หนึ่งชั่วยามต่อมา
หนึ่งแมวสีดำตัวอ้วนกับสตรีบอบบางทรงผมยุ่งเหยิงก็เดินมาถึงหมู่บ้าน ลักษณะการเดินที่แปลกประหลาดของนางนั้นทำให้ทุกคนไม่กล้าซักถาม ยิ่งอีกฝ่ายไม่เอ่ยทักผู้ใดก็ไม่มีผู้ใดกล้าทักด้วยกลัวว่านางจะเป็นสตรีวิกลจริต อาละวาด ซึ่งเพราะเหตุนั้นใครต่อใครก็ต่างถอยห่าง
แมวอี้หยุนลอบถอนหายใจ ยามนี้คือยามอุ้ย (17.00) แล้ว ชิงเซียนยังไม่ได้เจอกับกวนผูเล่อเลยซักทีอีกทั้งตอนนี้พวกตนยังเข้ามาในหมู่บ้านที่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาหลายร้อยชาติก็ยิ่งทำให้เขาวิตก ซึ่งเหตุการณ์ในตอนนี้คือสิ่งที่เขาคาดเดาจุดจบไม่ได้เพราะมันไม่เชื่อมต่อกับเหตุการณ์เดิม ที่ชิงเซียนควรจะเป็นฝ่ายรักษากวนผูเล่อและพาเขาเข้าเมืองหลวงไปแล้ว “ชิงเซียน”
“อืออ” ครางรับแบบเสียงยาน นางคันตรงนั้นตรงนี้จนไม่อยากจะทน ก่อนหน้าที่จะถึงหมู่บ้านนางล้วงทุกตรงในร่างกาย เกามันจนหนำใจก่อนที่จะไม่ได้เกาเหมือนตอนนี้ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกแย่มาก
“ถามหาบุรุษผู้ที่แบกผูเล่อมาสิ ว่าเขาไปทางไหน”
นางพยักหน้าทันทีเพราะอยากไปให้ไกลจากตรงนี้ ตรงที่ปากทางเข้าหมู่บ้านมีแต่คนมาตั้งแผงขายของป่ากันนี่ล่ะ ยิ่งพวกเขามองนางราวกับขบขันนางก็ยิ่งอยากจะอาย...แต่อายไม่ได้!! สองขาเดินเหมือนปูหนีบเข้าไปถามท่านป้าคนหนึ่ง “ท่านป้าเจ้าคะ ท่านเห็นบุรุษตัวใหญ่แบกบุรุษที่หมดสติรึไม่เจ้าคะ เขาไปทางใดแล้ว” สองขาหนีบชิดกันสั่นระริก ‘ง่ามขามาคันอะไรยามนี้เล่า!!’
ท่านป้าผู้นั่งขายไก่สดมองแม่นางน้อยผมยุ่ง ใบหน้าเปื้อนดิน ยืนบิดไปบิดมาก็แอบหัวเราะ แต่ด้วยคำถามนั้นนางก็ตอบให้อย่างมีน้ำใจ “คนบาดเจ็บมักจะไปโรงหมอ เดินตรงขึ้นไปทางเหนืออีกสองจิบชาเจ้าจะเห็นเอง”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” ก้มหัวแล้วเดินตามแมวอ้วนทันที นางไม่รู้หรอกว่าท่านป้ากล่าวถึงที่ใด รู้เพียงแค่ว่าหากไปถึงโรงหมอ ท่านหมอจะมียาแก้คันให้นางและที่สำคัญกว่าสิ่งใดคือ ท่านรู้เส้นทางกลับออกไปจากที่นี่รึเปล่า!!! ต่างหาก
สองจิบชาไม่ขาดไม่เกิน หนึ่งสัตว์หนึ่งสตรีก็เดินมาถึงโรงหมอขนาดเล็ก ด้านในมีกลิ่นยาปะทะจมูกอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งคู่ก้าวขาเข้าไปในกระท่อมนั้นและเป็นชิงเซียนที่ตะโกนถามอย่างไม่รักษากิริยาเช่นเดิม
“หมออยู่มั้ยเจ้าคะ!!”
