AMPARE TALK
ท่ามกลางแสงสีเสียงดังกึกก้องของไนท์คลับชื่อดัง ฉันพาตัวเองมานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ประจำ นั่งมองเหล่าผู้ล่าราตรีทั้งหลายออกสเตปกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เหล้ามาร์ตินี่หลายต่อหลายแก้วที่ฉันดื่มมันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกมึน
ถ้าถามว่าฉันมานั่งดื่มกับใครแล้วล่ะก็ ฉันมาที่นี่คนเดียว...
ก็เหมือนอย่างทุกครั้งนั่นแหละ ฉันไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ไม่มีครอบครัวอยู่ที่ไทย เมื่อก่อนฉันมีเพื่อนนะ มีเยอะด้วย แต่เพราะฉันติดแฟนมากเกินไปจนฉันทิ้งทุกอย่างแล้วอยู่กับเขา เขาที่ตอนนี้กลายเป็นแฟนเก่าไปแล้ว
“ผมขอเลี้ยงเหล้าได้ไหมครับ?”
ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูแบดบอยเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างฉันอายุน่าจะแก่กว่าฉันนิดหน่อย
“ได้สิคะ”
ฉันเชื้อเชิญเขาให้มานั่งเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาก็เท่านั้น การที่มีผู้ชายเข้าหาแบบนี้สำหรับฉันมันกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ความสัมพันธ์ฉาบฉวยพวกนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เพราะพวกเขามันก็แค่ของเล่นแก้เหงาให้ฉันก็เท่านั้น
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ ฉันมาคนเดียว”
เสียงเพลงดังจนเราสองคนต้องยื่นหน้ามาใกล้กันเพื่อพูดคุย มันเป็นการกระซิบข้างหูประกอบกับเสน่ห์อันแพรวพราวของทั้งฉันและเขา ที่สายตาเขาสื่อถึงเจตนารมณ์ของตัวเองชัดเจนว่าคืนนี้ฉันต้องตกเป็นของเขา
แต่ขอโทษที คิดจะได้ฉันมันไม่ง่าย!
“สวยๆอย่างนี้มีแฟนรึยังครับ คุณ...?”
เสียงนุ่มพูดจาไพเราะตามแบบฉบับเพลย์บอยทั่วไป มุกการถามคำถามก็เดิมๆ
“แอมแปร์ค่ะ ไม่มีแฟน คุณก็คงจะไม่มีเหมือนกันใช่ไหม?”
แล้วก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิด ใครๆก็บอกว่าตัวเองโสดทั้งนั้น แบบนี้มันน่าเบื่อชะมัด ไม่ใช่เหยื่อที่ฉันจะมาเสียเวลาด้วยเลยสักนิด อะไรที่เรียบง่ายมันก็ไม่ตื่นเต้นสิ ฉันชอบอะไรที่เร้าใจกว่านี้
ฉันนั่งคุยและเล่นไปตามเกมของเขาสักพักจนมาร์ตินี่ที่เขาเลี้ยงหมดไปสองแก้ว ความรู้สึกจำเจทำให้ฉันต้องลุกออกไปให้พ้นเขา เป็นผู้ชายซะเปล่า เวลาตั้งเกือบชั่วโมงทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นได้แค่นี้เองเหรอ?
“ขอตัวนะคะ”
ในเมื่อเล่นมุกจีบสาวไม่พัฒนาแบบนี้ ก็ขอบายแล้วกัน
ฉันเดินโซเซเล็กน้อยและพยายามพยุงตัวเองให้เดินเข้าห้องน้ำอย่างปลอดภัย
ตุ้บ
“ขอโทษครับ”
ผู้ชายขาวตี๋คนหนึ่งเดินมาชนฉันก่อนจะรีบเดินไปยังมุมหน้าห้องน้ำอย่างร้อนรน ซึ่งก็ไม่ได้ห่างจากที่ฉันยืนอยู่มากนักเพราะฉันต้องยืนอยู่กับที่เพื่อต่อคิวเข้าห้องน้ำหญิง ที่ตอนนี้คนต่อคิวกันจนล้นออกมาด้านนอก
[เออ..เดี๋ยวกลับแล้ว อยู่บ้านเพื่อนเนี่ย ทำรายงานอยู่ เพื่อนมันเปิดเพลงเสียงดัง ไม่ต้องรอนะ หลับไปเลย]
ฉันเปลี่ยนใจเดินโฉบไปหาหนุ่มตี๋คนนั้นทันทีเมื่อรู้สึกถึงความเร้าใจที่มันกำลังจะมาถึง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาวางสายจากแฟนสาวหน้าโง่ที่คอยเขากลับบ้าน
“แอบแฟนมาเที่ยวนี่นา”
นิ้วเรียวเกลี่ยไปตามสันกรามคมของเขา เพียงแค่เราสบตากันฉันก็รู้ได้ถึงความง่ายดายของเหยื่อตรงหน้า เขาโน้มหน้าลงมาหาก่อนจะส่งสายตาแสดงความปรารถนามาให้ฉัน
มือเขาเริ่มรุกรานไปยังสะโพกฉัน และริมฝีปากของเราใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ ฉันล่ะเกลียดผู้ชายแบบนี้จริงๆเลย แต่ก็เร้าใจดี อย่างน้อยก็อาจได้ปลดปล่อยผู้หญิงอีกคนที่เรียกว่าแฟนให้หลุดพ้นจากความโลภมากแบบนี้
ฉันใช้เวลาตัดสินใจเพียงเสี้ยวอึดใจเพื่อไตร่ตรองคิดว่าจะกินเหยื่อหรือจะปล่อยเหยื่อดี ทว่าคำตอบที่ได้คือฉันจะกิน
ริมฝีปากของเราประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาดันตัวฉันจนหลังชิดกำแพงก่อนจะกระหน่ำจูบไม่ยั้ง นี่เป็นจุดดีอีกจุดหนึ่งสำหรับความสัมพันธ์ฉาบฉวยคือเราไม่จำเป็นต้องถนอมกัน ซึ่งฉันก็ไม่ได้อยากให้ใครมาทะนุถนอม ผู้ชายใจง่ายพวกนี้มันก็แค่เหยื่อแก้เหงาก็เท่านั้น ฉันเองก็ใจง่ายนะแต่ก็แค่เล่นๆไม่เคยทำให้ตัวเองพลาดท่า
“ตำรวจมา!!”
เสียงผู้หญิงสักคนในบริเวณนี้ตะโกนขึ้นมาทำให้ฉันและหนุ่มตี๋ผละจูบออกจากกัน จากนั้นก็เกิดความชุลมุนขึ้น ข้อมือฉันถูกใครสักคนคว้าแล้วลากไปทางด้านหลังของผับโดยที่หนุ่มตี๋ก็จับแขนอีกข้างของฉันไว้ก่อนจะวิ่งออกมาด้วยกัน
เมื่อออกมาที่สว่างแล้วฉันจึงมองหน้าคนที่ลากฉันออกมาด้วยความสงสัย
“คลาสสิค..”
“อือ”
เธอชื่อคลาสสิค เธออยู่คอนโดเดียวกับฉัน เรารู้จักกันผิวเผินมาก เธอตอบฉันมาแค่นั้นก่อนจะหันซ้ายหันขวาเหมือนหาใครสักคนแล้วเธอก็เดินจากไป
“ต่อกันไหม?”
“นายขับรถมารึเปล่า?”
“ไม่อะ นั่งแท็กซี่มาเผื่อเมา”
“รถฉันอยู่โน่น”
ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ฉันพาผู้ชายเข้าโรงแรม โดยที่ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายออกค่าห้องและค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้งมวลเอง ระหว่างทางแฟนสาวของเขาก็โทรมาหาไม่หยุดหย่อน
นี่ถ้าฉันมีแฟนสักคนที่คอยเป็นห่วงขนาดนี้ฉันจะไม่นอกใจเลย ถ้าแฟนดีก็มีแฟนเดียว แต่นายคนนี้กลับไม่หยุดอยู่ที่เธอ ถ้างั้นก็เลิกซะเถอะให้เธอได้เจอคนที่ดีกว่า โดยฉันจะทำให้เลิกกันเอง
แก้เหงาฉันด้วย ทำบุญด้วย ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย
ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องที่เราตกลงปลงใจเช่าคืนนี้ เขาไม่รีรออะไรเลย ร่างสูงกดรีโมตเปิดแอร์แล้วอุ้มฉันขึ้นไปบนเตียงอย่างรีบร้อน ริมฝีปากของเราประกบกันอีกครั้งด้วยความเร่าร้อน มือของเขาถกเกาะอกฉันลงอย่างช่ำชองจนท่อนบนฉันเหลือบราตัวเดียว
เรียวปากสร้างความสุขบนร่างกายให้ฉันลงต่ำเรื่อยๆ จากปาก
ซอกคอ หน้าอก หน้าท้อง สะดือ และเขากำลังจะปลดซิปกระโปรงของฉันเพื่อที่จะทำการอย่างอื่นในสิ่งที่เขาต้องการ
หมับ
ฉันเอื้อมมือไปประคองใบหน้าเขาก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมามอง เป็นมุมที่เขาสามารถเห็นรอยยิ้มสมเพชของฉันได้ชัดเจน
“ฉันเป็นเมนส์”
“ฉันก็ใส่ถุงยางได้ ต่อเถอะนะ”
“ไม่ล่ะ เอาไว้วันหลังเนอะ รับรองจะต่อให้ถึงใจเลย”
เขาทำหน้าเซ็งอย่างปิดไม่มิด เราแลกไลน์กันไว้เพื่อติดต่อ แต่ในความหมายของฉันมันคือช่องทางที่จะทำให้ฉันรู้ว่าเขากับแฟนมีความพัฒนา ขึ้นหรือแย่ลง
“เราจะเจอกันอีกใช่ไหม? เธอสวยมากนะรู้ตัวรึเปล่า”
“เราจะได้เจอกันอีก ถ้าแฟนนายเผลอ”
ฉันลุกขึ้นจากเตียงแล้วจัดการแต่งตัวของตัวเองให้อยู่ในสภาพปกติ โดยไม่ลืมที่จะแอบถ่ายภาพเก็บหลักฐานเล็กๆน้อยๆไว้
หวังเพียงแต่ว่ายัยแฟนนั่นจะฉลาดขึ้นมาแล้วรีบเลิกกับหมอนี่ในเร็ว
วันนะ เข้าใจว่าคนโดนสวมเขามันเจ็บปวดยังไง ฉะนั้นก็รีบๆตาสว่างสักทีเถอะ
“จริงๆแค่เป็นเมนส์ก็เอาได้นะ”
นี่เขาเรียกผู้ชายสันดานเลวของแท้ เอาดะไปเรื่อย หึ! สักเสี้ยววินาทีตอนที่ความอยากเข้าครอบงำ เขาไม่สนใจโทรศัพท์ของตัวเองที่สั่นไม่หยุด หน้าจอเป็นรูปคู่เขากับแฟนอีกต่างหาก มองหน้าฉันสลับกับหน้าจอมือถือโดยไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง
“ต่างคนต่างฟินก็วินๆกันไปนะ ฉันไปล่ะ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในเร็ววันนี้โดยที่นายไม่มีพันธะติดตัว”
เพราะฉันรู้นิสัยผู้ชายแบบนี้อยู่เต็มอก ถ้าทำให้มันอยากได้มันก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้สิ่งที่มันต้องการ ซึ่งฉันไม่มีวันให้ ฉันเองก็รอสิ่งที่ฉันต้องการอยู่เหมือนกัน รอวันที่มันไม่เหลือผู้หญิงดีๆไว้ข้างกาย
“เธอแสบมากนะแอมแปร์”
“ฉันชอบรสจูบนายชะมัด แต่ไม่อยากจูบซ้ำกับใครน่ะ”
ฉันเดินออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าเขาก็ค่อนข้างสนใจและเดินตามเกมที่ฉันวาง แต่ฉันไม่คิดจะสานต่อให้เปลืองตัวไปนานๆหรอกนะ แค่ปลดปล่อยผู้หญิงอีกคนได้ก็จบ
ใครจะคิดยังไงก็ช่าง ฉันเป็นคนแบบนี้
รักสนุกหาคนแก้เหงาไปวันๆอย่างที่เห็น ชาตินี้ฉันคิดว่าคงจะไม่คิดจริงจังกับใครทั้งนั้น ฉันมีเงิน ฉันเก่งพอจะเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคู่ชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะหักหลังฉันเมื่อไหร่
หลายวันผ่านไป...
