ณ ปัจจุบัน
ปิดเทอม เช้าอีกวันที่เด็กสาวต้องทำงานที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเธอ ทว่าวันนี้กลับไม่เหมือนทุกวันที่เคยเป็น
บนหอคอยสูงตระหง่าน ห้องทำงานขนาดใหญ่กินพื้นที่ทั้งชั้นของบ้าน ริมผนังกระจกหนา เงาร่างทมึนยืนทอดสายตามองลงมาที่สวนด้านหลัง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขามีโอกาสได้มายืนดูแสงอาทิตย์ยามเช้า เพราะปกติของทุกวันนายของบ้านหลังนี้จะกลับมาเกือบสว่างและตื่นนอนตอน10โมงหรือเที่ยง แต่เพราะเมื่อคืนเกิดปัญหาที่คลังสินค้าทำให้เขาต้องอยู่เคลียร์จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงเช้าของอีกวัน
“นั่นใครวะ?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิท หลังจากที่ยืนมองคนแปลกหน้าอยู่นาน แม้จุดที่อยู่จะสูงกว่าระดับสายตา แต่จากมุมที่เขาอยู่ก็สามารถมองคนที่อยู่เบื้องล่างได้ชัดพอสมควร
“ก็น้องพรีมไงครับนาย”
“พรีมไหนวะ? แล้วใครให้มันเข้ามา” เสียงเข้มในลำคอแสดงถึงความไม่พอใจ
เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร ลืมแม้กระทั่งชื่อ ยิ่งไม่ต้องคิดถามว่าเขารับเธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตั้งแต่วันแรกที่เด็กน้อยเข้ามา ทุกอย่างก็ล้วนยกให้ลูกน้องคนสนิทเป็นคนจัดการทั้งหมด
“โธ่ นายครับ ก็คนที่นายรับมาขัดดอกเมื่อ2ปีก่อนไง นายจำไม่ได้จริงๆเหรอครับ?”
สายตาคมเหลือบมองแทนไท คิ้วหนาขมวดย่นจนชิด พยายามคิดย้อนกลับไปในอดีต ก่อนจะเผลอหลุดยิ้มออกมาในที่สุด
“หึ อย่าบอกนะว่าเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆ ดำๆ หน้าตาขี้เหร่ ๆ คนนั้นนะเหรอ? มึงโกหกกูหรือเปล่าวะ?” ดวงตาคมหรี่มองชายหนุ่มที่ยืนขนาบข้าง รายงานบอกเล่าเรื่องราวของคนแปลกหน้าอย่างละเอียด
“จริง ๆ ครับนาย แต่ตอนนี้ไม่อ้วนไม่ดำไม่ขี้เหร่แล้วนะครับ ตอนนี้สวยเลย” แทนไทพูดด้วยใบหน้าอมยิ้มปลื้มปริ่มกับสาวน้อยที่อยู่บนลานกว้างเป็นอย่างมาก
..ผมหันกลับไปมองเด็กสาวที่อยู่ในสวนอีกครั้ง เธอเปลี่ยนไปจากวันนั้นมาก ราวกับคนละคน จากความทรงจำที่ยังหลงเหลือ คือเด็กสาวขี้เหร่ตัวอ้วนผิวดำคล้ำ ไม่มีอะไรน่ามองน่าสนใจเลยสักนิด เงินห้าสิบล้านที่พ่อกับแม่ของเธอเป็นหนี้ มันช่างเป็นราคาแพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาเอามาแลกในวันนั้น จนผมเองยังรู้สึกว่าคิดผิดและคงขาดทุนย่อยยับแน่ ๆ ทว่าเวลาเพียงไม่กี่ปี เด็กสาวคนนั้นกลับเปลี่ยนไปมาก ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณขาวผ่อง ถือว่าคุ้มค่าสมราคาขึ้นมาแล้ว
“ไม่เสียแรง! ถึงจะเสียน้องโซ่ให้ไอ้ศิลาไป แต่ได้เด็กคนนี้มาแทนก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ”
เสียงพึมพำในลำคอ สายตาเจ้าเล่ห์ของนักล่ามองเหยื่อตัวเล็ก โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าภัยอันตรายครั้งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
“นาย ว่าอะไรนะครับ?”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่ได้ไปเรียนล่ะ?” สายตาคมยังจดจ่ออยู่ที่สาวน้อยไม่ยอมละ
“คงเป็นช่วงปิดเทอมครับนาย แล้วอยู่ๆทำไมนายถึงสนใจอยากรู้เรื่องของน้องพรีมล่ะครับ?”