‘จะมีสตรีบ้านใดบ้างที่ตะโกนร้องเรียกเสียงดังได้เท่านางในยามนี้’ อี้หยุนมองบน แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะชาด้านหน้า ทุกอย่างตั้งแต่ชิงเซียนผู้นี้ตื่นมาทุกอย่างมันผิดไปหมด ‘ผิดหมดจริงๆ ตั้งแต่แรก’ ตาสีเขียวของแมวมองหญิงชราที่เดินออกมาจากห้องด้านใน แน่นอนว่าอี้ฟานมั่นใจว่าชิงเซียนต้องถามหาผูเล่อ เขาจึงนั่งเป็นผู้เฝ้ามองอยู่เงียบๆ
“ข้าเอง ข้าคือหมอที่เจ้าต้องการพบ มีสิ่งใดรึแม่นาง” หมอชราถามสตรีมอมแมมที่ยืนบิดไปบิดมา
ชิงเซียนโถมตัวเข้าหา “ท่านยาย” นางจับมือของท่านหมอเขย่าๆ แสดงออกว่าดีใจก่อนจะถามคำถามสำคัญ “ท่านมียาแก้คันรึไม่เจ้าคะ?”
-_- แมวอ้วนหน้าเฉย
หมอชราตาโต มองสตรีประหลาดขึ้นลงๆ เรื่องน่าอายเช่นนี้จะมีสตรีใดกล้ากล่าวออกมาเสียงดัง แม้ที่ตรงนี้จะมิมีผู้ใดนอกจากแมวหน้าเฉยเพียงหนึ่งตัวก็เถอะ “เจ้าคันรึ”
“ใช่เจ้าค่ะ คันทั้งตัวเลย ข้าเผลอทานผลไม้ประหลาดเข้าไปจึงเกิดอาการเช่นนี้ ท่านยายช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ” บิดซ้ายบิดขวา
หมอชราทนไม่ไหวหัวเราะออกมา “หึหึหึ ใยมิสำรวมกิริยาบ้างเล่า แล้วเจ้ามิรู้เลยรึว่าผลจับปัว (รูปร่างคล้ายละมุด) มันเป็นผลไม้พิษ”
“ไม่รู้เจ้าค่ะ”
หมอชรายิ้มใจดี “มานี่สิ” กวักมือเรียกสตรีรุ่นเยาว์ผมเผ้ารุงรังให้มาใกล้ๆ ก่อนจะหยิบหวีถักมาจัดการกับความยุ่งเหยิงตรงหน้า ความงดงามฉายชัดบนใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณผุดผาด คิ้วโก่งดั่งคันสร จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากจิ้มลิ้ม งดงามเหนือผู้ใดในใต้หล้าแม้ท่วงท่าการกระทำจะผิดจากที่เห็นไปคนละทิศละทาง “เจ้ามีนามว่าอะไร มาจากที่ใด”
“ข้าชื่อชิงเซียน มาจากบนเขา” ทำตาล่อกแล่กมองแมวหน้ามึนเพราะกลัวจะพูดผิด “อ่อยๆๆ ท่านยายเจ้าขา ยาแก้คันเล่าเจ้าคะ” บิดช่วงขาไปมาแม้จะสวมชุดปกปิดมิดชิดแต่ก็ดูไม่เหมาะสมนัก
“เจ้านี่นะ ถ้าหากเป็นหลานสาวข้า ข้าจะตีให้ลายพร้อยไปทั้งร่างจนไม่ได้ออกเรือนเลยคอยดู” เดินไปทางตู้ยาหลายขนานแล้วหยิบยาสมุนไพรมาหนึ่งห่อ “เอาไปต้มทาน”
ชิงเซียนทำหน้าเหยเก “กว่าจะต้มเสร็จ ข้าจะมิหายคันไปแล้วหรอกรึเจ้าคะ ที่ข้าอยากได้คือเป็นเม็ดแบบออกฤทธิ์ได้ทันที” กอดเอวท่านหมออย่างออดอ้อน “ท่านยายเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ไหวแล้ว” ทำหน้าน่าสงสาร
