๑๔
ดวงตากลมโตปรือขึ้นอีกครั้งเมื่อค่อนรุ่ง จากสัมผัสรัญจวนที่เลื่อนไล้ผาดผ่านยวงเนื้ออวบอิ่ม ดวงตาที่เปิดขึ้นปรือปิดลงไปอีก เมื่อรับรู้ถึงความต้องการจากร่างหนาที่คลอเคลียแนบชิด แล้วเสียงหวานก็ประสานเสียงทุ้มนุ่มชวนฟังอีกครายามรุ่งสาง
ร่างสูงในสูทสีเข้มพร้อมกระเป๋าทำงานยืนมองร่างบางที่นั่งอิงขอบหน้าต่างด้วยสายตาอ่อนโยนแวบหนึ่ง ทว่าเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาสีหน้านั้นกลับเรียบเฉยเย็นชาประดุจรูปปั้นนักรบไม่ผิดเพี้ยน หญิงสาวขยับตัวเมื่อชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปหาด้วยจังหวะสม่ำเสมออย่างคนมั่นใจในตัวเองสูง
ร่างบางในเสื้อแขนตุ๊กตากับกระโปรงผ้าพลิ้วยาวคลุมตาตุ่มเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ เมื่อมือเรียวได้รูปของศิลาเลื่อนไล้นวลแก้มแผ่วเบาราวแกล้ง หญิงสาวเอียงแก้มหนีด้วยรู้สึกจั๊กจี้เต็มที
“อย่าสิคะ สายแล้วนะ” มือเล็กรีบคว้าหมับที่นิ้วเรียวของเขาเอาไว้ก่อนที่มันจะพาหล่อนเลยเถิดไปไกล ดวงตาคู่สวยสบตาเข้มแล้วแสร้งหลบตาคล้ายขวยเขิน ทว่าในความรู้สึกลึกๆ แล้วหล่อนอดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าใจจริงก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้จะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองออกไปจากที่นี่ให้ได้เร็วที่สุด
“ทำตัวน่ารักแบบนี้หวังหลอกให้ฉันตายใจหรือเปล่าอิ่มอรุณ”
ศิลาพูดราวกับเข้ามานั่งในใจหล่อนอย่างไรอย่างนั้น
“แล้วแต่จะคิดสิคะ!” ตอบพลางปัดมือของชายหนุ่มทิ้งไปทาง แล้วเมินหน้าหนี้คล้ายงอน ดวงตาสีเข้มหรี่มองคนตัวเล็กที่ทำให้เขาสำลักความสุขทั้งเมื่อคืนและเมื่อเช้าด้วยความครุ่นคิด
เขาไม่อยากเชื่อว่าหล่อนจะว่านอนสอนง่ายอย่างที่เห็นอยู่ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้หญิงสาวต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน หรือว่าวางแผนหนี ความจริงอิ่มอรุณไม่จำเป็นต้องหนีเขาด้วยซ้ำไป เพราะอีกไม่นานหล่อนจะได้ไปจากที่นี่ในที่สุด แต่ถ้าหล่อนคิดลองดีก็จะมาหาว่าเขาใจร้ายไม่ได้เหมือนกัน...
คนรู้ทันหรี่ตามองสาวสวยตรงหน้าด้วยแววตาพราวระยับ พร้อมกับรั้งเอวกลมเข้ามาแนบประชิดทั่วสรรพางค์กายตลอดด้านหน้า หัวอกหัวใจคนตัวเล็กเริ่มเต้นระทึก มือเรียวทั้งสองข้างถูกเจ้าตัวยกขึ้นดันแผงอกแกร่งใต้สูทเนื้อดีราคาแพงแล้วออกแรงดันเบาๆ หากแต่กำแพงเลือดเนื้อตรงหน้ากลับไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
“ปล่อยค่ะ เอ่อ คุณต้องรีบไม่ใช่หรือคะ”
น้ำเสียงติดขัดและดวงหน้าสีชาดที่เรื่อขึ้น ทำให้คนมองกระตุกยิ้มมุมปาก เขาชอบให้หล่อนได้เขินอายมากกว่าเวลาดื้อเป็นไหนๆ
“ไม่ไปยังได้ เธอไม่รู้หรอก ว่าเมื่อคืนสูบกำลังฉันไปเกือบหมดตัวเลยรู้ไหม”
อิ่มอรุณขนลุกซู่ ดวงหน้าแดงก่ำเมื่อใบหน้าสากระคายซุกไซ้ลงตรงซอกคอขาวผ่องเปลือยเปล่า ไหนจะคำพูดและน้ำเสียงอันแผ่วเบายิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้อารมณ์สาวเตลิดแล่นขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่า... วูบหนึ่งใบหน้าของคนรักที่ห่างไกลมาหลายเวลาก็ผ่านวาบเข้ามาในห้วงมโนนึก หญิงสาวรีบผลักดันใบหน้าคมคายนั้นออกราวตื่นตระหนก เป็นเหตุให้อารมณ์ที่เริ่มกรุ่นร้อนสะดุดลงด้วยความประหลาดใจในท่าทีของหญิงสาว
“เป็นอะไรไป...”
