🃏 สองต่อสอง (ที่ไม่มีทางเลี่ยง)
ฝนเริ่มตกตอนเกือบสี่ทุ่ม
เม็ดฝนกระแทกหลังคาเวทีดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ลานกิจกรรมที่เพิ่งเงียบลง กลับเปียกชื้นภายในไม่กี่นาที
ทีมงานที่ยังไม่กลับรีบเก็บของกันวุ่น
เสียงวิ่ง เสียงตะโกน ปะปนไปกับเสียงฝนที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ
เพลงพิณกำลังจะเดินออกจากพื้นที่
จู่ ๆ มือถือก็สั่นขึ้นในมือ
ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เธอหยุดเท้า
ขุนเขา
เธอชะงัก ลังเลอยู่เพียงเสี้ยววินาที
ก่อนจะกดรับสาย
“มีอะไร”
เธอถาม น้ำเสียงเรียบ ไม่เย็น แต่ก็ไม่ได้อ่อนลง
“ระบบไฟเวทีมีปัญหา”
เขาพูด น้ำเสียงกลับจริงจังขึ้น
“ต้องเช็กด่วน เดี๋ยวฝนเข้า”
เพลงพิณหลับตาเบา ๆ
เหมือนรู้ดีว่าครั้งนี้หนีไม่พ้น
“แล้วทีมอื่นล่ะ”
เธอถามต่อ
“กลับไปเกือบหมดแล้ว”
เขาตอบ
“ตอนนี้เหลือแค่ผมกับเธอ”
ความเงียบตกลงกลางสายอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่เธอจะตอบสั้น ๆ
“ฉันไป”
🪶 ใต้หลังคาเวที
แสงไฟสลัว
ละอองฝนสาดเข้ามาเป็นระยะ
เพลงพิณเดินเข้าไปด้านใน
เห็นขุนเขายืนอยู่ข้างตู้ควบคุม
เสื้อช็อปของเขาเปียกตรงหัวไหล่นิดหน่อย
สายตาของทั้งคู่สบกัน
ไม่มีคำทัก ไม่มีรอยยิ้ม
“ตรงไหนมีปัญหา”
เธอถาม เปิดบทสนทนาด้วยเรื่องงาน
“สายไฟฝั่งซ้าย” เขาตอบ
“ถ้าน้ำเข้า มีโอกาสช็อต”
เพลงพิณพยักหน้า
เดินเข้าไปใกล้ ช่วยยกผ้าใบกันฝนขึ้น
ระยะห่างระหว่างกันแคบลง
ไหล่เกือบชนกัน
กลิ่นฝน กลิ่นเหล็ก
และกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่เขาจำได้ดี
ขุนเขาขยับถอยออกมาเล็กน้อย เหมือนตั้งใจเว้นระยะ
เพลงพิณเห็นทั้งหมด แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ตรงนี้โอเคแล้ว” เธอพูด น้ำเสียงนิ่ง
“อือ” เขาตอบ ก่อนก้มลงจัดสายต่อ
ความเงียบระหว่างการทำงาน ไม่ใช่ความสบายใจ
แต่เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยคำพูดที่ยังไม่ได้พูด
ฝนตกหนักขึ้น เสียงดังจนทั้งคู่ต้องขยับเข้าไปหลบใต้หลังคาให้มากกว่าเดิม
โดยไม่ตั้งใจ พวกเขายืนใกล้กันอีกครั้ง ใกล้พอจะรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน
“เมื่อกี้…” ขุนเขาเอ่ยขึ้น ก่อนจะหยุดไป
เพลงพิณเงยหน้ามอง
ไม่พูด รอให้เขาพูดต่อ
“เรื่องเมื่อคืน”
เขาพูดเสียงต่ำลง ไม่แข็งเหมือนตอนทะเลาะ
“ถ้านายจะคุย”
เธอพูดแทรก น้ำเสียงเรียบ
“คุยตอนนี้ไม่ได้”
เขาชะงัก “ทำไม”
“เพราะเรายังอยู่ในพื้นที่งาน” เธอตอบ
“และฉันไม่อยากให้เส้นที่ฉันขีดไว้ ถูกลบเพราะอารมณ์”
คำพูดนั้น ไม่แรงแต่ชัดเจน
ขุนเขาพยักหน้าช้า ๆ
“ผมแค่ไม่อยากให้มันค้าง” เขาพูดตรงไปตรงมา
“ฉันก็ไม่อยาก” เพลงพิณตอบ
“แต่ฉันอยากให้มันถูกพูด ตอนที่เราคุมตัวเองได้”
ฝนยังคงตกไม่หยุด
เหมือนบังคับให้ทั้งคู่ต้องอยู่ตรงนั้นต่อ
ขุนเขาเงยหน้ามองเธอ สายตาไม่เดือด ไม่แข็ง แต่จริงจัง
“ผมจะไม่ก้าวข้ามเส้นของเธอ” เขาพูดช้า ๆ ชัดเจน
เพลงพิณนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“ฉันจะดูจากการกระทำ” เธอพูด
ไม่ใช่คำท้าทาย แต่เป็นข้อตกลง
งานตรงหน้าถูกจัดการจนเรียบร้อย ไฟทุกจุดถูกปิดลงครบถ้วน
ฝนเริ่มเบาลง ทั้งสองยังยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครรีบเดินออกไปก่อน
“ขุนเขา” เพลงพิณเรียก
“ครับ”
“การที่นายอยู่ตรงนี้” เธอพูดต่อ
“โดยไม่กดดัน ไม่ใช้อารมณ์ มันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้นนิดหนึ่ง”
คำพูดนั้น เหมือนการเปิดช่องว่างเล็ก ๆ ยังไม่ถึงขั้นคืนดี
แต่ก็ไม่ใช่การปิดประตู
ขุนเขามองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“ผมจะจำไว้”
ทั้งสองเดินออกจากใต้เวทีพร้อมกัน แต่ยังคงรักษาระยะเดิม ใกล้พอให้รับรู้การมีอยู่ของกันและกัน ไกลพอที่จะไม่ก้าวล้ำเส้น
เหตุการณ์สองต่อสองครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้ไฟระหว่างพวกเขามอดลง แต่มันทำให้ทั้งคู่รู้ว่า ต่อให้ยังไม่เข้าใจกันทั้งหมด
อย่างน้อย
พวกเขาก็เริ่มเลือก จะไม่ทำร้ายกันด้วยอารมณ์อีกแล้ว
🔥 คืนเดียวกัน — หลังฝนหยุด
ลานกิจกรรมเก็บของเสร็จเกือบสี่ทุ่ม
ผู้คนแยกย้ายกันไป เหลือเพียงไฟไม่กี่ดวงที่ยังส่องสลัวอยู่กลางพื้นที่
อากาศเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หัวใจของเพลงพิณกลับร้อนรุ่ม ตั้งแต่ก้าวเข้าใกล้ตึกวิศวะ
เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย ไม่รู้ว่ามาทำอะไรตรงนี้
ไม่รู้ว่าทำไมขาถึงพาเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้นสอง
และไม่รู้ว่าทำไมในหัวถึงมีคำถามเดิมวนซ้ำไม่หยุด
เขาจะทำอะไรต่อ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เธอเป็นคนขีดเส้น เป็นคนบอกให้หยุด
แต่พออยู่คนเดียว ความนิ่งที่พยายามรักษาไว้กลับเริ่มสั่น
มือของเธอแตะราวบันไดที่เย็นเฉียบ..!
เสียงประตูเหล็กด้านหลังเปิดขึ้นกะทันหัน
แรงดึงอุ่น ๆ รั้งตัวเธอเข้าไปในห้องชมรมวิศวะในพริบตาเดียว
กลิ่นที่คุ้นเคย ลมหายใจหนักและแรงกดแน่นที่เอว
เพลงพิณรู้ทันทีว่าเป็นใคร
ขุนเขา
ประตูถูกปิดและล็อกดัง “คลิก”
เขาไม่ปล่อยมือจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ขุนเขา นายดึงฉันเข้ามาทำไม”
เสียงของเธอสั่นนิดเดียวแต่ยังพยายามคุมไว้
เขาไม่ตอบ แค่จ้องหน้าเธอ เหมือนคนที่กำลังฝืนตัวเองสุดกำลัง
ไฟในห้องชมรมเปิดไว้แค่โคมเดียว
แสงส้มอุ่นตกกระทบแก้มของเธอ
และสายตาของเขาก็เหมือนหยุดอยู่ตรงนั้น
มือเขาเลื่อนจากเอวขึ้นมาที่แผ่นหลัง
ดึงเธอเข้าแนบแน่นขึ้นโดยไม่พูดอะไร
“ทั้งวัน…”
เขาเริ่มช้า ๆ เสียงแหบต่ำ
“ฉันแทบคุมตัวเองไม่อยู่”
เพลงพิณหายใจสะดุด
“คุมอะไรของนาย”
“คุมไม่ให้มองเธอแบบนั้น”
เขาตอบทันที
“คุมไม่ให้หงุดหงิดเวลามีคนอื่นอยู่ใกล้ คุมไม่ให้คิดถึงตอนที่จับเอวเธอ แล้วเธอไม่ถอย”
เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้
ระยะห่างเหลือแค่ลมหายใจ
“แล้วทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร”
เพลงพิณเม้มปาก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ—”
“แต่เธอรู้สึก”
เขาพูดแทรก เสียงหนักแน่น
“และฉันรู้สึกมากกว่าเธออีก”
เธอหลบตาโดยไม่รู้ตัว แต่เขาจับคางเธอเบา ๆ บังคับให้เงยหน้ากลับมา
“มองฉัน”
เสียงเขาต่ำ อัดแน่นด้วยความอดทน
“ถ้าจะหนี อย่ามาอยู่ตรงนี้กับฉันตอนดึก”
คำพูดนั้นแทงใจ เพราะมันจริง
เธอมาเพราะอยากเจอ เพราะอยากรู้ว่าเขาจะเลือกทำยังไง
และเพราะอยากรู้ว่าใจตัวเองจะทนแรงเขาได้แค่ไหน
“แล้วนายอยากทำอะไรนักล่ะ”
เธอถาม ทั้งที่เสียงสั่น
ขุนเขาหลับตาระบายลมหายใจหนัก ๆ เหมือนกำลังเลือกทาง
“ฉันอยากให้เธอรู้” เขาพูดช้า
“ว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายที่เธอเข้ามาเขย่าใจ แล้วเดินหนีได้ง่าย ๆ”
เพลงพิณขยับเข้าใกล้เขาอีกนิด
ระยะที่ทั้งคู่รับรู้กันชัดเกินกว่าจะปฏิเสธ
“ถ้านายคิดว่าฉันกลัว—”
“เธอไม่ได้กลัว” เขากระซิบข้างแก้ม
“เธอแค่สั่น”
เธอสั่นจริงและเขารู้
มือเขาเลื่อนขึ้นแตะหลังคอ นิ้วไล้ผ่านเส้นผมเบา ๆ
สัมผัสนั้นทำหัวใจเธอเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่อยู่
เขาโน้มหน้าเข้ามา หยุดไว้แค่ปลายลมหายใจ ทรมานทั้งสองฝ่าย
“อย่าทรมาน” เพลงพิณกระซิบ
ขุนเขายิ้มช้า รอยยิ้มดุที่ทำให้เธอทั้งหงุดหงิดและหวั่นไหว
“งั้นก็พูดสิ” เขาว่า
“ว่าต้องการให้ฉันทำต่อ”
เธอกำเสื้อเขาแน่น ความคิดเริ่มแพ้ความรู้สึก
“ขุนเข…”
“หืม?”
“ถ้าจะทำ…” เธอเงยหน้าสบตาเขา
“ก็อย่าหยุดเอง”
เสียงหัวเราะต่ำหลุดจากลำคอเขา พร่า จนเธอขนลุก
“พูดแบบนี้” เขากระซิบ
“ฉันไม่หยุดแน่”
มือเขาประคองเอว
ดึงเธอเข้าแนบจนแทบไม่มีช่องว่าง
ลมหายใจของทั้งคู่ปะปนกัน จนเพลงพิณหลุดเสียงหอบ
เขาไล้มือบนแผ่นหลังของเธอ
ช้า ลึก และชัดเจนทุกจังหวะ
“ขุนเข… พอ—”
“ไม่พอ” เขาตอบทันที
“กับเธอ ไม่มีคำว่าพอ”
เขาเฉียดหน้าไปที่ซอกคอ
ลมหายใจร้อนทำให้เธอต้องเกาะแขนเขาไว้แน่น
“ทำไมต้องใกล้ขนาดนี้” เธอถามแผ่ว
“เพราะฉันอยากได้เธอ” เขาตอบ
“มากกว่าที่เธอคิด”
เขากอดเธอแน่นขึ้น แรงพอให้เธอรู้ว่าเขากำลังห้ามตัวเองสุดขีด
“เพลงพิณ…” เสียงเขาพร่า
“คืนนี้ ฉันปล่อยเธอกลับคนเดียวไม่ไหวจริง ๆ”
เธอสบตาเขาตรง ๆ ดวงตาคู่นั้นลึก คม และคลั่ง จนเธอหลบไม่พ้น
“แล้วนายจะทำยังไง” เธอท้ากลับ ทั้งที่ใจเต้นแรง
ขุนเขายิ้ม
รอยยิ้มของคนที่แพ้ทั้งใจ แต่ยังไม่ยอมถอย
“ฉันก็ต้องอยู่กับเธอ” เขากระซิบ
ริมฝีปากแตะกันแผ่ว ๆ ก่อนจะผละ
“จนกว่าไฟนี่จะดับเอง”
เพลงพิณสั่นวูบ มือของเธอเผลอจับคอเสื้อเขา ดึงเข้าใกล้กว่าเดิม
เขาลูบแก้มเธอเบา ๆ สัมผัสนั้นทำให้เธอแทบร้อง
“คืนนี้…” เขาพูดช้า
“ไม่มีใครมาขัด”
และประโยคนั้นทำให้เพลงพิณรู้ว่า
คืนนี้…เส้นที่เธอขีดไว้
กำลังถูกทดสอบอีกครั้งจริง ๆ 🔥🫠🧡