HUNTED STEP 05-01
COFFEE BEAK
17.25 น.
“เธอลองชิมเค้กนี่สิ ฉันคิดสูตรเอง ถ้าไม่อร่อยให้บ้วนใส่หน้าฉันได้เลย”
“นายจะเอาอะไรมาให้ฉันกินเยอะแยะเนี่ย”
ฉันนั่งมองของหวานบนโต๊ะด้วยความเหนื่อยใจ องศามีลูกอ้อนสารพัดให้ฉันชิมนั่นชิมนี่ในร้านกาแฟของเขา มีทั้งลาเต้ร้อน ลาเต้เย็น เค้กชาเชียว เค้กครีมสด เครปเค้ก เค้กช็อกโกแลต วางเรียงกันสวยงามน่าลิ้มลอง ทว่าหลังกลับจากคลินิกเขาพาฉันแวะกินข้าวแล้วน่ะสิ
“ชิมเถอะนะ อยากให้เธอชิม”
สายตาหวานละห้อยมองมาที่ฉันด้วยท่าทางแสนงอน
“โอเคๆ นายเลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว”
ปลายช้อนตัดลงที่เนื้อเค้กครีมสดเป็นชิ้นแรก แต่แล้วยังไม่ทันที่จะเอาเข้าปากมันดันตกลงบนหน้าตักของฉันเสียก่อน ฉันคงตักเร็วไปทำให้มันหล่นแบบนั้น มือซ้ายรีบคว้ากระดาษทิชชูเพื่อมาเช็ดบริเวณที่เลอะ ทว่า..
ซ่า..
และด้วยความรีบอีกเช่นกันทำให้ฉันไม่ทันมอง รีบคว้ากระดาษทิชชูจนกวาดเอาแก้วลาเต้เย็นตกลงมาที่หน้าตักฉันจนมันเลอะเปียกไปหมดแล้ว
“ซุ่มซ่ามจังเธอนี่ มานี่มา”
องศาหยิบกล่องกระดาษทิชชูก่อนที่เขาจะเคลื่อนตัวมานั่งยองๆข้างฉัน มือใหญ่จัดการเช็ดหน้าขาที่เปียกให้ จริงๆฉันจะลุกจากเก้าอี้นี้แล้วทำเองก็ได้ หากเขาไม่มานั่งดักทางไว้แบบนี้ล่ะก็นะ ฝั่งหนึ่งเป็นกระจกร้าน อีกฝั่งเป็นองศา จะให้ฉันลุกหนีได้ยังไง ปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกัน
“พอแล้ว มันออกหมดแล้วนายจะเช็ดอะไรขาฉันนักหนา”
“ขาเธอเนียนดี เดี๋ยวฉันทำลาเต้เย็นให้เธอชิมใหม่”
“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็เยอะแล้ว นายไปนั่งบนเก้าอี้ดีๆสิมานั่งแบบนี้ทำไม”
หน้าหล่อทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะโน้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว
จุ๊บ
“ทำบ้าอะไรของนาย!”
อยู่ๆก้มลงมาจูบขาฉันทำไมไม่ทราบ เขาทำแบบนี้ไม่อายเด็กในร้านบ้างเหรอ ทำตัวรุ่มร่ามแบบนี้ฉันไม่ชอบ ก็อย่างที่บอกว่าไม่ชอบให้ใครมารุกถ้าฉันอยากได้ฉันจะรุกเอง
“เธอโกรธเหรอ ขอโทษที”
องศาหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อฉันตีหน้านิ่งใส่เขา ในที่สุดเขาก็ลุกไปนั่งที่เก้าอี้สักที น้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถูพื้นที่ฉันทำน้ำหกทันทีที่องศาลุกออกไป
“องศา ฉันอยากกลับคอนโดแล้วล่ะ”
“ชิมก่อนสิ อย่างละหน่อยก็ยังดี ฉันอยากให้เธอชอบสิ่งที่ฉันทำ”
หน้าตาเขาดูจริงจังขึ้นมาจนฉันไม่อยากปฏิเสธน้ำใจเขาอีก ก็แค่ตักเข้าปากเนอะ ฉันตักเค้กแต่ละชิ้นเข้าปากอีกครั้ง ถ้าให้พูดถึงรสชาติแล้วล่ะก็...อร่อยนะ มันก็อร่อยเหมือนเค้กทั่วไปที่ขายในราคาประมาณนี้ ไม่หวานเลี่ยนเกินไป กินง่ายดี
“ฉันต้องวิจารณ์รสชาติให้นายฟังด้วยรึเปล่า”
เห็นเขาจ้องหน้าฉันตั้งแต่ตักเค้กชิ้นแรกเข้าปากแล้ว เลยถามออกไปเพื่อความมั่นใจ ว่าเขารอคำตอบอะไรอยู่
“อ่า อยากรู้แค่ว่าเธอชอบไหม?”
