ตอนที่3 เศษขนมปัง

1632 Words
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง แต่สองหนุ่มที่อยู่ภายในห้องยังคุยกันเหมือนเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะดังจากหน้าประตูทำให้บทสนทนาของคนที่อยู่ภายในห้องหยุดลง ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกจากมือเล็กของเด็กสาว “ขออนุญาตค่ะนาย พรีมเอาอาหารเช้ามาให้” “ว่าไง? คราวนี้มึงจะออกไปได้หรือยัง? กูจะกินข้าว” “ครับนาย” แทนไทก้มหน้ารับคำสั่ง เดินออกไปจากห้อง ระหว่างที่เดินผ่านร่างเล็กสายตาก็เหลือบมองสาวน้อยอย่างกังวล แกร็ก! ทันทีที่เสียงประตูห้องปิดสนิท ตอนนี้ภายในห้องก็เหลือแค่เพียงชายตัวโตกับเด็กสาวที่เข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ คิ้วหนายกสูง มุมปากแสยะยิ้ม สายตาคมแฝงความเจ้าเล่ห์มองคนตัวเล็กด้วยความพอใจ “เอาไปวางไว้บนโต๊ะสิ” สิ้นคำสั่งของชายตัวโต เด็กสาวก็นำถาดเข้ามาวางไว้บนโต๊ะตามที่ผู้เป็นนายสั่งอย่างว่าง่าย พรึ่บ! “อ่ะ นะ นาย ขะ ขอโทษค่ะ พรีมไม่ระวังเอง” ทันทีที่หันกลับมา ใบหน้าเล็กก็ชนเข้ากับแผงอกกว้างของชายตัวโตจนร่างผละถอยหลังชนเข้ากับโต๊ะ แต่ก็ถูกมือใหญ่โอบเอวรั้งดึงเอาไว้ได้ “เป็นอะไร?” นัยน์ตาเข้มจ้องใบหน้าขาวเล็ก ก่อนจะค่อยโน้มเข้าใกล้สาวน้อยวัยแรกแย้ม “ปะ เปล่าค่ะ” เสียงติดขัดในลำคอ ดวงตาใสซื่อมีเพียงความหวาดกลัว เกรงว่าผู้เป็นนายจะดุด่าไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นใดที่อีกฝ่ายจะสื่อถึง “อายุเท่าไหร่แล้ว?” ร่างใหญ่ขยับถอยห่าง ให้สาวน้อยได้ผ่อนคลายจากความกังวล “17 ย่าง 18 ค่ะ” ถึงอยากจะตะครุบเหยื่อตรงหน้าใจแทบขาด แต่ท่าทางและแววตาหวาดกลัวของเด็กน้อยทำให้ผมไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นตอนนี้ได้ กระต่ายน้อยในโพรงลึกมักเก็บซ่อนความหวานหอมที่ยากจะปฏิเสธ แต่การได้มาซึ่งความไม่เต็มใจ ก็ไม่ใช่วิสัยของบุรุษชนเช่นเดียวกัน “อืม ดี งั้นตอนนี้ก็อยู่ ม.5 สินะ” “ ม.6 ค่ะ พรีมเรียนชั้นม.6” “อ้าวเหรอ? แล้วคิดอยากจะเรียนต่อไหม?” ทันทีที่ได้ยินคำถาม ดวงตาหวานก็ถึงกลับเบิกกว้างจ้องใบหน้าคมเข้มตาไม่กระพริบ แต่เพียงไม่นานดวงตาเปล่งประกายเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นแววตาเศร้าพร้อมกับรอยยิ้มแห้ง ก่อนจะก้มหน้ามองลงไปที่พื้นเหมือนเดิน “อยากค่ะ แต่พรีมคงไม่มีโอกาส” “ถ้าอยากเรียน ก็ต้องทำตัวเป็นเด็กดี เชื่อฟัง แล้วเฮียจะจ่ายค่าเทอมให้” “จริงเหรอคะ? นายอนุญาตให้พรีมเรียนต่อได้จริงๆเหรอคะ?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มจากใบหน้าเศร้าตอนนี้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง “จริงสิ แต่ในโลกนี้มันไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกนะรู้ไหม? ทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ คนเปลี่ยน เวลาเปลี่ยน หน้าที่ความรับผิดชอบก็ต้องเพิ่มขึ้นเหมือนกัน” “พรีมทำได้ค่ะ พรีมสัญญาว่าพรีมจะตั้งใจทำงานที่นายสั่งอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ” “แน่ใจเหรอ ว่าจะยอมทำทุกอย่าง?” “แน่ใจสิคะ ^^” สาวน้อยตอบด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ท่าทางดีใจฉีกยิ้ม ดวงตาสดใสมีประกายของความสุข ความสดใสน่ารัก ทำให้ชายตัวโตเผลอหลุดยิ้มตามเธอไปด้วย ดวงตาคมจดจ่อมองใบหน้าหวานของเด็กสาว ความไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลก เธอไม่รู้เลยว่าทุกคำพูดของเธอในวันนี้ มันเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่กำลังผูกมัดตัวเธอไว้กับเขาไปเสียแล้ว “อายุครบ18 เมื่อไหร่?” “วันที่ 20 เดือนหน้าค่ะ ค่ะ” ชายตัวโตนิ่งเงียบ ขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะถอนหายใจยาว ราวกับคนสิ้นหวัง ทำให้สาวน้อยมองเขาด้วยความสงสัย “นายเป็นอะไรคะ?” เสียงหวานในลำคอเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อีกตั้งหลายวัน” “หลายวัน? หลายวันอะไรคะ? แล้วเกี่ยวอะไรกับวันเกิดของพรีม?” “เกี่ยวสิ เกี่ยวมากซะด้วย” สายตาเจ้าเล่ห์มองคนตัวเล็ก รอยยิ้มมีนัย แฝงไปด้วยกระหายของชายหนุ่ม “นายอยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ เดี๋ยวพรีมลงไปเอามาให้” “ที่อยากได้ก็มีนะ! แต่ตอนนี้พรีมยังเอามาให้เฮียไม่ได้นะสิ” ดวงตากลมโตจ้องใบหน้าคมคายตรงหน้าด้วยความสงสัย ยิ่งพูดมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ชายตัวโตกำลังสื่อ แต่เมื่อไม่เข้าใจเธอก็เลือกที่จะเงียบและเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน เพราะถ้ายิ่งซักไซ้ก็เกรงว่าเจ้านายตัวร้ายของเธอจะขุ่นเคืองใจไปเสียเปล่าๆ ด้วยความใสซื่อและอ่อนต่อโลกเขาจึงเป็นเหมือนผู้มีพระคุณ ไม่ต่างจากพ่อแม่ที่ให้กำเนิด “เลิกเรียก ‘นาย’ เถอะฟังแล้วมันดูห่างเหินแปลกๆ เฮียไม่ชอบ” คิ้วหนายกสูง มองสาวน้อยตรงหน้าเหมือนรอฟังคำตอบจากปากเล็ก แต่คำตอบที่ได้กลับมีเพียงความเงียบพร้อมกับแววตาที่ว่างเปล่า “ต่อไป ให้เรียกว่า ‘เฮีย’ เข้าใจไหม?” เสียงนุ่มลึกพูดอย่างใจเย็น ทั้งท่าทางและสายตาที่มองสาวน้อย เป็นการสร้างความไว้วางใจให้กับหญิงสาวได้เป็นอย่างดี “แต่ป้าหวานบอกว่า พรีมเข้ามาในฐานะคนทำงานที่อาศัยอยู่ในบ้าน ดังนั้นให้เรียกนาย ว่า นาย ห้ามเรียกเฮียเหมือนคนข้างนอกเด็ดขาด” “หึ ใครบอกว่าพรีมเป็นคนงานล่ะ?” เสียเค้นขำในลำคอ ร่างกำยำลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาหาร่างบางที่ยืนอยู่อีกฟากฝั่งของโต๊ะ ปลายนิ้วช้อนคางเล็กให้เชิดขึ้น ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตประดับด้วยขนตายาวงอนเรียงเส้น ริมฝีปากเล็กสีชมพูหวาน ทุกอย่างช่างมีความสมมาตรอยู่ในสมดุล ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล “พรีมไม่ได้เป็นคนงานสักหน่อย จำไม่ได้เหรอว่าพ่อกับแม่พาพรีมมาฝากไว้กับเฮียทำไม?” สายตาคมมองริมฝีปากอวบอิ่ม มันช่างเป็นเหมือนกลีบดอกไม้ที่กำลังยั่วยวน ดึงดูดแมลงภู่บินเข้าไปไต่ตอมลิ้มรสหวานจากเกล็ดเกสร