ตอนที่.2 อกหักแต่ยังไม่เข็ด

2034 Words
เรื่อง:พี่สาวคนสวยกับแฟนtypeหมาเด็ก ตอนที่.2 อกหักแต่ยังไม่เข็ด โดย:srikarin2489 “พี่รินอยู่ที่นี่ด้วย” ร้องทักพี่สาวพร้อมทั้งเดินไปนั่งลงข้างๆ ยังอยู่ในชุดนอนสีฟ้าเป็นเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ผ้าเนื้อนิ่มใส่สบายแต่หน้าตาสดใสน่าจะล้างหน้าแปรงฟันแล้ว เปลือยหน้าสดไร้เครื่องสำอาง ดูสวยเป็นธรรมชาติไร้ศัลยกรรมใด ๆ ทั้งที่อายุขึ้นเลขสามแล้ว ใบหน้าเรียวได้สัดส่วน คิ้วเรียวได้รูปเสริมให้ดวงตามีพลังและน่าค้นหา ดวงตาคมกลมโตดูสดใสมีชีวิตชีวา ทั้งที่เพิ่งผ่านการเลิกกับแฟนคนล่าสุดมาหมาด ๆ รสนันท์มีโครงหน้าชัดเจนแต่ละมุนละไม มีเสน่ห์แบบสาวไทยร่วมสมัย ทั้งสวยทรงพลังสำหรับคนที่พบเห็นเป็นครั้งแรก “ไม่ทานอาหารเช้า บนตึกใหญ่กับคุณกิตติหรือพี่ริน?” “คุณกิตติออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว” “ข้าวต้มกุ้งหอมเชียว” รสนันท์ก้มดูข้าวต้มกุ้งในถ้วยที่แม่ยกมาวางให้ ยังมีควันสีขาวลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอมชวนทาน แม่โรยกระเทียมเจียวกับต้นหอมผักชีจีนซอยให้ด้วย “แม่เขาว่าเมื่อคืนนันเมา น่าจะแฮ้งค์เลยทำเมนูแก้แฮงค์ให้” “ขอบคุณค่ะแม่ แม่ช่างรู้ใจจังเลย” รสนันท์เงยหน้าขึ้นยิ้มสดใสให้แม่ “อกหักอีกแล้วใช่มั้ย คราวนี้เป็นเพราะอะไร?” “โลกเฮงซวย...เหวี่ยงเก้งมาหานันอีกแล้ว” คำบ่นว่าอย่างสุดเซ็งแต่ทำให้ พี่สาวยิ้มขำ “ชีวิตนี้เจอแต่เก้งมาหลอกคบ” “พี่สงสัยตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว เขาดูเนี๊ยบสะอาดนุ่มนวลอบอุ่น อ่อนโยนคุยสนุก ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเรา ผู้ชายออกแนวนี้เป็นเกย์เยอะ แต่ไม่ใช่ทุกคนเป็นแบบนี้จะเป็นเกย์ บางคนแมนมากชอบกิจกรรมลุย ๆ พี่เคยเห็นเขาแอบมองผู้ชายเวลาเผลอ แววตานี่บอกเลยว่าใช่ แต่ที่พี่ไม่เตือนนัน พี่มั่นใจว่าถ้าเขาเป็นจริงนันจะดูออก นันผ่านประสบการณ์ถูกเก้งหลอกคบมาหลายครั้งแล้ว” “เมื่อไหร่นันจะเจอคู่ที่แท้จริงของตัวเองเสียที พี่รินเคยบอกว่าเพื่อนพี่ดูดวงให้ บอกว่านันมีคู่ไม่ใช่เหรอ เนื้อคู่ของนันเกิดหรือยัง ถ้ายังไม่เกิดไม่ต้องมาแล้ว นันอายุสามสิบห้าแล้วนะ ขืนยังไม่เกิดกว่าจะเกิดกว่าจะโต นันแก่ไม่รอแล้ว” รสนันท์บ่นแบบเซ็ง ๆ ทำให้แม่กับพี่สาวยิ้มขำ “ผู้ชายแต่ละคนที่นันเคยคบ ออกสไตล์นี้เกือบทั้งนั้น มันเลยมีโอกาสสูงที่จะเจอผู้ชายเป็นเกย์” “เปลี่ยนแนวไปชอบแบบแบดบอยดีมั้ย อาจจะไม่เก้งแต่เจ้าชู้ชัวร์ จากรบกับคู่ขาที่เป็นผู้ชาย ไปฟาดฟันกับผู้หญิงแทน นั่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ดีอยู่เป็นโสดดีกว่ามั้ง” ปากบ่นว่าอกหักแต่จากท่าทางเท่าที่เห็น ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง ตักข้าวต้มทานเอร็ดอร่อยเสียอีก รสนันท์เป็นคนไม่ฟูมฟายกับสิ่งผิดพลาดพร้อมเดินหน้าต่อทันที “สำหรับคนใหม่ที่จะเข้ามานะ ขอแค่รักนันจริงจะแก่กว่าเด็กกว่าได้หมด นันจะเดินหน้าค้นหารักใหม่ต่อไป หาจนกว่าจะเจอ” บอกเสียงมุ่งมั่น “ขอแค่หน้าตาพอดูได้หน่อย เพราะต้องเห็นหน้ากันไปตลอดชีวิต เห็นหน้าตาดีมองแล้วชุ่มชื่นใจดี” รสรินหันไปยิ้มกับแม่ เห็นน้องสาวโอดครวญแบบนั้น แสดงว่ายังไม่เข็ดพร้อมมีรักใหม่ต่อไป “ดูคู่คุณกิตติกับพี่ริน เขาอายุมากกว่าพี่รินตั้งเยอะ แต่กลับไม่มีปัญหาพี่รินมีความสุขมากใช่ปะ?” รสรินพยักหน้ายิ้มยอมรับ ว่าชีวิตคู่ของตัวเองดีเกินคาด “เป็นบทพิสูจน์ว่าอายุเป็นแค่ตัวเลข ความสุขหรือทุกข์อยู่ที่นิสัยคนล้วน ๆ” “พี่รินเขาจะไปงานรับปริญญาของคุณนะ” รจนาบอกลูกสาวคนเล็ก “เจ้าแว่นเรียนจบแล้วเหรอเนี่ย วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ กี่ปีแล้วที่นันไม่เจอคุณนะเลย โตเป็นหนุ่มแล้วล่ะสิ เขาแทบจะไม่กลับมาเมืองไทยเลย” รสนันส์ทำหน้าประหลาดใจ เมื่อรู้ว่ากฤษณะโตจนเรียนจบแล้ว เธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับชีวิตของตัวเองจนไม่ได้สนใจเรื่องของกฤษณะ “โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อมากด้วย รูปร่างหน้าตาคล้ายคุณกฤต แต่มีความหล่อคมกว่า แต่ก่อนเวลาคุยกับคุณนะเราต้องก้มไปหา แต่ตอนนี้เราต้องแหงนหน้าแทน ไม่น่าเชื่อว่าจะตัวโตสูงได้ขนาดนี้ สูงกว่าคุณดลเสียอีก ลบภาพคุณนะตอนเด็กทิ้งไปได้เลยต่าง กันราวฟ้ากับเหว” รสนันท์สั่นหน้าทันที “ไม่ลบ...นันชอบเขาตอนเป็นเด็กน่ารักดี ตอนนี้โตแล้วคงไม่คุ้นกัน โตเป็นหนุ่มจนมีซัมติงกับผู้หญิงตั้งแต่อายุแค่สิบสี่ พี่รินเคยเล่าให้แม่กับนันฟัง ว่าเขามีสาวเข้าหาตั้ง แต่อายุสิบสี่ เจ้าแว่นนี่ไวไฟเอาเรื่องนะ” “ผู้หญิงเป็นลูกสาวเพื่อนคุณภัส พอเด็กมีอะไรกันแทนที่จะปรามไว้บ้าง กลับปล่อยใส่กันเลย กลายเป็นคู่รักคู่ขากันจนทุกวันนี้ แต่ว่าอะไรไม่ได้ เขาไปโตอยู่ที่โน่นความคิดความอ่านคงเป็นแบบฝรั่ง เรื่องเซ็กส์ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ดูอย่างคุณดลมีเมียตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ตอนนี้มีเหลนชายให้คุณกิตติเป็นทวดแล้ว” “พี่รินเลยกลายเป็นคุณทวดยังสาว” รสนันท์แซวพี่สาวแล้วยิ้ม “คุณนะเรียนจบแล้ว จะกลับเมืองไทยมั้ย?” รจนาถามขัดอย่างสนใจ ตั้งแต่กฤษณะไปอยู่อเมริกาสิบกว่าปีไม่ได้เจอกันอีกเลย “เห็นบอกว่าอยากเรียนต่ออีก คุณกิตติเลยจะไปกล่อม ให้ลองกลับมาทำงานดูก่อนสักระยะ อยากเรียนต่อด้านไหนค่อยว่ากันอีกที” เสียงวงดนตรีบรรเลงจังหวะpomp and circumstance