“ก็ชอบนะ อร่อยดี”
“แล้วเธอชอบฉันด้วยไหม?”
“ไม่ชอบหรอก”
“ว๊า...ใจแข็งชะมัด”
ฉันนั่งพูดคุยต่ออีกนิดหน่อยจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว องศาจึงพาฉันไปส่งที่คอนโด โดยระหว่างทางเขาชวนฉันคุยสารพัด
“นายนี่พูดเก่งเหมือนกันนะ พูดไม่หยุดเลยองศา”
“ได้นอนกอดเธอเมื่อคืนแล้วมีพลังมั้ง”
“พอฉันไม่ว่าก็ได้ใจใหญ่เลยนะนายน่ะ”
หน้าหล่อหันมายิ้มหวานให้แทนคำตอบ จะว่าไปแล้วองศาน่าจะเป็นผู้ชายในสต๊อกที่ฉันเปิดโอกาสให้เข้าใกล้ตัวเองมากที่สุดเลยนะ เขาได้สิทธิมากกว่าคนอื่นแต่ฉันให้เขาเป็นได้แค่นี้ล่ะ หัวใจของฉันมันถูกปิดตายไปตั้งแต่วินาทีที่พี่ซีทำเรื่องเลวๆกับฉันแล้ว
พอนึกถึงพี่ซีขึ้นมา ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่ซียังคงง้อฉันแบบนี้อยู่ ตั้งแต่เกิดเรื่องเขายังคงพยายามติดต่อฉันจนน่ารำคาญ ไม่รู้ว่าพี่ซีคิดอะไรอยู่กันแน่ เขาคิดว่าการง้อฉันเป็นปีๆแล้วฉันจะใจอ่อนยอมคืนดีกับเขาจนลืมเรื่องที่เขาทำกับฉันเหรอ? ไม่มีทาง
“เธอกลับมากรุงเทพทำไมไม่สดใสเหมือนตอนอยู่ทะเลเลย เมื่อคืนเธอดูสดใสกว่านี้นะ เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่า แต่กลับมากรุงเทพก็ต้องทำงานไง งานมีปัญหาฉันเลยไม่ค่อยได้พักเที่ยวไหนเลย”
“ปัญหาเรื่องคนแพ้เครื่องสำอางก็จบด้วยดีแล้วไง มีปัญหาอะไรอีกล่ะ”
“ฉันต้องกู้ชื่อเสียงคืนมาน่ะสิ”
“โอเค งั้นเธอทุ่มเทกับงานของเธอให้เต็มที่เลย ฉันจะพาเธอพักเอง อยากเที่ยวไหนให้บอกฉัน อยากกินอะไรก็ให้บอก ฉันจะพาเธอไปเอง โอเคไหม?”
ฉันพยักหน้าตอบไปส่งๆ เขาคงไม่ตามติดฉันไปได้นานหรอกองศาน่ะ ถ้าฉันไม่เล่นด้วยแบบนี้ไม่นานเขาคงหายไป ผู้ชายเวลามันอยากได้มันก็ดีแบบนี้ทุกคนนั่นแหละ
“จะทุ่มหนึ่งแล้วเหรอเนี่ย”
ท่ามกลางรถติดนับครึ่งชั่วโมง ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลาและตอบไลน์หนุ่มๆอย่างเช่นทุกที ทำให้บทสนทนาระหว่างฉันและองศาเงียบลงเพราะฉันมัวแต่สนใจคนในไลน์มากกว่า
“วันนี้ไม่เห็นแฟนเก่าเธอโทรมาเลยเนอะ”
ฉันชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเขา..