แต่ยังไม่ทันที่ใบหน้าคมจะโน้มเข้าใกล้ สาวน้อยก็รีบผละร่างถอยหลบไปยืนอยู่อีกทาง “น้ำ! พรีมยังไม่ได้เอาน้ำขึ้นมา นายรอก่อนนะคะ เดี๋ยวพรีมจะรีบลงไปเอาน้ำมาให้เดี่ยวนี้เลยค่ะ” พูดจบเด็กสาวก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง โดยไม่รอให้ผู้เป็นนายได้เอ่ยปาก “หึ ดูสิว่าจะหลบไปได้นานสักแค่ไหน” เสียงทุ้มเบาในลำคอ มองตามร่างเล็กที่วิ่งออกไปจากห้อง คนตัวเร็งเร่งฝีเท้า กึ่งวิ่งสลับเดิน หายใจหอบเหนื่อย เสียงหัวใจเต้นรัวประหนึ่งจะหลุดออกมาจากร่าง ทันทีที่เท้าเล็กสัมผัสสนามหญ้าหลังบ้านความรู้สึกที่อึดอัดก็ค่อยๆโล่งโปร่งหายใจสะดวกราวกับยืนอยู่บนยอดเขาสุง “น้องพรีม!” “อุ้ย! 0.0 พี่แทน! ตกใจหมดเลย มาเงียบๆแบบนี้เกิดพรีมหัวใจวายตายจะทำยังไงคะ” “แหม! ขวัญอ่อนจังเลยนะ พี่นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนพรีมจะมาซะอีก แล้วเมื่อกี้ก็เพิ่งเดินผ่านหน้าพี่ไปหยก ๆ อย่าบอกนะว่าไม่เห็น?” ดวงตาคมจ้องสาวน้อยที่ยืนว่าเขาเมื่อครู่ ก่อนที่เธอจะฉีกยิ้มกว้างแทนคำตอบ “ไม่เห็นคะ แล้วทำไมพี่ไม่ทักตั้งแต่พรีมเดินผ่านล่ะคะ มาทักอะไรตอนนี้” “สรุป ยังไงพี่ก็ผิดว่างั้น?” คนตัวเล็กกอดอกยักคิ้วให้เป็นคำตอบ ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆชายตัวโตที่นั่งอยู่ก่อนหน้า “แล้วเมื่อกี้.. เป็นอะไรหรือเปล่า? นายไม่ได้ทำ.. อะไร ใช่ไหม?” คำถามแผ่วเบา เสียงพูดขาดหายฟังไม่ต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นคนตั้งคำถามแต่กลับก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง “พี่แทน คิดอะไรอยู่คะ?” เสียงเล็กเอ่ยถาม ก้มช้อนส่องหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัย ริมฝีปากเล็กยกยิ้มก่อนจะลุกกลับมานั่งในท่าเดิม “ยิ้มอะไร?” “ก็ยิ้มพี่แทนไงคะ พรีมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” แทนไทเหลือบมองคนตัวเล็ก สีหน้าของเขาแสดงความแปลกใจสงสัยกับคำพูดนั้น “พรีมรู้เหรอว่าพี่หมายถึงอะไร?” “รู้สิคะ ตอนที่เข้ามาที่นี่พรีมก็โตแล้วนะ รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะเป็นแค่ลูกหนี้ ทำงานขัดดอกแทนพ่อกับแม่ แต่พรีมว่านายใจดีมากๆเลยนะคะ ขนาดพรีมเป็นแค่ลูกหนี้นายก็ยังให้เรียนหนังสือ สำหรับพรีมนายเป็นผู้มีพระคุณแล้วก็ใจดีที่สุด ไม่ว่านายอยากให้พรีมทำอะไรพรีมยินดีค่ะ” สาวน้อยพรรณนาถึงความรู้สึกที่มีต่อชายตัวโตที่อยู่บนบ้านหลังใหญ่ ทั้งสีหน้า แววตา รอยยิ้มเต็มไปด้วยความปิติยินดี นั้นแปลว่าความจริงแล้วเธอไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด แทนไท มองเด็กสาวตรงหน้า นึกถึงครั้งแรกที่เจอกันแต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนจากเด็กน้อยขี้เหร่มาเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่สดใสน่ารัก น้องสาวที่เขาอยากเป็นคนคอยดีแลและอยากเป็นมากกว่าคำว่าพี่ชาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD