วันถัดมาสองสามีภรรยาก็พากันมาที่ศาลเจ้าเมจิ ซึ่งเป็นสถานที่ขอพรยอดฮิตในจังหวัดโตเกียว ตั้งอยู่ในย่านฮาราจุกุ โดยที่บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้สีเหลืองปนส้มเนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
ก่อนที่จะเข้าไปในศาลเจ้าจะต้องผ่านประตูเสาไม้ขนาดใหญ่ชื่อว่า เสาโทโรอิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกผู้ที่มาเยือนว่ากำลังจะก้าวเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
“ถ่ายรูปด้วยกันนะคะ”
คนตัวเล็กหันไปบอกร่างสูงข้างกายก่อนที่ทั้งคู่จะก้าวเข้าไปในเขตศาลเจ้าเมจิ เพราะอยากเก็บภาพบรรยากาศดี ๆ ของทั้งคู่ไว้เป็นที่ระลึก หากแต่คนชวนก็ต้องผิดหวังเมื่ออีกคนไม่เอาด้วย
“รีบเข้าไปเถอะ”
“ค่ะ” พยักหน้ารับแบบหน้าจ๋อย ๆ ก่อนที่จะเดินตามร่างสูงไปอย่างนึกเสียดาย ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
พอเดินเข้ามาก็เห็นว่าบรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้อุดมสมบูรณ์ แถมบรรยากาศยังเย็นฉ่ำและสดชื่น ทำเอาคนที่ชอบการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติอย่างอริญรดาถึงกับตื่นเต้นจนต้องยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศเอาไว้แบบรัว ๆ
“ว้าวถังสาเก”
เห็นถังสาเกที่วางเรียงรายมากมายเป็นแลนด์มาร์กของที่นี่ก็ดวงตาเป็นประกายวาววับ ไม่ขอร้องให้สามีมาถ่ายรูปคู่กันอีกเพราะกลัวเสียหน้าซ้ำสอง จึงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายเซลฟีเองไปหลายภาพหลายมุม โดยที่มีสามียืนมองดูด้วยสีหน้าเย็นชาติดเบื่อหน่าย
“เข้าไปข้างในกัน...”
“เดี๋ยวมา”
เมื่อหนำใจกับการถ่ายรูปถังสาเกแล้ว อริญรดาก็หันไปเอ่ยชวนคนที่ยืนรออยู่ ทว่ายังพูดไม่ทันจบเขาก็พูดสวนขึ้นมา ก่อนที่จะเดินยกหูโทรศัพท์มือถือออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ดและเลขาส่วนตัว ปล่อยเธอไว้ตรงนี้กับบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ
“คุณอินจะเข้าไปรอท่านก่อนไหมครับ?”
ไมล์ บอดี้การ์ดมือดีอีกคนเอ่ยถามอริญรดา เมื่อเห็นเธอยืนทำหน้าเศร้าสลดมองตามแผ่นหลังของสมิทธิ์ไปแบบไม่วางตา
“อินจะยืนรอค่ะ ไหน ๆ ก็รอตรงนี้แล้ว คุณไมล์ช่วยถ่ายรูปให้อินคู่กับถังสาเกพวกนี้หน่อยนะคะ เมื่อกี้ที่ถ่ายเซลฟีไปรูปไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่”
“ได้ครับ”
หลังจากที่ถ่ายรูปรออยู่นานหลายนาที อริญรดาที่คอยชะเง้อคอมองหาร่างของสามีหนุ่มก็เริ่มใจคอไม่ค่อยดี จนกระทั่งเห็นร่างสูงกำยำของบอดี้การ์ดอย่างเลโอเดินเข้ามาหา
“เฮียไปไหนเหรอคะคุณเลโอ ไม่เห็นกลับมาพร้อมกัน”
อริญรดาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเพียงบอดี้การ์ดกลับมาแค่คนเดียว ไร้เงาสามีและเลขาส่วนตัวอย่างปณต
“ท่านกลับไทยไปแล้ว พอดีว่ามีงานด่วนเข้ามาครับ”
“......”
“ท่านฝากผมมาบอกว่าคุณอินไม่จำเป็นต้องตามกลับไป อยู่พักผ่อนและเที่ยวต่อตามแพลนที่วางไว้ได้เลย ท่านมอบหมายให้ผมกับไมล์เป็นคนดูแลความปลอดภัยของคุณอินตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่แทนครับ”
“......”
ได้ยินดังนั้นอริญรดาก็ถึงกับไปไม่เป็น เธอไม่คิดว่าจะถูกสามีทอดทิ้งให้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง แม้จะมีบอดี้การ์ดคอยดูแลปกป้องแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับการไม่มีเขา ผู้ซึ่งเป็นสามี
“แล้วก็นี่ครับ ท่านฝากแบล็กการ์ดมากับผมให้คุณอินใช้ระหว่างที่อยู่ที่นี่”
“เขาจะไม่กลับมาแล้วใช่ไหมคะ?”