“เอ่อ ค...คือ คุณไปทำงานเถอะค่ะ นี่ก็สายแล้ว” ย้ำคำเดิมพลางถอยห่างเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะจับเอาไว้แน่นหนานัก คิ้วสีเข้มได้รูปกระตุกเข้าหากัน ดวงตาคมหรี่มองคนที่หันหลังให้เขาอย่างจับพิรุธ และแล้วมุมปากก็กระตุกพรืดเมื่อคิดบางอย่างออกกะทันหัน...
ไอ้ท่าทางแบบนี้จะมีอะไร ถ้าไม่ใช่เกิดละอายแก่ใจไอ้คนรักนั่น! และความรู้สึกก็บอกกับเขาว่าทนไม่ได้ เขาทนให้หล่อนคิดถึงชายคนอื่นไม่ได้ แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่ยอม!
“ไปแต่งตัว! ฉันให้เวลาสิบนาที ถ้าขืนชักช้าฉันอาจเปลี่ยนใจไม่พาเธอไปส่งบ้านก็ได้นะ”
ร่างบางหันกลับมาเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ ดวงหน้าที่เผือดซีดเมื่อครู่มีสีสันขึ้นทันตาเห็น ร่างสูงหันหลังให้หญิงสาวทันที ใบหน้าคมคายดุกระด้าง เมื่อสรุปได้ชัดเจนถึงสาเหตุของหล่อน
คงอยากกลับไปหาไอ้ชู้รักนั่นจนตัวสั่นสิท่า!
“จริงหรือคะ คุณจะพาฉันกลับบ้าน ถ้างั้นฉันจะรีบไปนะคะ รอด้วยนะคะอย่าทิ้งฉันไว้ที่นี่นะคะ”
เสียงวิ่งตึงๆ เข้าไปในห้องน้ำทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่หมุนกลับไปมองประตูที่ถูกปิดลงดังปังตามความรีบร้อนและความดีใจของคนที่หายลับไปในนั้น ชั่วขณะ จากใบหน้าที่แกร่งกระด้างกลับมีรอยหม่นหมองแทรกขึ้นมาวาบหนึ่ง แม้ในห้วงหัวใจอันเย็นชา เขาก็ยังมีความรู้สึกเฉกเช่นคนอื่น นั่นคือ รัก โลภ โกรธ และหลง ชั่ววินาที แววตาหม่นเศร้าก็สว่างจ้าขึ้น
และครั้งนี้... เขาก็ไม่คิดว่าจะต้องยอมเสียหล่อนให้ใครไปเด็ดขาด ไม่ว่าคนๆ นั้นจะมาก่อนหรือหลังก็ตามไม่ว่าหล่อนจะกล่าวหาเขาว่าเป็นคนเช่นไร เขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้หล่อนจากไปแน่นอน เขาจะหลอก จะล่อด้วยพิศวาสแสนรัญจวนที่จะปรนเปรอหล่อนจนดิ้นไม่หลุด หนีไปไหนไม่ได้ และร่ำร้องที่จะเป็นของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น!!
เป็นเวลาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่อิ่มอรุณทิ้งร้านไปต่างจังหวัด ภควัติจึงได้แต่มองดูรูปคนรักด้วยความรู้สึกคิดถึงแกมหงุดหงิด แต่ก็ไม่เคยละทิ้งสิ่งที่เป็นของหญิงสาวโดยปลีกตัวมาช่วยพนักงานเก็บร้านแทบทุกวัน ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาดูอีกครั้งแล้วถอนหายใจเฮือก ไม่ว่าเขาจะเพียรโทรหากี่ครั้ง หญิงสาวก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เลยสักครั้ง มีเพียงข้อความตอบกลับมาเท่านั้นว่ายังกลับไม่ได้ อีกอย่างที่นั่นยังไร้สัญญาณ มีบ้างไม่มีบ้าง จึงไม่สะดวกโทรคุย
“คุณภีมคะ สายแล้วนะคะ คุณภีมไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวพวกหนูจะดูร้านให้เองค่ะ” พนักงานสาวเข้ามาเตือน เมื่อชายหนุ่มยังคงนั่งมองโทรศัพท์นิ่ง ไม่ยอมไปทำงานทั้งที่ใกล้จะได้เวลาแล้ว
“ขอบใจนะ เดี๋ยวเย็นๆ จะเข้ามาอีกทีแล้วกัน” ร่างสูงลุกขึ้นยืน ใบหน้าคมมองไปรอบร้านอีกครั้ง ราวกับว่าอาจมีร่างระหงกลมกลึงของสาวคนรักโผล่ออกมาจากมุมใดมุมหนึ่งของร้านก็เป็นได้
ทว่า... ความจริงก็คือความจริง หล่อนยังไม่กลับมา และเขาก็ชักจะเป็นห่วงขึ้นมาแล้วสิ