หมอหญิงใจอ่อน “เช่นนั้นตามมาทางนี้” พาแม่นางน้อยผู้งดงามและชอบออดอ้อนเข้าไปด้านในส่วนของห้องพัก ด้านหลังมีถังน้ำใบใหญ่บรรจุน้ำอยู่เต็มถัง ไม่ไกลนักเป็นเตาไฟใส่หม้อน้ำร้อนเตรียมพร้อมเพื่อใช้ทำความสะอาดแผลสำหรับผู้มารักษา โรงหมอแห่งนี้มีท่านหมอหญิงและน้องสาวของนางอาศัยอยู่เพียงสองคนเท่านั้น ทั้งคู่ช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านนี้มาช้านานโดยไม่เก็บเบี้ยหวัดและในทุกๆ วันจะมีชาวบ้านนำผักผลไม้มามอบให้เสมอ ไม่เว้นสมุนไพรสกัดยาล้วนเป็นพวกเขาหามาให้ แน่นอนว่าคนเจ็บ คนไข้มีมาให้รักษาทุกวันอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงต้องเตรียมพร้อมเช่นนี้ “หิ้วถังน้ำอุ่นนั้นมาใส่ถังใหญ่ใบนี้แล้วข้าจะผสมยาให้เจ้าลงไปแช่”
สตรีตัวน้อยกระโดดโลดเต้นไปมารอบๆ ท่านหมอที่นางเรียกว่าท่านยาย “ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณ” นางรีบทำตามคำบอกทันที ก่อนจะถามกลับ “แล้วน้ำที่จะนำมาต้มใหม่เล่าเจ้าคะอยู่ที่ใด ข้าจะไปตักมาให้”
“นอกประตูนั่นล่ะ” ใส่สมุนไพรลงในอ่างไม้เพื่อทำการรักษา “เดี๋ยวเจ้าก็ถอดชุดแล้วลงมานั่งแช่เสีย ข้าต้องไปดูบุรุษผู้ขาหักผู้นั้นก่อน”
“บุรุษขาหัก?” ทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ลืมหิ้วหม้อน้ำขึ้นมาวางบนเตาไฟเพื่อเตรียมน้ำต้มอันใหม่ให้ท่านยาย
“ใช่แล้วล่ะ ถอดตัวนอกก็พอนะ ไม่ต้องถึงกับเปลือยมันดูไม่งาม อีกเดี๋ยวน้องสาวข้ามาถึง นางจะจัดหาชุดให้เจ้าเอง”
ชิงเซียนถอดชุดสีฝุ่น? ออกวางอย่างเรียบร้อยก่อนจะก้าวลงไปในถังใบใหญ่เมื่อท่านหมอเดินจากไป
“อยู่ที่นี่จริงๆ สินะ”
“ว๊าก!!” ชิงเซียนสะดุ้งจนตัวโยน ก่อนจะหันมองเจ้าของเสียงทุ้ม “แมวน้อย ตกใจหมดเลย!!”
-_- ‘กิริยาสุดจะทนจริงๆ’ “บ้านเมืองเจ้าที่จากมา เขามิได้สอนหรอกรึว่าเป็นสตรีต้องสำรวม”
“สำรวมน่ะสอน แต่ตอนมีสัตว์แอบย่องมาพูดข้างหลังแล้วห้ามตกใจน่ะไม่ได้สอน เจ้าผิดนะแมวน้อย”
“ฮึ!! สตรีไร้ยางอาย”
“ดีกว่าสัตว์ชอบถ้ำมอง” ย่อตัวลงไปในอ่างจนเหลือแค่หัว สายตาคนปะทะสายตาแมวอย่างไม่ยอมแพ้
“สิ่งใดคือถ้ำมอง”
“ฮึ!! แมวหน้าหนาเหมือนหลังคาบ้าน”
‘ข้าอยากจะจับเจ้ามากรีดเนื้อให้แดงไปทั้งตัวจริงๆ’ แมวอี้หยุนหันหลังกลับไปโดยไม่พูดอะไรอีกเพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่านางเถียงทุกคำ หนำซ้ำยังเถียงในเรื่องที่เขาฟังไม่เข้าใจ ทางที่ดีในเวลานี้เขาควรไปเฝ้าดูกวนผูเล่อน่าจะดีกว่า ได้ยินท่านหมอบอกว่ากำลังรักษาอยู่ ‘ขาหัก?’ จำได้ว่าสี่ร้อยภพชาติที่ผ่านมา...ขาผูเล่อมิเคยหัก อาจจะเป็นเพราะนางมารชิงเซียนไปเจอเข้าและช่วยรักษาไว้แต่ยามนี้นั้นกลับไม่ใช่ ‘แน่ล่ะ เพราะสตรีที่ควรจะช่วยรักษา ในยามนี้กำลังแช่สมุนไพรบรรเทาอาการคันอยู่นี่’ ส่ายหน้าให้กับตนเอง ‘คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเรื่องนี้จะหันเหไปยังทิศทางใดอีกในเมื่อเรื่องมันเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีเสียแล้ว นางมารชิงเซียนตัวจริงจะรู้หรือไม่ว่านางได้เอาวิญญาณสตรีมาผิดคน’