ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนที่ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กๆ รวมทั้งฉันที่ดูเหมือนจะงงหนักกว่าคนอื่นๆ เขา ต่อภาพตรงหน้าที่ดูยังไงมันก็ไม่ใช่กริยาที่มาจากธรรมชาติ ไฮโซกลุ่มหนึ่งเดินลงจากรถคันหรูนั้นมา พร้อมกับของบริจาคที่มากกว่าจำนวนคน ฉันไม่รู้ว่าเขาเอามาจากไหน หรือสมทบทุนกับใครรึเปล่า แต่เท่าที่รู้และตามองเห็นนั้น คนกลุ่มนี้ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาทำบุญเลย แม้แต่นิดนึงฉันคิดว่าคงไม่มี เพราะแต่ละคนแสดงทีท่ารังเกียจเด็กๆ ออกมาอย่างเห็นได้ชัด โดยการบีบจมูกของตัวเอง ไม่สนว่าเด็กๆ ที่มองอยู่จะรู้สึกยังไง
มากไปกว่านั้น หนึ่งในสี่ไฮโซเดินไปเปิดท้ายรถ ที่กองเต็มไปด้วยของบริจาคที่มีตั้งแต่เสื้อผ้ายันของจำเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ขาดไปไม่ได้คือขนมนมเนย แล้วสั่งให้เด็กๆ ต่อแถวกันเข้าไปรับมา ฉันยืนมองอยู่ตรงนี้ ซึ่งแน่นอนยิ้มให้ตามมารยาท แต่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอทุกๆ ช็อต ทุกๆ การกระทำที่พวกเขาทำด้วย ไม่ห่วงเลยว่าเด็กๆ จะร้อน หรือยืนจะเหนื่อยมั้ย
“โอเคไหม รูปฉันออกมาสวยรึเปล่า”
“แกอะสวย แต่เด็กพวกนี้สิ ไม่ยิ้มเลย โอ๊ย เสียรูปหมด”
“นี่! หนูๆ จ๋า ยิ้มหน่อยสิคะลูก ไม่ดีใจเหรอ ที่พวกพี่ๆ เอาขนมมาให้”
อย่าบอกนะ ว่าตั้งใจจะมาสร้างภาพลงอินเตอร์เน็ตกันน่ะ ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ .. โอ๊ยบ้าไปแล้ว!
“ฉันว่าพวกคุณเข้ามาถ่ายข้างในกันดีกว่าไหม สงสารน้องๆ นะคะ คงจะร้อน”
ฉันตัดสินใจโพล่งออกไปด้วยความรู้สึกที่ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หลังจากที่เห็นแล้วว่า แม่เมตตาและแม่คนอื่นๆ คงเกรงใจ จนไม่กล้าที่จะพูด
“ไม่ล่ะค่ะ พวกเราไม่มีเวลาหรอก บริจาคของถ่ายรูปเสร็จ ก็จะไปแล้วล่ะค่ะ ต้องไปบริจาคที่อื่นต่อ”
อ่อ.. พอจะเข้าใจแล้ว นี่ถ้าให้ฉันเดา คงจะมาเพราะบริษัทเขาสั่งให้มา ไม่ก็เป็นเน็ตไอดอลดังๆ ในโซเชียลอะไรทำนองนั้นสินะ บอกตรงๆ เพราะฉันก็คุ้นหน้าเธออยู่
“อ่อค่ะ แล้วไม่ทราบว่าเสร็จหรือยังคะ พอดีถึงเวลาที่น้องๆ ต้องทานข้าวแล้ว”
ที่ผ่านมา คนที่จะเข้ามาบริจาคสิ่งของเขาจะรู้แก่ใจดีนะว่าน้องๆ พวกนี้ เขาไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่ละคนมีโรคประจำตัวทั้งนั้น หากจะมาบริจาคของกัน ต้องโทรมาบอกก่อนล่วงหน้าเพื่อที่ทางเราจะได้เตรียมการเอาไว้ แต่ถ้ามากะทันหันอย่างเช่นกลุ่มนี้ เขาก็จะมีเวลามากพอ ที่จะทำกิจกรรมร่วมกัน โดยที่ไม่ทำให้น้องๆ ต้องเหนื่อยเลย
แต่นี่...มันคืออะไรอ่ะ?