“คงจะเป็นอย่างนั้นครับ”
“ขอบคุณค่ะ อินฝากบอกเขาด้วยนะคะว่าจะใช้ให้หนำใจเลย”
รับแบล็กการ์ดมากำไว้แน่น กัดฟันสะกดกลั้นความเสียใจระคนน้อยใจเอาไว้ พยายามเข้าใจว่าเขากลับไปทำงาน จากนั้นก็หมุนตัวเดินตรงไปที่อาคารหลักของศาลเจ้า
ในเมื่อไม่มีคนอยู่ขอพรเคียงคู่กันเธอก็จะไม่ง้อ เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไป ความตั้งใจที่จะมาขอพรที่นี่ของเธอยังมีอยู่ แม้ไม่มีเงาของสามีก็ตาม
ล้างมือล้างปากเพื่อชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกายตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นเสร็จ ก็เดินเข้าไปขอพรภายในศาลเจ้าต่อ
เมื่อขอพรภายในอาคารหลักของศาลเจ้าเรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก็เดินมาที่ซุ้มแขวนแผ่นไม้ Ema สำหรับขอพร อริญรดาไม่รอช้ารีบจัดการซื้อแผ่นไม้มาแล้วเขียนคำขอพรลงไป พอเขียนเสร็จก็นำไปแขวนไว้ใกล้ ๆ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
‘ขอให้สามีรักบ้างสักนิดก็ยังดี’
มองดูคำขอพรจากลายมือของตัวเองบนแผ่นไม้พร้อมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างกล้ำกลืนฝืนทน ก่อนที่จะเดินออกจากศาลเจ้าแห่งนี้ มุ่งตรงไปยังสถานที่ถัดไป ซึ่งก็คือสวนเมจิจิงกูไกเอ็น ที่มีถนนอุโมงค์ต้นแปะก๊วยสีเหลืองอร่าม ซึ่งสีสันดูสวยงามใช่ย่อย
อริญรดาใช้เวลาอยู่ที่สวนเมจิจิงกูไกเอ็นเพื่อชมเชยและถ่ายรูปกับต้นแปะก๊วยอยู่เกือบราวหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะไปเดินช็อปปิ้งต่อที่ห้าแยกชิบูย่าด้วยหัวใจที่เหี่ยวเฉา เพราะถึงแม้จะมีบอดี้การ์ดคอยเดินตามอารักขาอยู่แบบไม่ห่าง แต่เธอก็รู้สึกโดดเดี่ยวและว้าเหว่อยู่ดี
“คุณเลโอกับคุณไมล์ไปหาอะไรทานกันก็ได้นะคะ เดี๋ยวอินทานราเม็งที่ร้านนี้”
หญิงสาวเอ่ยบอกบอดี้การ์ดทั้งสองอย่างเห็นใจ เพราะพวกเขาคอยเดินตามดูแลเธอตลอดเวลา จนไม่มีเวลาได้เป็นส่วนตัว
“ไม่เป็นไรครับ พวกผมไม่หิว”
“แล้วไม่อยากเข้าห้องน้ำกันบ้างหรือไงคะ อินเห็นพวกคุณเอาแต่ดูแลประกบอินแบบไม่ห่างเลย ไม่ต้องปลดทุกข์กันเหรอคะ?”
ได้ยินเจ้านายสาวถามมาดังนั้นบอดี้การ์ดทั้งสองคนก็หันมองหน้ากันแบบไม่ได้นัดหมาย ใช่ว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกอย่างว่า แต่ภาระหน้าที่มันค้ำคอจนไม่อาจทิ้งเจ้านายไปได้
“คุณอินเข้าไปในร้านเถอะครับ พวกผมจะเฝ้าอยู่ด้านหน้าร้าน”
“ไปทำธุระส่วนตัวของพวกคุณให้เรียบร้อยเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงอิน พวกคุณคลาดสายตาจากอินแค่ไม่กี่นาทีคงไม่มีใครมาทำอันตรายอินหรอกมั้งคะ”
ได้ยินเจ้านายสาวเอ่ยมาแบบนั้นก็หันมองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะตกลงกันผ่านทางสายตาอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเจ้านายสาว
“งั้นผมขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ” ไมล์ที่กระเพาะปัสสาวะเริ่มรองรับน้ำไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเอ่ยออกมา
“ตามสบายค่ะ”
“ปณตโทรมา ผมขอรับสายแป๊บหนึ่งครับ”
เสียงสายเรียกเข้าของเลขาส่วนตัวของเจ้านายใหญ่ ทำให้เลโอต้องขอหลบไปคุยโทรศัพท์มือถือห่างจากตรงนี้ นั่นเลยทำให้อริญรดาต้องยืนอยู่ ณ ตรงนี้โดยลำพัง
