เรื่อง:พี่สาวคนสวยกับแฟนtypeหมาเด็ก
ตอนที่.1 ทำไมเจอแต่เก้ง
โดย:srikarin2489
รสนันท์ก้าวเท้ายาวๆ ด้วยความร้อนใจ ในใจร้อนรุ่มเดือดดาลราวกับกาน้ำร้อนถูกต้มจนเดือดจัด เมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มพากิ๊กขึ้นคอนโดมิเนียม วิสาข์กับจีริกาขาสั้นกว่าต้องเดินแกมวิ่งเพื่อตามเพื่อนให้ทัน พอออกจากลิฟต์ได้พุ่งร่างตรงไปยังห้องเป้าหมายทันที
“เราน่าจะมีอะไรติดมือมาด้วยนะ เผื่อมีการใช้กำลังจะได้มีอาวุธ” วิสาข์หัน ไปพูดกับจีริกา ขณะพยายามเร่งฝีเท้าให้ทันเพื่อน ที่ก้าวฉับ ๆ อยู่ข้างหน้า
“ไม่ต้องมีอาวุธหรอก ลืมแล้วเหรอว่าไอ้นันเขาเป็นนักเทควันโด้เก่า เขาจัดการ
ได้ด้วยมือเปล่าอยู่แล้ว” จีริกาพูดอย่างมั่นใจในตัวเพื่อน
“ถ้ามีอาวุธด้วย ไอ้นันโมโหเดือดอาจพลั้งมือเกิดเรื่องร้ายแรงได้”
วิสาข์พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองถึงกับมีอาการหายใจหอบเล็กน้อยเมื่อตามรสนันท์ มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องพักของแฟนหนุ่ม เพราะต้องเดินแกมวิ่งตามเพื่อนมาตั้งแต่ลงจากรถ
“เอาไงดีนัน เคาะประตูก่อนมั้ย?”
เพื่อนทั้งสองมองหน้ารสนันท์ ที่ยืนจ้องประตูห้องด้วยหน้าถมึงทึงตาวาวโรจน์ พร้อมเอาเรื่องกับทุกคนที่ขวางหน้า รสนันท์สูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมสติของตัวเองก่อนจะยกกำปั้นขึ้นทุบประตู
“ปัง ๆ ๆ...”
ระหว่างยืนรอคนข้างในมาเปิดประตู วิสาข์กับจีริกามองหน้าเพื่อนสลับกับมองประตู เตรียมพร้อมลุยเคียงข้างเพื่อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพื่อนมาช่วยลุยจัดการกับกิ๊กแฟนรสนันท์ มีเสียงเคลื่อนไหวข้างใน พอได้ยินเสียงปลดล็อคประตู รสนันท์ไม่รอให้คนข้างในเป็นฝ่ายเปิดแต่ชิงเปิดประตูเอง แล้วพุ่งร่างเข้าไปข้างในมีเพื่อนตามติดทันทีอย่างรู้หน้าที่หน่วยสนับสนุน
“นังตัวดีมันอยู่ไหน!”
เสียงร้องถามแผดก้องห้อง ทั้งสามมีอาการชะงักค้างรวมทั้งอีกสองคนในห้อง คำพูดกลืนหายลงในลำคอ เมื่อภาพที่เห็นไม่ใช่ผู้หญิง แต่กลายเป็นผู้ชายอยู่ในสภาพสวมเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ทั้งสองคนผมเผ้ายุ่งเหยิงบ่งบอกให้รู้ว่าเพิ่งผ่านกิจกรรมอะไรกันมา รสนันท์กับเพื่อนรักทั้งสองจ้องมองผู้ชายคนนั้นด้วยอาการตื่นตะลึง ชายหนุ่มคนนั้นมีอาการตกใจเช่นกัน ที่จู่ ๆ รสนันท์กับเพื่อนโผล่พรวดพราดเข้ามา
“ไอ้นันเจอเก้งอีกแล้วเหรอเนี่ย!”
