เรื่อง:พี่สาวคนสวยกับแฟนtypeหมาเด็ก
ตอนที่.8 หนุ่มแว่นหน้าตี๋อินเตอร์
โดย:srikarin2489
เจ้าหนุ่มแว่นหน้าตี๋อินเตอร์หันมายิ้มหวานให้รสนันท์ มือดึงเซฟตี้เบลท์มารัดร่างตัวเองเข้ากับเบาะ โดยไม่ขออนุญาตจากเจ้าของรถก่อน
“อะไรกันคุณนะ ขึ้นมาบนรถพี่ทำไมจะไปไหน?” พี่สาวคนสวยขมวดคิ้วถาม
“กลับบ้านพร้อมพี่นัน ผมรอพี่นันเลิกงานมาทั้งวันเลยนะ” จากเด็กแว่นจอมซน กลายมาเป็นหนุ่มแว่นบอกหน้าตาเฉย
“พี่นึกว่าคุณนะกลับไปบ้านแล้วเสียอีก”
“ผมไปนอนเล่นอยู่ในห้องทำงานของคุณปู่ ผมกลับด้วยคนนะครับ” บอกแล้วยิ้มประจบ ดวงตาเรียวหลังแว่นส่งประกายวิบวับ
“คุณนะอายุยี่สิบย่างยี่สิบเอ็ด เรียนจบแล้วด้วยทำตัวให้เหมือนคนโตแล้วได้มั้ย”
“ผมทำตัวไม่โตตรงไหน?”
ยังมีหน้ามาทำหน้าซื่อถาม รสนันท์ได้แต่ถอนใจแรงก่อนออกรถ ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจดักรอกลับพร้อมเธอ ยากที่จะไล่ลงจากรถได้ ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือผิด ที่ยอมรับหน้าที่พี่เลี้ยงสอนงานให้กับกฤษณะ แต่ปฏิเสธไม่ได้เพราะคุณกิตติมาขอร้องด้วยตัวเอง
“คุณนะขับรถเป็นมั้ย มีใบขับขี่หรือยัง?”
รสนันท์ถามขณะขับรถออกจากบริษัทมาจอดรอตรงทางเข้าออก เพื่อรอจังหวะขึ้นถนนที่หนาแน่นคับคั่งไปด้วยรถ
“เรียบร้อยทุกอย่างครับ ต่อไปเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ผมจะเป็นคนขับให้พี่นันนั่งสบาย ๆ แต่ผมไม่คล่องทาง พี่นันต้องเป็นGPS นำทางให้ผม”
“จะไปด้วยกันทำไม เราไม่ได้ตัวติดกัน” คู่สนทนาปรายตามาว่า
“ผมเป็นผู้ช่วยพี่นัน พี่นันไปไหนผมไปด้วย โอเคนะครับ”
คนเป็นพี่ได้แต่กระแทกลมหายใจใส่ เมื่อกฤษณะหันมาบอกหน้าตาเฉย รสนันท์มัวแต่พยายามบังคับรถขึ้นถนนหลังจากรอจนได้จังหวะแล้ว ไม่เห็นว่าหนุ่มหน้าตี๋อินเตอร์ยิ้มขำ ที่เห็นพี่สาวคนสวยทำท่าเหมือนจะหงุดหงิดแต่ไม่จริงจัง
“จะทำตัวเป็นเงา ติดตามพี่เลยใช่มั้ย?”
คนขับรถหันไปว่าหลังจากขึ้นมาบนถนนได้แล้ว อยู่ร่วมขบวนรถติดซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติไม่ชินก็ต้องทำใจให้ชิน
“ถ้าพี่นันยอมผมก็ยินดีครับ”
กฤษณะยิ้มขำอีก เห็นพี่สาวคนสวยทำท่าเหมือนหงุดหงิดโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ รสนันท์ขับรถเก่งตา มือ เท้า ทำงานประสานสัมพันธ์กันในการควบคุมรถ คอยขยับตามเมื่อคันข้างหน้าเคลื่อนตัวได้ และหยุดเมื่อคันข้างหน้าหยุด โดยเว้นระยะห่างพอประมาณไม่ใกล้มาก เผื่อมีการเบรกกะทันหันจะได้มีระยะเบรก
“คุณนะไปอยู่อเมริกาสิบห้าปี อะไรที่คุณนะรู้สึกว่ากรุงเทพฯไม่เปลี่ยน”รสนันท์หันไปถามผู้ร่วมเดินทางเมื่อรถติดจนไม่ขยับ
“รถติดครับ ไม่เคยเปลี่ยนเลยผมว่าติดหนักกว่าเดิม”
กฤษณะมองดูรถติดกัน ยาวเหยียดมองไปทางไหนมีแต่รถ รถมอเตอร์ไซค์พยายามขับซอกแซกไปเรื่อยๆ ไม่ติดแหง็กอยู่กับที่เหมือนรถยนต์ ทั้งมอเตอร์ไซค์วิน มอเตอร์ไซค์คนทั่วไป รวมทั้งบรรดาแก๊ปต่างๆ ทั้งส่งคนส่งอาหาร วิถีคนเมืองกรุงที่ต้องประสบอยู่ทุกวัน ดูอึกทึกวุ่นวายตามธรรมดาของเมืองหลวง
“พี่นันขับรถเองแบบนี้ ไม่เหนื่อยหรือครับ?”
