บทที่ 1.1 จับคู่
สายฝนโปรยปรายลงจากฟ้าอย่างไม่รู้จบ เสียงหยาดน้ำที่กระทบหลังคาสังกะสีดังก้องไปทั่ว กลิ่นดินชื้นลอยคลุ้งไปทั้งสวนมะม่วง เด็กสาวตัวน้อยนั่งคุดคู้อยู่ข้างเตียงไม้เก่าคร่ำคร่า สายตาหล่อนจับจ้องไปที่ใบหน้าซีดเซียวของ ‘ยายชื่น’ หญิงชราผู้เป็นครอบครัวคนเดียวที่เธอหลงเหลืออยู่
“อย่าห่วงยายเลย...ยายไม่เป็นไร แค่กๆ”
เสียงแหบพร่าของยายชื่นเบาหวิวราวกระซิบ หล่อนกุมมือเหี่ยวย่นของยายไว้แน่น พยายามฝืนยิ้มทั้งที่หัวใจสั่นไหวเหลือเกิน
“นะ หนูกลัว จริง ๆ นะยาย ฮึก..”
กระซิบเบา ๆ น้ำตาเอ่อคลอสองหน่วยตา ราวกับรู้ว่าคำพูดของยายเป็นเพียงลมปากที่มิอาจสู้แรงโรคร้ายไหว
“ข้าวหอม...อย่าห่วงยายเลยลูก ยายไม่เป็นไรจริง ๆ”
ยายชื่นเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ข้าวหอมรู้ดีว่ายายของเธอกำลังอ่อนแรงลงทุกวัน อาการของผู้เป็นยายมีแต่ทรุดกับทรุด เงินทองที่เก็บหอมรอมริบก็หมดไปกับค่าหยูกยา ทว่ามันช่วยได้เพียงแค่ประคับประคองอาการไม่ให้ทรมานไปมากกว่านี้
หากจะฝันให้ยายกลับมามีสุขภาพดีแข็งแรงดังเดิม หล่อนจะขอมากไปหรือเปล่า ดวงตาอ่อนล้ากวาดมองไปรอบ ๆ บ้าน ไม่มีสมบัติมีค่าสักชิ้น ที่จะเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อใช้ยื้อช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตผู้เป็นยายไว้ได้
นอกเสียจาก....
บรืนนน
ดวงตากลมใสมองผ่านม่านฝนออกไปยังถนนหน้าบ้าน ไฟจากหน้ารถเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เธอเอี้ยวตัวหันกลับมามองร่างผอมบางบนเตียงเก่าอีกครั้ง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเท้าเปล่าออกจากบ้านฝ่าสายฝนไปอย่างไม่คิดชีวิต
“รอหนูก่อนนะยาย หนูจะต้องหาทางช่วยยายให้ได้..”
กริ๊งงง!
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น หญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลหม่นปรือตาตื่น ใบหน้าของหล่อนดูอิดโรยเล็กน้อยแม้ว่าจะเพิ่งตื่นนอนก็ตามที มือเล็กเอื้อมไปคว้าผ้าม่านในห้องนอนแล้วเปิดออก เพื่อรับแสงอุ่นยามเช้า
“สองปีแล้วนะยายจ๋าหอมคิดถึงยายจัง ปิดเทอมนี้หลังสอบเสร็จ หอมจะรีบกลับไปหายายนะ”
ปากเล็กบ่นพึมพำขณะมองรูปถ่ายที่ข้างเตียง ข้าวหอมจ้องมองภาพยายชื่นอยู่นาน นัยน์ตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำที่พยายามกลั้นเอาไว้ เธอใช้ปลายนิ้วสัมผัสกรอบรูปเบา ๆ ราวกับจะส่งความคิดถึงข้ามผ่านไปถึงยาย
ทว่าก่อนจะจมดิ่งกับความรู้สึกเศร้าไปมากกว่านี้ เสียงแจ้งเตือนของฝันร้ายก็ดังขึ้น
ครืดๆ ครืดๆ
[ตื่นสายเหรอ อีกสิบห้านาทีถ้ายังไม่โผล่หัวลงมา ฉันขึ้นไปลากถึงเตียงแน่]
“อ๊ะ เผด็จการที่สุด”
เธออุทานพร้อมทำหน้าบูดเมื่อเห็นข้อความ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ นอกเสียจาก..รีบตาลีตาเหลือกลงจากเตียงแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่เจ้าสิงโตบ้านั่นจะตามมาขย้ำถึงที่นี่
15 นาที 49 วินาที!!
เธอสาย!!
ข้าวหอมสูดลมหายใจลึก ๆ เหงื่อเม็ดเล็กเกาะพราวตามกรอบหน้าหวาน พยายามปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งแม้ในใจจะหงุดหงิดก็ตาม ขณะที่สายตาคมกริบของลีโอจ้องมาอย่างกับจะจับเธอฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
“ถ้าคราวหน้าปล่อยให้ฉันรออีก เธอเจอดีแน่”
“พี่ไม่ต้องมารอก็ได้นี่คะ หนูไปเรียนเองได้ และอีกอย่างหนูไม่ได้ขอให้พี่มารับหรือรอเสียหน่อย”
ข้าวหอมพูดพร้อมเชิดหน้าเล็กน้อยด้วยรู้สึกหงุดหงิดกับความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย
“อย่ามากวน ฉันก็ไม่ได้อยากมารอเธอนักหรอกนะ...แต่ถ้าอยากกลับขึ้นไปปากดีกับฉันต่อบนห้อง เอางั้นก็ได้นะ”
ลีโอพูดพลางยกยิ้มมุมปากพร้อมโน้มตัวเข้าหา สายตาคมจับจ้องเธอราวกับหมาป่าที่รู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะกดสายตามองลงที่หน้าตักของหญิงสาว
“....”
ตึกตัก ตึกตัก
ชะ ใช่สิ เขาไม่ได้สนเรื่องนั้นแต่สนรายงานที่วางอยู่บนหน้าตักของหล่อนต่างหาก การที่เธอต้องตื่นสายปล่อยให้เขารอถึงสิบห้านาที กับอีกสี่สิบเก้าวินาที ก็เพราะนั่งทำรายงานให้เขาทั้งคืนจนเกือบเช้าอย่างไรล่ะ
ตั้งนานไม่ร้องขอให้ทำแต่มาเร่งเอาตอนที่ถึงกำหนดจะส่งทุกที คนที่ซวยก็คือหล่อน แถมยังมาเจอความประสาทเสียใส่อีก มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ
ใครมันจะอยากทน!!
แต่...มีทางเลือกอื่นเสียที่ไหน..