ร่างใหญ่หันกลับมามองคนถาม สายตาแสดงถึงความไม่พอใจ ก่อนที่ชายตัวสูงจะก้มหลบผู้เป็นนายด้วยความสำนึกผิด
“คนของกู บ้านนี้ก็เป็นของกู ใครจะอยู่จะไป กูไม่มีสิทธิ์รู้เลยหรือไง?”
“เปล่าครับ” ร่างสั่นเทาตอบผู้เป็นนายด้วยความหวาดกลัว
“แบบนี้ก็สนุกสิ งั้นต่อไป ข้าวเช้า เที่ยง เย็น หรือวันที่กูไม่ได้ออกไปข้างนอก ก็ให้เด็กคนนั้นยกขึ้นมาให้กูบนห้อง”
ใบหน้าคมเข้มแสยะยิ้ม เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวใหญ่ชื่นชมความสดใสของกระต่ายน้อยในสวนด้วยความพอใจ
“แต่นายครับ เธอยังอายุไม่ถึง 18 เลยนะครับ” เสียงติดขัดในลำคอ ฉุดอารมณ์ของผู้เป็นนายให้สะดุด
“ก็แค่ให้มันยกข้าวขึ้นมาให้กูกิน ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย มึงจะกลัวอะไร?”
หลังได้คำตอบที่พอใจทำให้ลูกน้องคนสนิทหายใจโล่ง จนยอมหันหลังเดินกลับออกไปอย่างว่าง่าย
ทันทีที่ชายตัวผอมหันหลังกลับ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็พลันปรากฏบนใบหน้าของชายตัวโต ดวงตาเข้มส่องประกายฉายแววความกระหาย สายเลือดนักล่าที่ไหลเวียนอยู่ในกายมีหรือที่จะจางหายไปเพียงชั่วข้ามคืน
“ถ้ากูจะเอาซะอย่าง ใครก็ห้ามไม่ได้”
เสียงพึมพำในลำคอ มุมปากหนาเผยรอยยิ้ม สายตาคมเหลือบมองเด็กสาวไร้เดียงสาเบื้องล่าง.ร่างกำยำ หันหลังย้ำเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่เพื่ออาบน้ำล้างกลิ่นแอลกอฮอร์ที่คละคลุ้งติดมาจากคลับเมื่อคืนนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหน้าห้องเป็นสัญญาณเตือน เพื่อขออนุญาตเจ้าของห้องให้รับทราบก่อนจะเข้าไปด้าน
“เข้ามา” เสียงทุ้มเอ่ยคำอนุญาต ทว่าทุกอย่างกลับเงียบสนิท ไม่มีเสียงตอบรับหรือเสียงเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง ใบหน้าคมคายนิ่งเงียบก่อนจะเดินออกมาเปิดประตู แต่ทว่าพอเปิดประตูออกมา กลับเห็นเพียงถาดอาหารวางอยู่ที่พื้น สร้างความสงสัยและหงุดหงิดให้ชายตัวโตเป็นอย่างมาก
“ป้าหวาน!”