เวลาเดียวกัน อิ่มอรุณก็ดูจะเบิกบานขึ้นมาอย่างมากมาย ทำให้ศิลาหมั่นไส้จนแทบล้มเลิกความตั้งใจ และแล้วความคิดอันเห็นแก่ตัวก็ชนะ เมื่อเขาพาหญิงสาวเปลี่ยนเส้นทางไปอีกเส้นหนึ่งทำให้คนที่ยิ้มหวานมาตลอดทางเริ่มแปลกใจ และเมื่อรู้แน่ชัดว่าทางเส้นนี้ไม่ใช่เส้นที่จะพาหล่อนกลับบ้านจึงเอ่ยถามออกมาพร้อมกับใบหน้าตื่นตระหนก
“คุณจะพาฉันไปไหนคะ! นี่มันไม่ใช่เส้นทางที่จะไปบ้านฉันนี่”
หญิงสาวเอ่ยถาม เพราะนับแต่อีกฝ่ายพาหล่อนเข้ามาถึงกรุงเทพมหานคร เขาก็เปิดผ้าที่ปิดตาหล่อนออก
“อะไรกัน จะรีบกลับไปทำไมล่ะ บ้านไม่หนีหรอก ไปกับฉันก่อนน่านะ ไปหาความสุขกันก่อน”คำพูดแสนเลือดเย็นเห็นแก่ได้และแววตาที่เปลี่ยนไปทำให้อิ่มอรุณเริ่มหวาดกลัวระคนโกรธกรุ่น
“ไม่นะ! ก็ไหนคุณจะปล่อยฉันแล้วไง คุณต้องไปส่งฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น!!” หญิงสาวกรีดเสียงใส่เขาอย่างโกรธจัด โกรธที่เชื่อใจเขาแต่กลับถูกดัดหลัง ใบหน้าคมคายหันมามองสาวสวยแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปแล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“ฉันบอกเธอตอนไหนไม่ทราบว่าจะปล่อย”
“นี่คุณ!! คนสับปลับ!!”
“ฉันบอกเธอแล้วนี่น่า ว่าให้พูดดีๆ กับฉัน เดี๋ยวก็ปล้ำมันซะในรถนี่เลยเป็นไง!!”หญิงสาวหน้าเผือดสี นั่งตัวสั่นโกรธเขาจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเมื่อชำเลืองมองใบหน้าแดงก่ำนั้น
“ไปส่งฉันที่บ้านเดี๋ยวนี้นะ!!” หญิงสาวแผดเสียงออกมาอีกครั้ง หากแต่อีกฝ่ายแค่เหลือบตามองแล้วเอ่ยเบาๆ
“บอกไม่ให้มาออกคำสั่งกับฉัน ทำตัวให้น่ารักสิ แล้วฉันจะปล่อยเธอไปแน่นอน นี่ฉันอุตส่าห์ใจดีพาเธอมาอยู่ใกล้บ้านอีกนิดนะนี่ แต่ถ้าเธอยังดื้อรั้นไม่เลิก ฉันก็จะพาเธอกลับไปที่เดิมอีกครั้ง และคราวนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้เจอหน้าคนที่เธอรักอีกตลอดชีวิต...”
ดวงหน้าหวานเผือดซีด และราวอุปาทานไปว่าใบหน้าคมคายซึ่งหันกลับมานั้นไม่หล่อเหลาเช่นเดิม ตรงกันข้ามกลับเหี้ยมเกรียมดุกระด้างเสียจนผิดกันราวคนละคน หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้น รู้สึกชิงชังอย่างบอกไม่ถูก และในขณะเดียวกันก็รู้สึกรังเกียจตัวเองมากขึ้นทุกขณะ ที่ยอมตกเป็นทาสพิศวาสให้เขาข่มแหงทั้งร่างกายและจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ชายหนุ่มเหลือบตามองคนที่เงียบไปแวบหนึ่ง สังเกตเห็นว่าหญิงสาวสงบสติอารมณ์ลงไปมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่ไว้ใจนั่นคือปฏิกิริยาอันเยือกเย็นจนดวงตาคมต้องหรี่มอง
หล่อน... กำลังคิดหาวิธีอะไรมาจัดการกับเขาอีกล่ะ คิ้วหนาขมวดมุ่นก่อนกระตุกยิ้ม เอาสิ! ดูซิ ว่าเขาหรือหล่อนกันแน่ ที่จะเป็นผู้ชนะ ชายหนุ่มเผยอยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะฮัมเพลงออกมาเบาๆ
หญิงสาวเหลือบตามองคนที่ฮัมเพลงขณะขับรถด้วยสายตาวาววับ คอยดูเถอะ หล่อนจะต้องแก้เผ็ดเขาให้ได้ ไม่มีโอกาสวันนี้ วันหน้าก็ต้องมีเข้าสักวัน ดีเหมือนกัน อย่างน้อยหล่อนก็อยู่ใกล้แม่ใกล้ร้าน และเมื่อเขาเผลอเมื่อไรหล่อนก็หนีง่ายกว่าที่เดิมหลายเท่า!