“พี่ยังไม่รวยต้องขับเอง แต่ถ้าช่วงไหนงานเยอะกลับค่ำ พี่จะค้างคอนโดใกล้กับบริษัทที่พี่รินเขาซื้อไว้ แต่ก่อนให้ต่างชาติเช่า ตอนนี้เขาคืนห้องกลับประเทศแล้ว พี่จะไปค้างเป็นบางวัน”
รสนันท์เล่าเสียงเรื่อย ๆ เธอไม่ต้องเงียบเหงากับการขับรถกลับบ้านคนเดียว มีผู้ร่วมเดินทางชวนคุยไม่หยุดถามนั่นถามนี่ ทำให้เธอลืมความหงุดหงิดจากรถติดจนกลับถึงบ้าน ท้องฟ้ารอบกายเริ่มเปลี่ยนสีจากตอนออกจากบริษัท ยังสว่างจ้าด้วยแสงแดดตอนนี้เริ่มโพล้เพล้ท้องฟ้าจากสีเหลืองของแดดกลายเป็นสีส้มแดงจวนจะค่ำ ไฟในตึกหลังใหญ่เริ่มเปิดไว้เป็นบางจุด
“ตามพี่มาทำไม? พี่จะกลับตึกเล็ก”
พอลงจากรถที่จอดตรงโรงจอดข้างตึกใหญ่ รสนันท์หันไปร้องถาม เห็นคนนั่งรถมาด้วยยังเดินตามหลังมา
“ผมไปด้วย ผมจะไปสวัสดีคุณยาย”
กฤษณะยิ้มกริ่ม เห็นพี่สาวคนสวยถอนใจแรงราวจะรำคาญ กฤษณะอารมณ์ดีถึงขั้นฮัมเพลงเบาในลำคอ โยกศีรษะไปมามือสองข้างล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง สายตาจับอยู่ที่ร่างโปร่งบางที่เดินนำหน้า ยอมรับว่าความรู้สึกที่มีต่อพี่สาวคนสวยมีความรู้สึกแปลก ๆ แทรกเข้ามา เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เฝ้ามองอีกฝ่ายได้ไม่รู้จักเบื่อ ทำอะไรก็น่ามองน่าสนใจไปหมด แม้แต่เวลาทำท่าดุยังน่ามอง
คนเดินนำหน้าก้าวเดินช้าลงเมื่อเสียงฮัมเพลงเบาตามหลังเงียบไป และไม่มีเสียงเดินตามหลัง เธอจึงหยุดเดินแล้วหันกลับไปดู ภาพที่เห็นทำให้เธอนิ่งอึ้ง กฤษณะยืนนิ่งอยู่ใกล้กับพุ่มต้นดอกแก้วแคระ จุดที่เป็นกองดินฝังร่างเจ้าปังปัง ลูกสุนัขที่กฤษณะเคยเลี้ยงตอนยังเด็ก ตอนนี้มองไม่เห็นดินแล้วมีเพียงรูปร่างเป็นกองนูนขึ้นมาปกคลุมด้วยต้นดอก ไม้ชนิดเถาพันเลื้อยไปกับดิน ไม่มีวัชพืชอื่นปนเพราะเธอคอยดูแลเอาวัชพืชออกอยู่เรื่อย
“หวัดดีปังปัง”
น้ำเสียงแผ่วเบา เหม่อมองดูตรงจุดฝังร่างเจ้าปังปัง แม้จะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ความรู้สึกเศร้าเสียใจกับการสูญเสียสุนัขสุดรักไปยังคงมีอยู่
“ผมเคยได้ยินคนพูดว่า สัตว์เลี้ยงเราตายแล้ว เขาจะไปวิ่งเล่นบนดาวหมาแมวจริงหรือครับพี่นัน?”