ฉันใช้เวลาช่วงนี้ในการทำงานซึ่งเป็นธุรกิจของตัวเอง ฉันเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำหอมและเครื่องสำอางแต่ชื่อเสียงไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างอะไรมากนักแค่พอเป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่นพอสมควร
“พี่แอมป์ไปพักเถอะค่ะ หนูดูบูธเอง”
“ไม่เป็นไรจ่ะ ช่วยๆกันดู”
วันนี้มีการจัดงานเกี่ยวกับน้ำหอมในห้างแห่งหนึ่ง แล้วแบรนด์น้ำหอม
ของฉันก็มีบูธมาตั้งอยู่ที่นี่กับเขาด้วย ฉันชอบทำงานเพราะทุกอย่างที่ฉันทำคืองานที่ฉันรักและใส่ใจทุกรายละเอียด เวลายืนมองผู้คนสนใจสินค้าของเรามันปลื้มใจทุกครั้ง หรือเวลาที่ได้แนะนำสินค้าที่เหมาะกับเจ้าตัว ฉันเต็มใจที่จะตอบเสมอ
ตื๊อดึ่ง
ฉันคว้ามือถือออกมาตอบไลน์ของเหล่าหนุ่มในสต๊อกของฉันเหมือนอย่างทุกวัน ผู้ชายพวกนี้เป็นเครื่องมือแก้เหงาชั้นดีเลยล่ะ ฉันเคยมีแฟนอยู่ข้างๆมาเกือบสิบปีแต่ตอนนี้ฉันไม่มีเขาอีกแล้ว เพราะฉันขี้เหงาเลยต้องหาคนคุยไปเรื่อย จริงๆมันไม่ใช่นิสัยที่น่าเอาเป็นแบบอย่างหรอกนะ
“ช่วยเลือกน้ำหอมให้ผมทีสิครับ”
เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นตรงหน้า ทำให้ฉันละสายตาจากหน้าจอมือถือแล้วให้ความสนใจกับผู้มาเยือนแทน
“ได้ค่ะ ชอบกลิ่นประมาณไหนคะ หวานๆ หรือเฟรชๆ”
หน้าตาเขาดูดีแบบคมเข้ม สีผิวไม่ได้ขาวมากมาย ภาพลักษณ์รวมๆของเขาดูสะอาดตาดี ฉันเอียงคอถามเขาถึงกลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบ ทว่าใบหน้าคมเผยยิ้มมุมปากมาให้ก่อนจะเดินเข้ามาประชิดตัวฉันแบบที่ฉันไม่ได้ตั้งตัว เขาโน้มหน้ามากระซิบข้างหูฉัน
“ผมชอบ...กลิ่นที่คุณใช้”
ฉันเจอเพลย์บอยเข้าจนได้...
สองมือยกแตะไหล่เขาและออกแรงดันให้เขาผละออกจากซอกคอฉันสักที ไม่ทันที่เราจะได้พูดอะไรต่อก็มีผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาคล้องแขนเขาเสียก่อน เขามีแฟนแล้วนี่
“อันนานึกว่าพี่องศาเข้าห้องน้ำซะอีก มาดูน้ำหอมอยู่ตรงนี้เองเหรอคะ”
“ก็...มาซื้อน้ำหอมให้อันไง”
เขาชื่อองศา มีแฟนชื่ออันนา โอเคฉันเข้าใจแล้ว ดูท่ายัยเด็กนี่จะโดนผู้ชายหลอกซะแล้วสิ ต่อหน้าแฟนก็ทำเหมือนซื่อสัตย์แต่พอลับหลังกลับมาหยอดคำหวานให้หญิงอื่น นิสัยผู้ชายนี่มันเป็นโรคติดต่อหรือไง
ฉันจัดการหยิบน้ำหอมกลิ่นที่ฉันใช้ยื่นให้เขาดู
“ตกลงสนใจกลิ่นนี้นะคะ”
“พี่องศาบอกเธอเหรอ?”
“ค่ะ แฟนเธอบอกว่าเขาชอบกลิ่นนี้...”
ท้ายประโยคฉันและนายองศาส่งสายตายั่วยวนให้กัน แต่ดูแฟนของเขาจะดีใจได้ปลื้มเหลือเกินที่เขาซื้อน้ำหอมให้ เสียรู้ให้ผู้ชายจริงๆยัยคนนี้
“พี่องศาชอบอันนาก็ชอบค่ะ”
“นี่นามบัตรนะคะ เผื่อติดใจจะได้มาอุดหนุนกันอีก เดี๋ยวชำระเงินตรงโน้นนะคะ”
เขารับทั้งน้ำหอมและนามบัตรที่ฉันให้แล้วพาแฟนสาวเดินไปชำระเงินกับลูกน้องในบูธ แต่นามบัตรที่ฉันให้ไม่ใช่นามบัตรแบรนด์น้ำหอมหรอก เป็นนามบัตรของฉันเอง เชื่อไหมว่าไม่เกินสามวันนายองศาต้องติดต่อฉันกลับมา ผู้ชายแบบนี้มันพร้อมจะทิ้งแฟนมาอยู่กับหญิงอื่นได้สบายอยู่แล้วล่ะ ถ้าอย่างงั้นก็ทิ้งกันไปถาวรเลยก็แล้วกัน ปล่อยให้น้องอันนาเธอเจอคนที่ดีกว่านี้เถอะ
องศาหันมาขยิบตาให้ฉันอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่เขาจะเดินควงแฟนสาวออกจากบูธของฉันไป
เล่นกับผู้ชายแบบนี้ก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ หึ
END TALK
ONGSA TALK
เธอคนนั้นโคตรโดนใจผมเลย ผู้หญิงตัวเล็ก ผมสั้น ตาโต เธอดูมีเสน่ห์แพรวพราวเหลือเกิน ดูก็รู้ว่าง่ายและได้ไม่ยาก
“ขับรถดีๆนะคะพี่องศา ไว้พาอันไปเที่ยวอีกนะ”
“ครับ”
อันนาเป็นแฟนผมเอง แฟนมั้งไม่ค่อยแน่ใจ ผมมาส่งเธอที่คอนโดก่อนที่ผมจะขับรถกลับบ้าน ที่จริงแล้วครอบครัวของผมอยู่สุราษฎร์ธานี แต่ผมมาอยู่กรุงเทพเพราะมาดูแลน้องสาวคนเดียวของผม อิงฟ้าน้องสาวของผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้ายแล้วล่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมน้องเลยกลับบ้านที่สุราษฎร์ธานี มีแค่ผมอยู่ที่นี่คนเดียว
เมื่อถึงบ้านแล้วผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบนามบัตรของเธอคนนั้นขึ้นมาอ่าน เพียงแค่ผมเห็นนามบัตรของเธอมันก็พาให้นึกถึงใบหน้าเฉี่ยวนั่น พร้อมทั้งกลิ่นน้ำหอมที่ผมได้เข้าไปดมใกล้ๆซอกคอของเธออีก หน้าก็สวย ตัวก็หอม น่าจับกินซะจริง
“แอมแปร์..หึ”
เธอชื่อแอมแปร์เหรอ ชื่อแปลกดี ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน ผมจัดการแอดไลน์และทักเธอไปเรียบร้อยเป็นการปูทาง
ตื๊อดึ่ง
[องศาเหรอ?]
“พรุ่งนี้แอมแปร์ว่างไหม ไปเที่ยวกัน เธออยากไปเที่ยวไหนฉันจะพาไปทุกที่เลย…”
[เรียกแอมป์ก็ได้สั้นดี นายจะพาฉันเที่ยวเสร็จแล้วไปจบที่ม่านรูดใช่ไหมล่ะ?]
อ้าวเฮ้ย รู้ทันผมเหรอ รู้ก็ดีแล้วล่ะเพราะผมก็ตั้งใจจะทำอย่างงั้น ใครจะยอมพาเที่ยวฟรีๆกัน เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ตอนจบมันก็ต้องมีรางวัลให้กันบ้างมันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
“ถ้าได้ก็ดี…”
ผมตอบกลับไปตามความจริง เธอก็ใช่ว่าไร้เดียงสาซะเมื่อไหร่ดูออกจะโชกโชนด้วยซ้ำ ผมเลยไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องสร้างภาพให้ตัวเองดูดี
[ถ้าคิดว่าจะได้ฉันก็ลองดู พรุ่งนี้ฉันอยากไปสวนสนุก]
แปลก เธอแปลกจัง โดยปกติผู้หญิงจะชอบให้ผู้ชายพาเดินห้าง เดินช็อปปิ้งไม่ใช่เหรอ หรือเธอไม่ใช่ผู้หญิงแท้วะ เอาน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ว่าจะหญิงแท้หรือหญิงเทียม
“ตามนั้น เธอว่างเมื่อไหร่ก็บอกเดี๋ยวฉันไปรับ..”