เพื่อนทั้งสองอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน แล้วหันมามองหน้ากัน เข้าใจสถาน การณ์ได้โดยไม่ต้องมีใครมาอธิบาย รสนันท์มองหน้าชายหนุ่มแปลกหน้า สมองแล่นปราดประมวลความคิด แล้วหันขวับไปทางแฟนหนุ่มที่ยืนหน้าเผือดถอดสี เรียกว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ได้แต่กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เมื่อสบสายตาเข้มเครียด เต็มไปด้วยคำถามมากมายของรสนันท์
“นัน...พี่...” แฟนหนุ่มอึกอักไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
“นันฟังพี่ก่อนนะ” ภาวิตพยายามจะอธิบาย
“มีคนบอกว่าพี่พากิ๊กขึ้นคอนโด แล้วนี่หมายความว่ายังไง”
รสนันท์ร้องถามเสียงดัง ทั้งโกรธทั้งตกใจดูมึนงงสับสนไปหมด คิดว่าจะมาจับกิ๊กของแฟนหนุ่ม แต่กลับกลายเป็นคู่ขาที่เป็นผู้ชาย ตาวาววับจนแฟนหนุ่มหน้าจืด ได้แต่อึกอักไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เพราะหลักฐานทุกอย่างชัดแจ้งอยู่แล้ว
“พี่เป็นเกย์เหรอ ?” ภาวิตถึงกับสะดุ้ง เมื่อถูกรสนันท์ตะคอกถามใส่หน้าเสียงดัง
“บอกนันมาตามตรง ว่าจริง ๆ แล้วพี่ชอบผู้ชายใช่มั้ย ? ” ภาวิตได้แต่พยักหน้า
ยอมรับเมื่อจำนนต่อหลักฐาน พอจะรู้นิสัยของรสนันท์อยู่บ้างยอมรับเลยดีกว่าโกหก
“พี่ชอบผู้ชาย แล้วพี่มาเป็นแฟนกับนันทำไม”
“แม่พี่อยากให้พี่แต่งงานกับผู้หญิง พี่พยายามแล้วพี่ชอบนันมากนะ นันนิสัย
แมนดี แต่พี่ฝืนตัวเองไม่ได้” ประโยคท้ายบอกเสียงอุบอิบละห้อยเสียใจ
“ทุเรศ!...เพี๊ยะ...”
รสนันท์ร้องว่าเสียงดังหน้าบึ้งตึง ฟาดฝ่ามือใส่แก้มแฟนหนุ่มเต็มแรงจนคนถูกตบถึงกับหน้าหัน จากอารมณ์หึงหวงกลายเป็นโกรธเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกหลอกมาแต่ต้น
“พี่เห็นแก่ตัวมากเลยนะพี่ภาวิต ที่เอานันมาสร้างภาพกลบเกลื่อนตัวเอง ถ้าชอบผู้ชายด้วยกันจริง มาหลอกคนอื่นเขาทำไม”
“นันพี่ขอโทษ” ภาวิตบอกเสียงอ่อนเสียใจ ขยับเข้าไปใกล้เอื้อมมือไปหา
“ไม่ต้องมาจับ!”
ภาวิตเอื้อมมือค้าง เมื่อเอื้อมไปจะจับแขนอีกฝ่ายแล้วถูกรสนันท์ห้ามเสียงดังเดือดดาลพร้อมขยับถอยหนี ฝ่ายคู่ขาของภาวิตได้แต่ยืนตัวลีบก้มหน้าเงียบไม่กล้าสู้หน้ากับรสนันท์และเพื่อน ทั้งสามสาวแม้จะเป็นผู้หญิงแต่ท่าทางพร้อมลุยเอาเรื่อง
“ที่ผ่านมาพี่เล่นละครเก่งจนนันเชื่อ”
“พี่ไม่ได้เล่นละคร พี่จริงใจต่อนันจริง ๆ พี่พยายามแล้วแต่พี่ฝืนใจตัวเองไม่ได้
นันพี่ขอโทษ”
ภาวิตบอกเสียงจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ ที่ตัวเองทำให้รสนันท์ผิดหวังเสียใจ ยอมรับว่ารสนันท์เป็นผู้หญิงที่ดีแต่ตัวเองฝืนความชอบไม่ได้แม้จะพยา ยามแค่ไหน สุดท้ายต้องยอมแพ้ความปรารถนาของตัวเอง