“นี่คุณ ถ้าเด็กคุณร้อน ฉันก็ร้อนเหมือนกันล่ะน่า ฉันมาบริจาคของนะคะ ของพวกนี้ก็เป็นของจากแฟนคลับฉันด้วย ถ้าไม่ถ่ายรูปไปลงในโชลเชี่ยลไว้เป็นหลักฐาน เขาจะเชื่อไหมละคะ ว่าฉันมาบริจาคจริงๆ ชิ.. ถามซอกแซกอยู่ได้”
อ่อ.. อย่างนี้นี่เอง!
“ค่ะ ฉันเข้าใจดี แต่เด็กๆ พวกนี้เขาไม่เหมือนเด็กทั่วไปนะคะ เขาจะบอบบางและป่วยง่าย ทางที่ดี ฉันว่าเข้าไปข้างในจะดีกว่า อย่ามายืนตากแดดแบบนี้เลย แดดแรงนะคะคุณ แล้วเด็กก็ยืนนานเกินไปแล้วด้วย”
ฉันพยายามเป็นอย่างมากเท่าที่ฉันจะทำได้ เพราะฉันเข้าใจหัวอกน้องๆ และแม่ทั้งสามคนเป็นอย่างดี ว่าพวกเขานั้นอยากพูดแบบที่ฉันกำลังพูดอยู่ใจจะขาด แต่ทว่า.. คนพวกนี้กลับไม่เข้าใจฉันเลย
“เรื่องมากจังเลยนะคะ”
เพราะเธอคนเดิมหันมาเหน็บฉัน ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในอย่างที่ฉันขอร้อง แต่ทว่า..ในจังหวะที่เดินเธอชนฉันด้วย จนทำให้ฉันที่ยืนไม่แข็งพอในทีแรก ถอยเซไปโดนน้องฟ้าที่ยืนถือขนมอยู่ล้มลงตามกัน
และนั่นทำเอาฉันเลือดขึ้นหน้าเลยทันที ชักสีหน้าใส่อย่างคนไม่พอใจกลับไป แต่ทว่า.. แทนที่คนชนจะรู้สึกผิด เธอกลับยักไหล่กลับมาซะงั้น
“อุ๊ย..โทษนะคะ อากาศมันคงจะร้อนน่ะ ฉันเลยหน้ามืดเซไปชนเธอ..”
ก่อนจะเดินนำพรรคพวกที่เหลือเข้าไป อย่างไม่สนใจไยดีฉันและเด็ก ให้ตายเถอะ! แบบนี้ก็มีด้วย!
“น้องฟ้า เป็นอะไรไหมคะ ลุกไหวรึเปล่า”
“ไม่ค่ะพี่นิน น้องฟ้าไม่เป็นอะไร พี่นินเจ็บไหมคะ อุ๊ย..แขนที่นินเลือดออก”
อาจจะเป็นเพราะน้องฟ้าทักท้วง ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาตรงบริเวณข้อศอกเลยทันที ก้มลงไปดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปยิ้มกว้างๆ ให้กับเธอ แล้วส่ายหน้าไปมา
“ไม่เป็นไรจ้ะ เมื่อกี้ตอนล้มคงจะกระแทกพื้น ลุกเถอะค่ะ เข้าไปข้างในก่อนดีกว่า ตรงนี้แดดมันร้อน”
“พี่นินไปทำแผลด้วยนะคะ เดี๋ยวน้องฟ้าไปเอาขนมตรงโน้นก่อน”
“จ๊ะ ไปเถอะ”
พูดจบเธอก็วิ่งตามแม่เมตตาและคนอื่นๆ เข้าไป