ต้องเตรียมถุงยางกี่ถุงดีล่ะถึงจะพอ แต่ขอแค่พอกรุบกริบก่อน ถนอมสภาพของไว้จะได้กินนานๆ ผมเกทับหมดหน้าตักเลยก็แล้วกันว่าคืนวันพรุ่งนี้ผมจะได้เมียชั่วคราวชื่อแอมแปร์!!
Rrrrrr
ANNA…
“ครับ”
[พี่องศาถึงบ้านหรือยังคะ?]
“เพิ่งถึง กำลังจะโทรบอกพอดีเลย”
[โอเคค่ะ อันจะได้หายห่วง งั้นแค่นี้ก่อนนะคะไม่กวนพี่แล้ว]
ถ้าถามว่าผมเจ้าชู้ระดับไหนล่ะก็... ผมยังจัดระดับให้ตัวเองไม่ได้
เลยเหมือนกัน หว่านเสน่ห์ไปเรื่อยแต่ถ้าได้ก็เอา ไม่ได้ก็ต้องเอาให้ได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ไม่เคยไม่ได้นะ ผู้หญิงสมัยนี้แพ้เงิน แพ้คารมดี แพ้วาจาหวานๆ ซึ่งผมไม่ใช่คนแบบนั้นซะทีเดียวแต่คนเรามันสร้างภาพกันได้ถูกไหม ผมก็ทำอย่างนั้นล่ะ
วันต่อมา...
หลังจากที่เมื่อคืนดูบอลทำให้วันนี้ผมตื่นสายโด่ง ไม่สินี่มันเกือบเที่ยงแล้วด้วยซ้ำ ตายล่ะป่านนี้ยัยแอมแปร์คงรอเก้อแล้วมั้ง ผมคว้ามือถือมาดูอย่างร้อนรน ทว่าหน้าจอกลับว่างเปล่า เธอไม่ได้ติดต่อผมมาเลย สงสัย
ยัยนั่นคงรอแดดร่มก่อนล่ะสิค่อยออกไปสวนสนุก ดูก็รู้ว่าขี้สำออยจะตาย ช่างเถอะ ผมลุกจากเตียงแล้วจัดการอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาทำกับข้าวกิน
บ้านนี้ผมอยู่คนเดียว ดูแลตัวเอง หิวก็ทำกับข้าวกินเอง ใช้ชีวิตแบบคนบ้านๆทั่วไปที่ชีวิตจะว่าว่างมันก็ว่างอยู่เหมือนกัน คือผมเรียนจบปริญญาโทแล้ว สวนยางที่สุราษฎร์ก็อยู่ตัวจนแทบจะไม่ต้องดูแลอะไรมากนัก จ้างเขากรีดยางแล้วก็รอรับเงินอย่างเดียว แต่ผมมาอยู่ที่นี่ก็มีธุรกิจแก้เบื่อนะ ผมเปิดร้านกาแฟเล็กๆอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่น้องสาวผมอยู่ ช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยได้ไปที่ร้านสักเท่าไหร่เพราะติดสาว
แหม่ คนมันเนื้อหอมก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า...
ใช้เวลาของตัวเองไปเรื่อยเปื่อยจนผมอิ่มท้องจึงขึ้นมาแต่งตัว เลือกชุดที่ดูดีและถอดไม่ยากมากนัก เผื่อเวลานั้นต้องทำเวลา น้ำหอมแบบฉบับผู้ชายถูกฉีดฟุ้งทั่วตัว ผมเช็กตัวเองที่หน้ากระจกตั้งแต่ทรงผมจนถึงถุงเท้าที่ใส่ เฮ้ย เอาจริงๆปะมองตัวเองในกระจกไปๆมาๆก็แอบมีความคิดขึ้นมาแว้บหนึ่ง ถ้าผมเป็นผู้หญิงนี่ต้องหัวกระไดไม่แห้งแน่ๆ หน้าตาโคตรดี
เตรียมตัวพร้อมชนิดที่ว่าพร้อมมาก ผมเดินมาหยิบมือถือเพื่อดูอีกครั้งแต่เธอก็ยังไม่ไลน์มา
“บ้าเอ๊ย นี่จะบ่ายสามแล้วนะ”
ถ้าทักไลน์ไปก่อนจะดูเร่งเร้าเกินไป เลยตัดสินใจที่จะเงียบรอเธอติดต่อมาเองดีกว่า ดูเธอก็สนใจผมอยู่ไม่น้อยยังไงเธอต้องอยากได้ผมอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
ตื๊อดึ่ง
กว่าเธอจะติดต่อมาก็เกือบสี่โมงเย็น..
AMPARE ส่งรูปภาพถึงคุณ
มันเป็นรูปป้ายทางเข้าสวนสนุกชื่อดังย่านปริมณฑลซึ่งไกลจากบ้านผมพอสมควร ไม่นานก็มีข้อความส่งตามมาติดๆ
[ถึงแล้ว รีบมานะคะ]
ห้ะ!! แล้วทำไมเพิ่งมาบอก!!
“โอเค ผมจะรีบไป เดี๋ยวถึงแล้วจะบอกนะครับ”
ผมรีบจนไม่รู้จะรีบยังไง ไม่อยากให้ผู้หญิงรอนานมันจะเสียคะแนนแล้วผมจะอด ทางด่วนมีกี่ด่านผมขึ้นทุกด่านเพื่อให้ถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น แต่แล้วช่วงเวลาเลิกงานแบบนี้ยังไงรถก็ติด ผมใช้เวลานับสองชั่วโมงกว่าจะมาถึงสวนสนุกที่เธออยู่ และนับว่าโชคร้ายที่วันนี้คนมาเที่ยวที่นี่เยอะมากรวมถึงทัวร์นักเรียนก็เยอะเช่นกัน ซึ่งมันทำให้ผมวนหาที่จอดรถค่อนข้างยาก
เอาล่ะ เมื่อมาช้าจำเป็นต้องไถ่โทษ...
ผมเลือกที่จะหาร้านอาหารนั่งและสั่งอาหารต่างๆมาให้เธอกลัวว่าเธอรอนานแล้วจะหิว เมื่อสั่งเสร็จก็ไม่ลืมที่จะติดต่อเธอไปอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ฉันถึงแล้วนะ เธออยู่ไหน?”
ยังไม่มีการตอบกลับในทันที จนกระทั่งอาหารลำเลียงมาจนครบทุกเมนูที่ผมสั่ง เป็นจังหวะที่เธอตอบกลับมาพอดี
[ฉันกลับแล้วค่ะ นายมาช้ามาก]
ว่าไงนะ!! ยัยนี่อำผมเล่นใช่ไหม? บ้าเอ๊ย!
“ฉันสั่งอาหารรอเธอเยอะเลยนะ เธอกลับไปแล้วจริงๆเหรอ”
AMPARE ส่งรูปภาพถึงคุณ
[ฉันทำสปาเท้าอยู่น่ะค่ะ เดินรอนายจนเมื่อย ไว้เจอกันอีกนะวันนี้เสียดายจัง]
“ไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอเลย”
ที่บอกว่าไม่รู้คือผมไปไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองอาหารตรง
หน้าสลับกับหน้าจอมือถือที่เธอส่งรูปเท้าแช่ในอ่างมาให้ด้วยความหัวเสียอย่างถึงที่สุด
[ทีหลังตามฉันให้ทันนะ]
“ฉันรับคำท้า!”
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่รู้ว่าจะเรียกกวนประสาทหรืออะไรกันแน่ แต่ผมไม่มีวันยอมแพ้ยัยนี่เด็ดขาด ไม่มีวัน! เก่งมากเลยนะทำผมรู้สึกเสียเซลฟ์ได้มากขนาดนี้
สักวันเถอะนะยัยแอมแปร์ ฉันจะทำให้เธอร้องครางอยู่ใต้ร่างฉันให้ได้ แล้วเธอจะจำชื่อองศาไปตลอดชีวิต!
ไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ เธอก็ดูไม่ได้ต่างจากผู้หญิงทั่วไปแต่ทำไมถึงเจนจัดได้ขนาดนี้ ผมว่า...ผมเจอตัวแม่เข้าแล้วว่ะ