ดังก้องทั่วทั้งสนามหญ้าของมหาวิทยาลัย ธงชาติสหรัฐและธงประจำมหาวิทยาลัยปลิวไสวตามแรงลม ท่ามกลางลมของฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนจำนวนมากมาร่วมงานแต่งกายชุดสุภาพนั่งเรียงแถวกันอยู่บนอัฒจันทร์ ตั้งอยู่รอบสนามมีบรรดาเหล่าบัณฑิตแต่งกายด้วยชุดครุยสีดำ สวมหมวกทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านบนมีพู่ห้อย หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส กฤษณะนั่งปะปนอยู่ในกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ พิธีการต่าง ๆ ดำเนินไปตามขั้นตอนจนถึงตอนประกาศรายซื่อบัณฑิตจบใหม่ขึ้นไปรับปริญญา ซื่อของกฤษณะถูกประกาศผ่านไมโครโฟนพร้อมเสียงปรบมือจากคน ที่มาร่วมงานดังกึกก้องทั่วทั้งงาน ร่างสูงโปร่งในชุดครุยสีดำมีหมวกสวมที่ศีรษะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดครุยแบบดั้งเดิม ก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางสงบนิ่งมั่นคง รับปริญญาจากอธิการบดีด้วยรอยยิ้มยินดี แล้วหันไปทางบุคคลสำคัญ แม้จะนั่งปะปนกับคนอื่นเป็นจำนวนมาก แต่กฤษณะสามารถมองเห็นได้ ชูใบปริญญาขึ้นโบกมือให้คุณปู่ คุณกิตติยิ้มโบกมือตอบหลานชาย แววตาสดใสเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจ กับความสำเร็จของหลานชายคนเล็ก “รินดีใจด้วยนะคะ” รสรินวางมือลงบนหลังมือสามีบีบเบา คุณกิตติหันมายิ้มด้วย ดวงตาเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความสุข นานแล้วที่รสรินไม่เห็นแววตาแบบนี้ของคุณกิตติ แม้ตอนนี้คุณกิตติจะอายุเจ็ดสิบสี่แล้วแต่ยังดูแข็งแรงหนุ่มกว่าอายุ เป็นคนดูแลตัวเองดีรวมทั้งมีภรรยาสาวที่คอยเอาใจใส่ดูแลด้วย มีเพียงผมที่ออกสีเทาแบบธรรมชาติ แต่เส้นผมยังดูมีสุขภาพดี ผิวหน้ายังไม่หม่น บุคลิกดูดีภูมิฐานมีเสน่ห์แบบอบอุ่นมีความเป็นผู้นำ รูปร่างสูงสันทัดอยู่ในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม นั่งคู่กับภรรยาสาวที่วัยห่างกันถึงสามสิบสี่ปีกลับดูไม่ขัดตา รสรินอยู่ในชุด เดรสยาวสีพื้นเรียบแต่หรู ดูสวยสง่างามสมกันดี “ทำไมคุณภัสไม่มาร่วมงานรับปริญญาของลูก” “ช่างเขาเถ่อะ ฉันไม่อยากใส่ใจอะไรกับนภัสสรแล้ว” น้ำเสียงคุณกิตติแข็งขึ้นเล็กน้อย เมื่อพูดถึงลูกสะใภ้ ลูกชายรับปริญญาแต่กลับไม่เห็นแม้เงาของนภัสสรมางาน “มีแม่ใจดำ แต่หลานชายฉันเขาดูแลตัวเองได้ เติบโตได้ดีเขารักดีเหมือนพ่อเขา” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรัก และภาคภูมิใจในตัวหลานชายคนเล็ก ตอนกฤษณะถูกแม่พามาอยู่อเมริกาแรก ๆ คุณกิตติเป็นห่วงหลานชายมากอายุยังไม่หกขวบเลยแต่ กฤษณะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ต่อให้เป็นเด็กแต่เข้มแข็งสามารถดูแลตัวเองได้ดี จึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ หลังจากพิธีการต่าง ๆ จบลงแล้ว กฤษณะแยกจากกลุ่มเพื่อน รีบตรงมาหาบุคคลสำคัญ ที่ยืนรออยู่ใต้ต้นโอ๊กต้นใหญ่ข้างสนามพร้อมรสริน “คุณปู่” ร้องเรียกเสียงดัง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส ตรงเข้ากอดคุณปู่ที่กางแขนรับด้วยใบหน้ายิ้มยินดีไม่ต่างกัน รสรินมองภาพสองปู่หลานกอดรัดกันแน่นด้วยความคิดถึงและยินดี กับความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของกฤษณะในวันสำเร็จการศึกษา กฤษณะเติบโตขึ้นมาก จากเด็กชายร่างผอมบางท่าทางขี้โรค กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง คุณกิตติไม่ใช่คนเตี้ยมีความสูงถึง170ซม. แต่ตอนนี้เตี้ยกว่าหลานชาย ที่มีความสูงถึง183ซม. จากแต่ก่อนทุกคนต้องก้มไปคุยกับกฤษณะ แต่ตอนนี้ต้องแหงนหน้าขึ้นคุยด้วยแทน กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสมส่วน ใบหน้าคมชัดผสมไทยครึ่งจีน ใบหน้าเรียวยาวคางแหลมเล็กน้อย รับกับกรามที่ไม่แข็งจนเกินไป จมูกโด่งดูเด่น ดวงตาเรียวเล็กตาคมแบบเอเชียไม่โตมาก คิ้วเข้มเป็นทรงเสริมใบหน้าดูเด่น ริมฝีปากได้รูปไม่หนาไม่บาง เวลายิ้มดูอบอุ่นจริงใจ ผิวขาวเหลืองแบบคนมีเชื้อสายจีนผสมอยู่ ดูสะอาดสะอ้าน แม้จะสวมแว่นแต่กลับเสริมให้ดูดี “ผมดีใจมากเลยครับ ที่คุณปู่มางานรับปริญญาของผม” กฤษณะคลายอ้อมแขนออก ยิ้มกว้างดวงตาเรียวหลังแว่นเปล่งประกายสดใส “ต้องมาสิ นะรับปริญญาทั้งทีปู่ต้องมาให้ได้ ปู่ดีใจด้วยนะ” คุณกิตติกวาดสายตามองหลานชายคนเล็ก ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายความสุข ทั้งยินดีและปลาบปลื้มใจ กับความสำเร็จของหลานชาย “คืนนี้เราจะฉลองกัน ปู่จองโต๊ะไว้แล้ว” “ยินดีด้วยนะคะคุณนะ” รสรินยิ้มให้นุ่มนวลเมื่อกฤษณะหันมายกมือไหว้ “เรียนจบแล้วจะได้กลับไปช่วยงานปู่” “ผมยังไม่อยากกลับ อยากเรียนต่อก่อน” “ปู่อยากให้นะลองกลับไปทำงานดูก่อน ทำซักปีสองปีก็ได้ ไปเรียนรู้งานจะได้รู้ว่าจะเรียนต่อด้านไหนดี ปู่เจ็ดสิบกว่าแล้วจะอยู่ได้อีกสักกี่ปี ต่อไปทุกอย่างที่ปู่สร้างไว้ต้องเป็นของนะกับดล” คุณกิตติพูดขัดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่น้ำเสียงอ่อนโยนทำให้หลานชายนิ่งไป ดวงตาหลังแว่นมีแววลังเลครุ่นคิด “ยังไม่ต้องให้คำตอบปู่ตอนนี้หรอก ก่อนปู่กลับเมืองไทยค่อยตอบ หรือถ้านะยังยืนยันอยากเรียนต่อ บอกปู่มาได้ปู่ไม่บังคับหรอก” “ครับคุณปู่” “ไปกันเถ่อะ จะได้ไปฉลองให้บัณฑิตจบใหม่” รสรินเดินตามหลังสองปู่หลาน หลานกอดเอวส่วนปู่กอดไหล่คุยกันสดใส รสรินพลอยดีใจไปด้วยเห็นคุณกิตติกลับมาสดใสมีความสุขมากอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD