คลาสรวมช่วงบ่ายแน่นกว่าปกติ
นักศึกษาหลายคณะนั่งปะปนกัน เสียงคุยดังจนต้องรอให้อาจารย์เข้าห้องก่อนถึงจะเงียบ
เพลงพิณเดินเข้ามาพร้อมแพรวาและรดา
ยังไม่ทันได้นั่ง เสียงรอบตัวก็เริ่มซุบซิบ
“ดาว มอ. มาแล้วว่ะ”
“วันนี้ใส่เรียบ แต่ดูแพงอีกแล้ว”
“เดินผ่านที ห้องแม่งเงียบเองอะ”
เพลงพิณทำเหมือนไม่ได้ยิน
เลือกนั่งแถวกลางค่อนไปทางด้านหลัง ที่เดิมของเธอ
“ขออย่าให้เจอหน้าคนปากหมาอีกเลย” แพรวาพึมพำ
“กูยังหงุดหงิดแทนแกอยู่”
เพลงพิณหัวเราะเบา ๆ
“เจอกูก็ไม่หลบอยู่ดี”
รดานั่งเงียบ สายตากวาดมองรอบห้อง
ก่อนจะหยุดนิ่ง
“พิณ”
เสียงเธอต่ำลง
“เขาอยู่ห้องนี้”
เพลงพิณชะงัก
เงยหน้ามองตาม
ขุนเขานั่งอยู่แถวหน้า เยื้องไปทางซ้าย
เอนหลังพิงเก้าอี้ ท่าทางสบาย
เหมือนคนที่ไม่ได้อินกับคลาสเท่าไหร่
เพื่อนผู้ชายสองสามคนนั่งข้าง ๆ
คุยกันเบา ๆ แบบไม่สนใจใคร
เหมือนเขาจะรู้สึกตัว
ขุนเขาหันกลับมามอง
สายตาสบกันตรง ๆ
ไม่มีใครหลบ
เพลงพิณเลิกคิ้ว
มองกลับแบบไม่แคร์
ขุนเขาขมวดคิ้ว
สีหน้าเหมือนหงุดหงิดนิด ๆ โดยไม่รู้ตัว
“โอโห” แพรวากระซิบ
“นี่คือปะทะรอบสองแบบไม่ต้องเปิดปากเลยใช่ไหม”
เพลงพิณหันกลับมามองกระดาน
“อย่าไปให้ค่า”
แต่หัวใจกลับเต้นแรงกว่าที่คิด
ไม่ใช่เพราะกลัว
แต่เพราะความรู้สึกคุ้นที่ยังอธิบายไม่ได้
อาจารย์เริ่มบรรยาย
เสียงในห้องค่อย ๆ เงียบลง
แต่บรรยากาศระหว่างสองแถว
กลับตึงขึ้นเรื่อย ๆ
ขุนเขาไม่ได้หันกลับมามองอีก
แต่ทุกครั้งที่เขาขยับตัว
เพลงพิณกลับรู้สึกเหมือนโดนจับตา
ทั้งที่เขาไม่ได้จ้องตรง ๆ
พักเบรกกลางคลาส
นักศึกษาลุกออกจากที่นั่ง เสียงพูดคุยดังขึ้นทันที
เพลงพิณลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
แพรวาเดินตาม
จังหวะที่เธอกำลังจะเลี้ยวเข้าทางเดิน
ใครบางคนเดินสวนออกมา
ปึก!
ไหล่ชนกันอีกครั้ง
ไม่แรงเท่าครั้งแรก
แต่จงใจมากกว่า
“อีกแล้วเหรอ”
เพลงพิณพูดก่อน น้ำเสียงประชด
“คลาสนี้ต้องมีชนกันเป็นกิจกรรมหรือไง”
ขุนเขาก้มมองเธอ
สายตานิ่ง แต่คม
“เธอเดินตัดหน้าผม”
“ขอโทษนะ” เธอหัวเราะ
“ฉันไม่ได้ยืนขวางใคร”
แพรวาแทรกทันที
“พี่จะเดินผ่านผู้หญิงบ้าง ก็ระวังหน่อยสิ”
ขุนเขาเหลือบมองแพรวา
ก่อนหันกลับมาที่เพลงพิณ
“เพื่อนเธอพูดแทนเก่งดี”
เพลงพิณยิ้มเย็น
“เพราะฉันไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคุยกับคนแบบนายมากนัก”
ขุนเขาหัวเราะในลำคอ
“งั้นก็อย่ามองผมบ่อยนัก”
เพลงพิณชะงัก
“ใครมอง”
“ถ้าไม่มอง ก็ไม่ควรรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้”
แพรวาอ้าปากจะสวน
แต่เพลงพิณยกมือห้าม
“พอ”
เธอพูดเสียงเรียบ
“ฉันไม่อยากเถียงกับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล”
เธอเดินผ่านเขาไป
ไหล่เฉียดกันอีกครั้ง
ขุนเขาหันไปมองตาม
คิ้วขมวดแน่นกว่าเดิม
“กูว่ามึงโดนแล้วว่ะ”
เพื่อนเขาพูดขึ้น
“โดนอะไร” ขุนเขาถามเสียงแข็ง
“โดนดาว มอ. สะกด”
อีกคนหัวเราะ
ขุนเขาไม่ตอบ
แต่ในหัว
ภาพผู้หญิงปากร้ายคนนั้น
เริ่มซ้อนกับภาพบางอย่างที่ยังไม่ชัด
⸻
เย็นวันเดียวกัน
ขุนเขานั่งอยู่ในรถ ยังไม่สตาร์ทเครื่อง
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
กดโทรออกทันที
“กูอยากรู้เรื่องผู้หญิงคนหนึ่ง”
เขาพูดตรง ๆ
“คนไหน” เสียงปลายสายตอบ
“ถ้าไม่ใช่ระดับดาว กูไม่ทำ”
ขุนเขาขมวดคิ้ว
“ดาว มอ. นิเทศ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะหัวเราะ
“เออ เรื่องนี้ง่าย”
“ทั้งมหาลัยรู้จัก”
“ชื่อ” ขุนเขาถามสั้น ๆ
“เพลงพิณ”
“ดาวมหาลัยสี่ปีซ้อน
ลูกคนดัง
ไม่ธรรมดาแน่ ๆ”
ขุนเขานิ่ง
ชื่อไม่คุ้น
แต่ความรู้สึกกลับไม่ใช่
“นิสัย” เขาถามต่อ
“ปากร้ายพอตัว
ไม่กลัวใคร
ไม่แคร์ผู้ชาย
ไม่ค่อยมีข่าวกับใครจริงจัง”
ขุนเขาหลับตา
ถอนหายใจช้า ๆ
ทุกอย่างตรง
ยกเว้นสิ่งเดียวที่ยังไม่ต่อกัน
ภาพเมื่อคืน
ยังไม่เชื่อม
“ส่งรูปมา” เขาพูด
ไม่กี่วินาทีต่อมา
หน้าจอสว่างขึ้น
รูปผู้หญิงคนเดิม
จากหลายมุม
หลายวัน
หัวใจเขาเต้นแรงขึ้น
โดยไม่มีเหตุผล
“ชิบหาย…”
เขาพึมพำ
ยังไม่แน่ใจ
แต่เริ่มไม่อยากบอกว่าไม่เกี่ยวแล้ว
⸻
อีกฝั่งหนึ่งของมหาวิทยาลัย
ใต้ตึกนิเทศ
เพลงพิณนั่งอยู่กับแพรวาและรดา
อากาศเย็น ลมพัดเบา ๆ
“เล่ามา” แพรวาพูด
“หน้ามึงฟ้องชัดมาก”
เพลงพิณถอนหายใจ
“วิศวะปีสี่คนนั้นอีกแล้ว”
“อีหล่อโหด?” แพรวารีบถาม
“ใช่”
“ปากหมาเหมือนเดิม
คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่าง”
รดาพูดเรียบ ๆ
“แต่แกก็จำเขาได้ละเอียดนะ”
เพลงพิณชะงัก
“ก็เพราะเขาน่าหงุดหงิดไง”
แพรวาหัวเราะ
“อาการนี้กูคุ้น”
“อย่ามั่ว” เพลงพิณสวน
“ผู้ชายแบบนั้น กูไม่มีวันสนใจ”
แต่ในใจ
เธอกลับนึกถึงสายตาคู่นั้น
ที่มองเธอเหมือนกำลังพยายามนึกอะไรบางอย่าง
คุ้น
แต่ยังไม่ใช่
เหมือนทั้งคู่ยืนอยู่ใกล้คำตอบ
แต่ยังไม่มีใครยอมก้าวเข้าไปแตะมัน
ไฟยังไม่ลุกเป็นเปลว
แต่ควันเริ่มชัด
และการปะทะ
ยังไม่จบง่าย ๆ แน่นอน