“ถ้าพี่ชอบผู้ชายด้วยกันจริง ๆ พี่ควรเปิดเผยไปเลย อย่ามาหลอกคนอื่นแบบนี้ อย่าเห็นแก่ตัวด้วยการทำร้ายจิตใจคนอื่น พวกเรากลับ”
รสนันท์หันไปบอกเพื่อน แล้วผละออกไปจากห้องด้วยอาการหัวเสีย มีเพื่อนทั้งสองรีบวิ่งตามไปทันที ไร้ประโยชน์ที่จะอาละวาดจัดการกับคนหลอกลวง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รสนันท์เจอเรื่องแบบนี้
ตอนขามารสนันท์ว่าเดินเร็วแล้ว ขากลับยิ่งก้าวพรวด ๆ เร็วยิ่งกว่าเก่าทำให้
เพื่อนทั้งสองถึงกับหอบขึ้นต้องวิ่งตาม พอเดินมาถึงรถประตูปลดล็อกอัตโนมัติ เพราะมี
สมาร์ทคีย์อยู่ในกระเป๋ากางเกงของรสนันท์ รถยุโรปสีดำคันยังดูใหม่ วิสาข์รีบเข้าไปดันร่างเพื่อนออกจากประตูตรงเบาะคนขับ
“ฉันขับเองขืนให้แกขับในอารมณ์แบบนี้ ได้พาพวกเราไปอัดท้ายรถคันอื่นแน่” วิสาข์รู้นิสัยเพื่อนดี เวลาโมโหเดือดมักควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ส่วนจีริกาเข้ากอดไหล่เพื่อน พาอ้อมไปขึ้นนั่งเบาะข้างคนขับ
“ทำไมชีวิตฉันต้องเจอแต่เรื่องบ้า ๆ แบบนี้ บ้าบอคอแตกที่สุด คิดว่าเป็นกิ๊กกลับกลายเป็นคู่ขาแทน จะบ้าตาย” รสนันท์คร่ำครวญเมื่อขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“โลกใบนี้ไม่ยุติธรรมกับฉันเลย ทำไมเหวี่ยงแต่เก้งเข้ามาในชีวิตฉัน”
วิสาข์กำลังขับรถออกจากลานจอด เงยหน้าขึ้นสบตากับจีริกาผ่านทางกระจกมองหลัง ทั้งสองได้แต่มองดูเพื่อนอย่างเห็นใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รสนันท์พบว่าผู้ชายที่ตัวเองคบด้วยไม่ใช่ชายแท้
“รู้ตัวก่อนแบบนี้ก็ดีนะนัน ดีกว่าแต่งกันไปแล้วมารู้ทีหลังว่าเขาเป็นเกย์ แกจะ
เจ็บหนักยิ่งกว่านี้” จีริกาพยายามปลอบให้กำลังใจเพื่อน
“มีแฟนมาไม่รู้กี่คน สุดท้ายไปไม่รอดสักราย แถมยังถูกเก้งหลอกให้คบอีก รักผู้ชายไม่รุ่งมุ่งไปรักผู้หญิงดีมั้ย” รสนันท์ทอดถอนใจราวจะท้อแท้กับการมีความรัก
“เฮ้ย...ไม่ดี!” เพื่อนทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน
“ใจเย็น ๆ ก่อนเพื่อน” วิสาข์พยายามปลอบประโลมเพื่อน ที่ดูท้อแท้สิ้นหวังกับความรัก ผิดหวังซ้ำซากมามากจนไม่อยากนับครั้ง
“ฉันสะสมแต้มอกหักมาตั้งแต่เรียนมัธยม มีแฟนมากี่คนสุดท้ายจบด้วยทาง
ใครทางมัน จะมีผู้ชายแท้มารักฉันจริงสักคนมั้ย”
“ฉันถามแกจริง ๆ นะนัน แกรักพี่ภาวิตจริง ๆ เหรอ ฉันว่าแกแค่ชอบเขานะ
เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนป.1 นันมันมีแฟนมากี่คนแล้วจี ? ” วิสาข์เงยหน้าถามจีริกาผ่านทางกระจกมองหลัง
“ห้าหกเจ็ดหรือจะสิบแล้วมั้ง” จีริกาทำท่าไม่แน่ใจ