คล้อยหลังบอดี้การ์ดทั้งสองที่ชะล่าใจ อริญรดาที่ควรจะเดินเข้าร้านราเม็งไปกลับเปลี่ยนใจเบนฝีเท้าตรงดิ่งไปทางอื่นแทน เพราะเธออึดอัดที่ต้องมีคนคอยตามประกบแบบไม่ห่างอย่างนี้ แม้จะอุ่นใจที่มีคนอยู่ด้วยแต่เธอขออยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบมีอิสระเสียยังจะสบายใจกว่า
อริญรดาเดินหลบมาตามตรอกซอกซอยเพราะอยากหลีกเลี่ยงจากบอดี้การ์ดทั้งสอง ทว่าเธอก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อมาเจอกับอันธพาลญี่ปุ่นสองคนที่กำลังยืนสูบบุหรี่พ่นควันสีขาวฟุ้งอยู่
อันธพาลสองคนนั้นเมื่อเห็นอริญรดาก็ดวงตาลุกวาวด้วยความชอบใจ เห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยหลุดลอดเข้ามาใกล้ก็อดที่จะเข้าไปลวนลามไม่ได้ จึงรีบตรงปรี่เข้ามาพยายามแทะโลมและคุกคามหญิงสาวด้วยท่าทีกร่างและน่าเกรงขาม ทำเอาร่างบางถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนกตกใจ
มือหยาบกร้านคว้าหมับที่ข้อมือเล็ก ออกแรงฉุดกระชากคนร่างเล็กแทบปลิวเข้าไปประชิดตัว ส่วนอีกคนก็พยายามสัมผัสใบหน้าขาวนวล โชคดีที่บอดี้การ์ดร่างกำยำทั้งสองรู้ตัวก่อนว่าเจ้านายสาวได้หายตัวไป จึงช่วยกันออกตามหา และทั้งคู่ก็มาพบเจอเข้าซะก่อน
เลโอรีบเข้าไปกระชากตัวอันธพาลที่พยายามสัมผัสใบหน้านวลออก ส่วนไมล์ก็ยกเท้าเตะร่างหนาของอันธพาลที่กุมมือคนตัวเล็กอย่างแรงจนล้มลงไปนอนกองที่พื้น
จากนั้นบอดี้การ์ดทั้งสองที่ร่างกายกำยำกว่าอันธพาลทั้งสองมากก็จัดการกระทืบจนสองร่างนอนเลือดอาบและสะบักสะบอมคาพื้น
อริญรดายืนเอามือปิดหน้าด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้มไปทั้งตัว หูได้ยินเสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังระงมไม่พักจนกระทั่งเงียบไป
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับคุณอิน?”
เมื่อจัดการกับอันธพาลทั้งสองเรียบร้อยแล้วก็รีบเข้าไปดูอาการของเจ้านายสาว เธอจึงค่อย ๆ เอามือออกและเอ่ยตอบไปด้วยเสียงกระท่อนกระแท่นและสั่นเครือ ไม่กล้าปรายตาไปมองสองร่างที่นอนแน่นิ่งบนพื้น
“มะ..ไม่ค่ะ”
“กลับโรงแรมกันเถอะครับ”
หลังจากนั้นสองบอดี้การ์ดก็พาเจ้านายสาวกลับไปพักผ่อนและสงบสติอารมณ์ที่โรงแรม คนที่สติแตกกระเจิงจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้พอมาถึงห้องพักก็ผล็อยหลับไปทันที
เมื่อส่งเจ้านายสาวเข้าห้องพักเรียบร้อย เลโอก็ปลีกตัวออกไปโทรรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ้านายอย่างสมิทธิ์ได้รับรู้
“คุณอินถูกอันธพาลลวนลามครับ โชคดีที่พวกผมเข้าไปช่วยไว้ได้ทันซะก่อน”
[...เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า]
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่ได้รู้สึกใด ๆ กับสิ่งที่ได้ยิน หากแต่ภายในทรวงอกกลับร้อนรนเป็นไฟ
“ตามร่างกายไม่มีอะไรบาดเจ็บ แต่น่าจะเสียขวัญอยู่พอสมควรครับ แต่ท่านไม่ต้องห่วงเพราะผมกับไอ้ไมล์จัดการพวกมันจนเละไม่เป็นท่าแล้วครับ”
[อืม อย่าปล่อยให้ใครเข้าใกล้เธอแบบนี้อีก]
“ครับ ขอโทษครับท่าน”
[แค่นี้แหละ ฉันจะเข้านอนแล้ว]
“ครับผม”
เลโอรายงานให้เจ้านายรับทราบเสร็จก็วางสายไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝั่งเจ้านายของตัวเองกำลังกำโทรศัพท์มือถือแน่นพลางกัดฟันกรอดจนสันกรามนูนเด่น ดวงตาคมกริบฉายแววดุดันและแข็งกร้าว...