“ก็ดีแล้วนี่ เขาคงทำงานแหละ”
“มันไม่ได้อยากจะง้อเธอจริงๆหรอก คนอย่างนั้นถ้าต้องการง้อเธอจริงๆมันจู่โจมเธอได้ไม่ยากเลย อยากง้อแต่มีปัญญาทำได้แค่โทร แค่สิงอยู่หน้าห้องแบบนั้นเองเหรอ เหอะ ผ่านมากี่เดือนกี่ปีแล้วทำได้แค่นั้นอย่าเรียกว่าง้อเลยดีกว่า”
“ฉันไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้ามาหาเองต่างหาก”
เมื่อพูดถึงบุคคลที่สามให้เป็นประเด็นขึ้นมา ฉันจึงวางโทรศัพท์ลงบนตักด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายในทันที หลายต่อหลายคนอยากจะรู้เรื่องราวระหว่างฉันกับพี่ซี ซึ่งฉันเองไม่เล่าให้ใครฟังหรอก เขามีชื่อเสียง ไม่อยากให้เขาดูเสียหาย
“เธอน่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นซะก็จบ อยู่นั่นมันก็ไปหาได้อยู่ดี”
“คิดว่าเขาจะหาฉันไม่เจอเหรอ แล้วพอเขาหาเจอฉันต้องหนีเขาไปเรื่อยๆหรือไง แค่นี้เขาก็ทำให้ชีวิตฉันยุ่งยากพอแล้ว”
“ถ้าไม่มีมันสักคน ชีวิตเธอคงสงบกว่านี้เนอะ แต่เธอมีฉันนะแอมแปร์”
องศายังคงเสนอตัวให้ฉันไม่รู้ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ ฉันเองไม่ได้ตอบอะไรเพราะใกล้ถึงคอนโดพอดีจึงเตรียมตัวเก็บทุกอย่างลงกระเป๋า
“จอดข้างล่างก็ได้”
“ไม่เอา เดี๋ยวฉันถือของไปเก็บให้”
เขาเลี้ยวขึ้นลานจอดรถไปยังชั้นที่ฉันอยู่ด้วยความคล่องแคล่ว เมื่อหาที่จอดรถได้แล้ว องศาก็ลงมาขนกระเป๋าเป้ของฉันไปสะพาย รวมถึงดึงกระเป๋าสะพายติดตัวฉันไปถือด้วย ฉันไม่ชินกับอะไรแบบนี้เลยจริงๆ กับการต้องให้ผู้ชายคอยถือของให้แม้กระทั่งกระเป๋าใบเล็กๆที่สะพายติดตัว
“ฉันถือเองดีว่า”
“ไม่เป็นไร ไปกันได้แล้ว ฉันปวดฉี่ด้วยเนี่ย”
องศาเอื้อมมือมากุมมือฉันไว้แล้วจูงเดินเข้าไปยังตัวคอนโด
“จะว่าไป นายเข้าออกคอนโดฉันตามใจตัวเองแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำตัวเป็นแฟนฉันขึ้นทุกวันแล้วนะนายน่ะ”
“ฮ่าๆ ได้แค่นี้ก็โอเคแล้วนะ ฉันเป็นอะไรสำหรับเธอก็ได้หรอก ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้วมันจะดีเอง”
ฉันได้แต่ถอนหายใจใส่เขาแล้วเหม่อมองตามทางไปเรื่อย แล้วขาฉันต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่ซีนั่งอยู่หน้าประตูห้องของฉันอีกแล้ว... เขาจะรู้ไหมว่ายิ่งเขาตามระรานแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันอึดอัด
องศากระชับมือแน่นขึ้นแล้วพาฉันเดินตรงไปอย่างไม่รีรอ นี่ก็อีกคน ทำไมชอบพาตัวเองมาเอี่ยวกับเรื่องของฉัน ทำไมเขาถึงไม่กลัวเดือดร้อนอะไรเลย
“อย่าทะเลาะกับเขาอีกนะองศา พูดกับพี่ซีดีๆ วันนี้ฉันเหนื่อย อยากเข้าไปพักแล้ว”
แอบบอกเขาระหว่างทางเพราะกลัวเหลือเกินว่าจะทะเลาะกัน อีกคนก็แฟนเก่าที่ตื๊อไม่เลิก ส่วนอีกคนก็ออกตัวว่าเป็นแฟนใหม่ต่อหน้าแฟนเก่า
“จะพูดดีกับมันทำไม ไม่ใช่พ่อฉันนี่”
“องศา!”
ไม่ทันที่จะปรามเขาต่อ เราก็พากันมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่ซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หลบหน่อย จะพาแฟนเข้าห้อง”
สิ้นเสียงทุ้มขององศาที่เปล่งออกไปอย่างหาเรื่อง พี่ซีก็เปรยหางตามามองที่ฉันเล็กน้อย
“นี่ห้องกู กูซื้อให้เมียกู”
พี่ซีเองก็ใช่จะยอมใครเป็นที่ไหน...
“เมื่อก่อนอะใช่ แต่ตอนนี้อะเมียกู!”
ฉันคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองจากไหล่องศาก่อนจะควานหาคีย์การ์ดและแตะมันลงที่แท่นสแกนหน้าห้องโดยไม่สนใจผู้ชายสองคนตรงหน้า ทันทีที่ประตูปลดล็อก ฉันจึงเปิดเข้าไปและปิดมันลงอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะเรียกใครเข้ามา ทว่าองศาดันมันไว้ทันและแทรกตัวเองเข้ามาอยู่ภายในห้อง
ของฉันจนได้
บอกเขาแล้วใช่ไหมให้พูดดีๆ อย่าทะเลาะกัน ในเมื่อไม่คิดจะฟังฉัน แล้วฉันจะแคร์เขาทำไม นี่นับว่าโชคดีนะที่เขาดันประตูเข้ามาได้ทัน ถ้าไม่อย่างงั้นฉันก็จะปล่อยให้กัดกันอยู่ข้างนอกนั่นแหละ
“เอากระเป๋าเป้วางแล้วนายก็กลับไปได้แล้วองศา”
“เธอ..โกรธฉันเหรอ?”
