้ถงนั่งจิบชารสขมฟังคำของสตรีตรงหน้าด้วยท่าทีนิ่งขรึม เมื่อวานเขาบอกนางว่าให้นางทำใจและกระทำตนตามที่ใจอยากทำ นางจะขึ้นเขา ก็ย่อมได้ จะอยู่ที่นี่ชั่วคราวก็ย่อมได้แต่สิ่งใดคือการตื่นนอนแล้วบอกว่าจะออกตามหากวนผูเล่อ!! บุรุษผู้ทำร้ายนางเมื่ออดีตชาติ ‘รึนางอยากจะกระทำความผิดเฉกเช่นพี่สาวของนางรึ?’
“แมวน้อยบอกข้าว่า กวนผูเล่อคือเนื้อคู่ ดังนั้น ในเมื่อข้ามาอยู่แปลกที่แปลกทาง มิรู้จักผู้ใดเช่นนี้ข้าก็ควรจะไปขอความช่วยเหลือจากเขา” ขอความเห็น
“บุรุษผู้นั้นคือเนื้อคู่ของชิงเซียน หาใช่เจ้าที่มาเกิดใหม่ในร่างนี้ จงใช้ชีวิตใหม่ในแบบของเจ้าตามที่ข้าบอก” หมอดูรูปงามย้ำคำเดิม ดีเท่าใดที่เขาไม่เรียกนางว่าหนิงเซียนอย่างที่ควรจะเรียกจริงๆ
“แต่ข้าไม่มีที่อยู่ ไม่มีเบี้ย ไม่รู้จักผู้ใด นอกจากแมวน้อยที่หายไปของข้าแล้วท่านจะให้ข้าทำอย่างไรต่อเล่าเจ้าคะ?” ถ้าตอนนี้นางต้องเลือกเส้นทางเองอย่างที่บุรุษผู้นี้ว่า…เช่นนั้น “ข้าอยู่กับท่านได้หรือไม่เจ้าคะ” ในฐานะสาวใช้หรืออะไรก็ได้ที่เขาเสนอ เมื่อนางคุ้นชินดีแล้วค่อยหาทางไปต่อ กับหนทางมืดมนจับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นนี้ ‘นางไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าท่านหมอดูก็ดีเท่าไหร่แล้ว’ สตรีถูกทิ้งทำหน้าเศร้า
พรู๊ด!! น้ำชาแสนขมถูกพ่นออกจากปากหมอฟานอย่างไร้มารยาท เขามองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาสุดจะคาดเดา “เจ้าเอาสิ่งใดมาพูด จะมาอยู่กับข้าได้อย่างไร เจ้าเป็นสตรีข้าเป็นบุรุษ!!”