เสียงคำรามเรียกชื่อแม่บ้านวัยเกษียรดังลั่นด้วยความโกรธ เพียงไม่กี่อึดใจก็มีเสียงวิ่งขึ้นบันไดและดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ค่ะๆ นาย ป้า ป้ามาแล้ว มีอะไรหรือเปล่าคะ กับข้าวไม่อร่อยเหรอคะนาย? เดี๋ยวป้าลงไปทำมาให้ใหม่นะคะ”
คำพูดตะกุกตะกัก ท่าทางลนลาน ไม่กล้ามองหน้าผู้เป็นนายที่ยืนรออยู่ในห้อง
“จะแดกยังไงวะ เห็นกูเป็นหมาเหรอถึงเอาข้าวมาวางหน้าห้องแบบนี้ ทำไมไม่ยกเข้าไปข้างในวะ” เสียงตะคอกดัง ดวงตาแดงก่ำ จ้องเขม็งด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ป้า ป้าขอโทษนะคะ ป้ากลัวว่าจะรบกวนนายทำงาน ป้าเลย วางไว้ตรงนี้” เสียงสั่นเครือ ก้มหมอบคลานลงกับพื้น
“รู้ใช่มั้ย? ว่าผมไม่ชอบคนโกหก” เสียงเข้มมองตาดุ
“พรีมเองค่ะนาย พรีมขอโทษ พรีมกลัวนายจะเห็นแล้วโกรธ เลยเอาถาดวางไว้หน้าประตู พรีมผิดเองค่ะ อย่าว่าป้าหวานเลยนะคะ”
ร่างเล็กวิ่งเข้ามานั่งคุกเข่าข้างกายแม่บ้านเก่าแก่ หมอบก้มอยู่ต่อหน้าไม่ต่างจากทาสรับใช้ของชายหนุ่ม เด็กสาวพยายามอธิบายเหตุผลแม้จะกลัวจนตัวสั่นแต่เธอก็เลือกที่จะออกมายอมรับผิดต่อการกระทำของตนเอง นั่นยิ่งทำให้ชายตัวโตรู้สึกสนใจเธอมากขึ้น
“หึ แบบนี้สิ! เพื่อเป็นการลงโทษนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูก็ยกข้าวขึ้นมาให้เฮียบนห้องทุกวัน ตกลงไหม?” มุมปากหนากระตุกยิ้ม สายตาเป็นประกายราวกับเสือร้ายเจอเหยื่อหวาน
“แต่ แต่ว่า นายเคยสั่งห้ามไม่ให้พรีมออกมาให้นายเห็น แล้วอีกอย่าง พรีมต้องไปเรียนนะคะ”
“แล้วยังไง? ก็ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมไม่ใช่เหรอ? คำพูดตอนนั้นเฮียก็ลืมไปแล้วด้วยสิ เอาเป็นว่าคำพูดวันนี้ก็ถือว่าเป็นคำสั่งที่หนูต้องทำตาม เข้าใจนะ!” คิ้วหนากระตุก มองสำรวจสาวน้อยอย่างพินิจ
“เข้าใจค่ะ” เสียงเล็กตอบรับ
สาวน้อยยังคมก้มหน้าหมอบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาให้เขาเห็นหรือแม้กระทั่งชายเสื้อของเขาเอก็ยังไม่กล้ามอง ไม่ว่าจะด้วยความเคยชินหรือเหตุผลใดก็ตาม สิ่งที่กลัวที่สุดภายในใจของเด็กสาวคือการทำให้ชายที่เป็นเจ้าหนี้ของเธอรู้สึกขุนเคืองใจ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เขาไม่ยอมลดดอกเบี้ยให้พ่อกับแม่ของเธอ
“เอาถาดพวกนั้นออกไป แล้วไปเอาถาดใหม่มา อาหารพวกนั้นเอาไปเททิ้งให้หมด”
สิ้นคำ เด็กสาวก็พยุงร่างหญิงสูงวัยลุกขึ้นพร้อมประคองพาเดิน ลงบันไดไปอย่างช้าๆ
“แล้วมึงมายืนทำเชี่ยอะไรตรงนี้?”
“ผมต้องออกไปด้วยเหรอครับนาย? ปกติผมก็อยู่เฝ้านี่ครับ”
“แล้ววันนี้มึงว่ามันปกติไหม?” เสียงเค้นจากลำคอถามชายตัวผอมด้วยความหงุดหงิด
“ก็ปกตินะครับ” แทนไทตอบด้วยสีหน้าตีมึน ทำเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นนายกำลังสื่อ
“ปกติพ่องมึงสิ! ออกไป”
“แต่ว่า..”
“แต่อะไรของมึงอีก? จะมาขวางกูทำเชี่ยอะไรเนี่ย?”
ใบหน้าเข้มดุ มองชายหนุ่มที่กำลังพยายามยื้อไม่อยากออกไปจากห้องของเขา