“เออ...เท่าไหร่ก็ช่างเถ่อะ ที่แน่ ๆ ไอ้นันมันยังไม่เจอตัวจริง” วิสาข์ปัดมือว่า
“ผู้ชายที่แกรักจริง ๆ มีแค่พี่ต้นแฟนคนแรก นอกนั้นแกแค่ชอบรวมทั้งพี่ภาวิต
คนนี้ด้วย”
“ใช่...ตอนพี่ต้นจบม.6 ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ แกเศร้าอยู่เป็นเดือน ๆ นอก นั้นแค่วันสองวันจบ แกเชิดหน้าหาแฟนใหม่ต่อไม่แยแสแฟนเก่า”
“ฉันกับพี่ต้นเลิกกันเพราะระยะทาง ห่างไกลจนห่างเหิน” รสนันท์ถอนใจเมื่อนึกถึงรักแรกของตัวเอง ที่ต้องจบลงเพราะระยะทางที่ห่างไกลกันมาก
“ช่างแม่งมันเถ่อะ คืนนี้เราไปฉลองชีวิตโสดของฉันดีกว่า ฉันกลับมาโสดอีกรอบแล้ว” รสนัน์ตะโกนลั่นรถด้วยท่าทางยินดีมากกว่าจะเสียใจ
“จีแกโทรไปบอกอรกับสุให้ไปเจอกันที่เก่า คืนนี้เราจะฉลองยาว ๆ ไปเลย”
วิสาข์กับจีริกายิ้มสบตากันผ่านกระจกมองหลัง เป็นแบบนี้หายห่วงได้เลยว่า รสนันท์อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่หาเรื่องไปดื่มฉลองเท่านั้นเองตามประสาแก๊งสาวโสด
“ทำอะไรกินจ้ะแม่ ? กลิ่นหอมไปถึงหน้าตึกเล็ก”
รสรินส่งเสียงร้องถามขณะเดินเข้าไปในครัว เห็นแม่กำลังง่วนอยู่กับหม้ออาหารบนเตาแก๊ส ได้กลิ่นกระเทียมเจียวหอมฟุ้งไปทั้งครัว ครัวกลายเป็นอาณาจักรส่วนตัวของรจนา ขลุกอยู่ในนี้ได้ทั้งวันเป็นพื้นที่ที่ใช้เวลาอยู่นานที่สุด
“ข้าวต้มกุ้ง เมื่อคืนนันเมามานิดหน่อย น่าจะแฮ้งค์แม่เลยทำข้าวต้มกุ้งไว้ให้เขา รินทานกับน้องมั้ย ? แม่ทำเยอะอยู่นะ”
“ดีเหมือนกันแม่ ได้ซดข้าวต้มหอม ๆ ร้อน ๆ น่าจะสดชื่นดีกว่าเบรคฟาสต์แบบฝรั่ง” รสรินเดินไปหยิบถ้วยมาจัดไว้รอ เมื่อเห็นแม่ยกหม้อข้าวต้มกุ้งมาวางบนโต๊ะ มีที่รองก้นหม้อกันร้อน
“ไปเมากับเพื่อนแบบนี้ อกหักอีกแล้วล่ะสิ” รสรินส่ายหน้าแล้วยิ้ม
“นันเขาขยันอกหัก รัก ๆ เลิก ๆกับแฟนมาตั้งแต่เรียนมัธยม”
รจนาตักข้าวต้มกุ้งควันยังฉุย ส่งกลิ่นหอมชวนทานใส่ถ้วยให้ลูกสาวคนโต แล้วเลื่อนถ้วยใส่กระเทียมเจียวมาใกล้ให้ลูกตักเอาเอง พร้อมทั้งต้นหอมผักชีจีนซอยอยู่ในถ้วยอีกใบ
“หอม”
รสรินตักข้าวต้มขึ้นมาดมแล้วเงยหน้ายิ้มกับแม่ รจนายิ้มแล้วเดินไปนั่งลงตรงข้าม ลูกสาวใช้ช้อนคนข้าวต้มในถ้วยเพื่อคลายความร้อน
“อาทิตย์หน้ารินจะไปอเมริกากับคุณกิตตินะแม่ แม่อยากได้ของฝากอะไรลิสต์ รายการมาได้เลย”
“ที่เคยบอกว่าจะไปงานรับปริญญาคุณนะใช่มั้ย?”
“ค่ะ คุณนะเขาให้ชวนแม่กับนันไปด้วย เขาอยากเจอคุณยายกับพี่นันแต่แม่กับนันไม่ไป” ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงรสนันท์ส่งเสียงเข้ามาก่อนตัวเดินมาถึง
“แม่ทำอะไรกิน ส่งกลิ่นหอมไปปลุกนันถึงในห้อง”