“ไม่รู้สิว่าจริงมั้ย เคยได้ยินคนเขาพูดกันแบบนั้น คงเป็นการปลอบใจที่ดีที่สุด” น้ำเสียงของรสนันท์อ่อนโยนลงพร้อมเดินกลับมาหากฤษณะ
“ป่านนี้เจ้าปังปังคงโตอยู่ที่ดาวหมา อย่างน้อยตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ มันก็มีชีวิตที่ดีมีความสุข มีเจ้าของที่รักมันอย่างคุณนะ เข้าไปข้างในกันเถ่อะ ถ้าโชคดีวันนี้คุณนะจะได้ทานขนมอร่อย ๆ ฝีมือคุณยาย”
คนเป็นพี่บอกเสียงนุ่มพร้อมเอื้อมมือไปจับแขนกฤษณะ เพื่อจะพาเดินเข้าไปในตึกเล็กด้วยกัน แต่อีกฝ่ายกลับสอดมือมาจับมือเธอไว้ ทั้งสองมีอาการนิ่งงันไปชั่วขณะ เมื่อสัมผัสกับกระแสความรู้สึกบางอย่าง ลื่นไหลถ่ายเทสู่กันและกัน สัมผัสที่มือแต่อุ่นวาบที่ใจ มองสบตากันนิ่งเหมือนทุกอย่างรอบกายจะหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ
“เข้าไปข้างในกัน”
รสนันท์พยายามดึงสติตัวเองกลับมา จะดึงมือออกจากมือของกฤษณะแต่อีกฝ่ายกำไว้ไม่ยอมปล่อย ตอนกฤษณะยังเด็กมือเล็กผอมบางอยู่ในอุ้งมืของเธอ แต่ตอนนี้มือเธอกลับเล็กกว่าอยู่ในอุ้งมืออบอุ่นนั้น เธอจึงต้องจูงมืออีกฝ่ายพาเข้าไปในบ้านโดยไม่เห็นกฤษณะยิ้มพอใจ
เพียงย่างเท้าเข้ามาในตึกหลังเล็ก กฤษณะสัมผัสได้กับความรู้สึกอันคุ้นเคยกลิ่นหอมของขนมอบลอยฟุ้งมาจากทางห้องครัว วันเวลาผ่านไปถึง15ปีเมื่อได้กลับมาที่นี่อีกครั้งทุกอย่างยังอบอุ่นคุ้นความรู้สึกเหมือนเดิม
ร่างสูงโปร่งยืนนิ่งสูดกลิ่นหอมของขนมอบ สัมผัสกับความสุขอันคุ้นเคยในวัยเด็ก มองเห็นภาพในวัยเด็กของตัวเอง ชอบมาเล่นที่นี่มาอยู่กับพี่สาวคนสวยกับคุณยายใจดี มีขนมอร่อย ๆ ให้ทานทุกวัน รสนันท์พลอยหยุดเดินด้วย หันไปมองหน้าคนที่เธอจับจูงมืออยู่
เห็นยืนนิ่งราวกับกำลังรำลึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์ของตัวเอง ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ตาเป็นประกายเปี่ยมสุข ท่าทางอย่างนั้นทำให้รสนันท์พลอยยิ้มนิด มองด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู เหมือนที่เคยมองเจ้าเด็กแว่นในวัยเด็ก
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมนะครับพี่นัน”
รสนันท์เพียงยิ้ม ปล่อยมือจากอีกฝ่ายแล้วเดินนำไปทางห้องครัว มั่นใจได้เลยว่าแม่ต้องอยู่ในนั้นแน่นอน กฤษณะเดินตามไปแต่พอถึงประตูห้องครัว ถูกคนเป็นพี่ยกมือเป็นสัญญาณบอกให้หยุดก่อน
“คุณนะอย่าเพิ่งเข้าไป” กฤษณะอมยิ้มเมื่อสบดวงตาคมของพี่สาวคนสวย ฉายแววสนุกด้วยแผนการอะไรบางอย่าง
“นันกลับมาแล้วค่ะแม่”
เห็นแม่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดกล่องขนมใส่ถุงไว้เป็นชุดเรียงรายกันอยู่ ทำตามออเดอร์ที่ลูกสาวรับมา รสนันท์รับออเดอร์จากเพื่อนและคนคุ้นเคยแค่พอแม่ทำคนเดียวไหว จะได้ไม่เหงามีอะไรทำทุกวัน
“นันมีแขกมาด้วยค่ะแม่” คำบอกของลูกสาว ทำให้รจนาเงยหน้าจากกล่องขนมมาดู เห็นลูกสาวยิ้มสดใสจนน่าสงสัย
“แม่จะไม่ถามหน่อยหรือคะว่าใคร?”
“อยากบอกแม่ก็บอกมาเลยว่าใคร หรือจะพาแฟนใหม่มาแนะนำให้แม่รู้จัก”
“โหแม่...ไม่รับมุกกันเลย” รจนายิ้มขำเห็นลูกสาวบ่นทำหน้างอ
“เชิญค่ะ”
รสนันท์หันไปทางประตูห้องครัวแล้วร้องบอก ทำให้คนเป็นแม่พลอยหันไปดูด้วยสนใจอยากรู้ว่าลูกสาวพาใครมา เห็นเป็นชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้างสดใสทำให้รจนามองนิ่งค้าง
“สวัสดีครับคุณยาย”