“ไม่โกรธ แต่ไม่สนใจต่างหาก”
องศาทำหน้าเบะเหมือนเด็กก่อนจะเดินปรี่เข้ามาหาพร้อมกางอ้อมแขนเตรียมกอด
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ปวดฉี่ไม่ใช่เหรอ รีบไปฉี่ไป”
“ทำไมเธอต้องดุฉันด้วยล่ะ ไม่สงสารฉันเหรอ เธอบ่นเหนื่อยฉันก็เหนื่อยนะพาขับรถกลับมาเนี่ย แต่เพราะมีเธออยู่ด้วยฉันเลยไม่บ่น แล้วเนี่ย เธอเมินใส่ฉันแบบนี้ฉันเสียใจนะ”
“นายนี่มัน...เฮ้อ..โอเคๆ ให้กอดทีหนึ่งแล้วรีบกลับเลยนะ”
ใช่ว่าฉันใจอ่อนยอมให้เขากอดง่ายๆอะไรแบบนั้นนะ แต่ฉันรำคาญ! เขาสรรหาโน่นนี่มาพูดด้วยน้ำเสียงงุ้งงิ้งเป็นเด็กอยู่ได้
อ้อมแขนกว้างโอบกอดฉันแน่นก่อนที่เขาจะอุ้มฉันแล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟาโดยที่ฉันนอนทับเขาอยู่ด้านบน
“อย่าเพิ่งลุก ขอกอดอีกหน่อย พอดียืนกอดแล้วมันเมื่อยหลัง”
“ได้คืบจะเอาศอกนะ”
“เอ้า เธอบอกให้กอดทีหนึ่งแต่ไม่ได้บอกว่ากอดนานเท่าไหร่ นี่ฉันยังไม่ปล่อยเท่ากับว่ายังกอดเธอทีแรกอยู่”
เป็นผู้ชายที่กวนประสาทที่สุด ยิ่งเวลาเขาพูดไปด้วยยิ้มไปด้วยมันยิ่งน่าหมั่นไส้เหลือเกิน
ฉันผงกหัวมองหน้าของเขาอยู่ด้านบน มันเป็นมุมที่เราใกล้กันมาก
“นายไม่ฉีดน้ำหอมบ้างเหรอ?”
เมื่อไม่ได้กลิ่นน้ำหอมฉันจึงไถ่ถามออกไป ฉันเป็นคนชอบสังเกตกลิ่นน้ำหอมของคนอื่น แล้วก็ลุคการแต่งหน้าของผู้หญิง เผื่อมันจะได้ไอเดียมาปรับกับงานของตัวเองได้บ้าง ทำให้ติดนิสัยตรงนี้มา
“ฉีดเวลาออกไปข้างนอก แต่วันนี้ไม่ได้ฉีด มันหมดแล้วยังไม่ได้ซื้อเลย ฉันไม่รู้จะซื้ออันไหนดีเพราะฉันไม่ชอบใช้น้ำหอมซ้ำกลิ่น”
“แสดงว่านายยังไม่เจอน้ำหอมกลิ่นที่ชอบจริงๆมากกว่า ถ้าเจออะไรที่เป็นตัวนายแล้วนายจะไม่เปลี่ยน น้ำหอมนี่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเหมือนกันนะ เคยไหมได้กลิ่นน้ำหอมใครสักคนแล้วรู้ว่าเป็นใครโดยไม่หันไปมองอะ นั่นแหละเสน่ห์น้ำหอม”
“ฉันเลือกอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเป็นหรอก ดมแล้วหอมก็ซื้อเลย”
“แล้วนี่จะเลิกกอดฉันได้รึยัง?”
“ยัง”
เปลือกตาหนาปิดสนิทพร้อมรอยยิ้มแสนกวนในแบบฉบับของเขา สายตาเหลือบมองนาฬิกาฉันจึงกำหนดเวลาเอาไว้ในใจ ฉันให้เวลาเขากอดต่อไปอีกสิบนาทีเท่านั้น แทนคำขอบคุณที่เป็นธุระให้หลายๆอย่าง
ฉันซุกหน้าลงที่แผงอกของเขาอย่างจำใจ ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะฆ่าเวลาไปเรื่อยจนกว่าจะครบกำหนดเวลาที่ฉันกำหนดไว้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันซุกซนกับผู้ชายแบบนี้ เพียงแต่องศาคงจะเป็นผู้ชายที่มีพิษภัยต่อฉันน้อยที่สุดแล้วล่ะ