“จริงสิ! ลืมเล่าให้พี่แทนฟังไปเลย นายบอกว่าจะให้พรีมเรียนต่อด้วยนะคะ พี่ว่าพรีมจะเรียนอะไรดี ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาปิดรับสมัครไปหรือยัง”
แทนไทหันมองใบหน้ากลมเล็ก ราวกับถูกดึงสติออกมาจากความคิดที่เพิ่งจินตนาการเอาไว้ ให้พังทลายในพริบตา
“เรียนเหรอ? ทำไมถึงได้เรียน?”
“นายถามว่าอยากเรียนต่อไหม? พรีมเลยบอกว่าอยากแต่คงไม่มีโอกาส แล้วอยู่ ๆนายก็บอกว่าจะจ่ายค่าเทอมให้ แต่มีข้อแม้ ว่าพรีมจะต้องทำงานให้มากขึ้น”
แทนไทนิ่งเงียบ หายใจแรงด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ
“ทำไมไม่ถามพี่ก่อน พี่ก็จ่ายให้ได้”
สาวน้อยเหลือบมองใบหน้าเกลี้ยงเกลา คิ้วเล็กยกสูงดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“พี่แทนเนี่ยนะคะ ตลกแล้ว” สาวน้อยพูดพลางอมยิ้ม เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเมื่อครู่
“ทำไม? พรีมคิดว่าพี่ทำไม่ได้เหรอ ก็แค่ค่าเทอมมันจะสักเท่าไหร่เชียว ไม่เห็นต้องให้นายมายุ่งเลย” คำพูดตัดพ้อใบหน้าบูดบึ้งของแทนไท แต่สาวน้อยข้างกายกลับยิ้มมองชายตัวสูงเห็นเป็นเรื่องตลก
“เอ๊ะ! 0.0 แล้วนั่นพี่จะไปไหนคะ?” เสียงหวานเอ่ยท้วงทันทีที่เห็นชายหนุ่มลุกขึ้นยืน
“พี่มีธุระ จะไปคุยกับนาย”
“ตายแล้ว! ลืมซะสนิทเลย งั้นพรีมฝากเอาน้ำขึ้นไปให้นายด้วยนะคะ พอดีพรีมแช่ผ้าทิ้งไว้ต้องรีบไปดู”
คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวเตรียมแก้วกับเหยือกน้ำออกมาให้แทนไท ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องแม่บ้านที่อยู่ด้านหลัง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แกร็ก!
“มึงมาทำไม?”
ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้อง เสียงเรียบเย็นจากชายตัวโตที่นั่งทานอาหารอยู่บนโต๊ะก็เอ่ยทัก ด้วยใบหน้านิ่งสงบ
“ทำไมนายทำแบบนั้นครับ?”
“ทำอะไร?”
“นายก็รู้ ว่าพรีมชอบเรียน แล้วก็อยากเรียนต่อมากๆ นายเอาเงื่อนไขแบบนั้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้เธอแลกกับ..”
“กับ..? กับอะไร? แต่ถึงกูจะเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อแลกเปลี่ยน แล้วจะยังไง? มันก็ดีกว่าให้กูเอาเล่นๆ ไม่ใช่หรือไง?”
ชายตัวโตพูดด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม สายตาจับจ้องมองลูกน้องคนสนิทที่กำลังแสดงอาการอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ พรีม! เธอยัง.”
“ทำไม หรือมึงว่าไม่จริง? การที่เด็กคนนั้นได้เรียนก็เพราะว่ากูเอ็นดู ทั้งที่ความจริงกูไม่จำเป็นต้องทำให้สิ้นเปลืองก็ได้”
ช้อนส้อมวางลงบนจานทั้งที่อาหารเพิ่งถูกตักเข้าปากเพียงไม่กี่คำ ก่อนที่แทนไทจะเดินเข้ามารินน้ำให้ผู้เป็นนายอย่างที่เคยทำ
“แต่ พรีมเพิ่ง17 เองนะครับ ผมจำได้ว่านายเคยบอก ถ้าพรีมอายุไม่ถึง18 นายจะไม่แตะต้อง” คำพูดในลำคอ ตัดพ้อ
“หึ มึงคิดว่าเสือมันเลือกเหยื่อที่จะกินงั้นเหรอ? ไม่! มันไม่เลือกหรอก อายุมันก็เป็นแค่เพียงข้ออ้าง แต่ไม่ต้องห่วงเพราะอีกไม่กี่วันกระต่ายน้อยขนปุกปุยของกูก็จะครบ18 แล้ว ที่สำคัญกูไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร ดังนั้นมึงสบายใจเรื่องนั้นได้”
คิ้วหนายกสูง มุมปากแสยะยิ้ม แววตาเจ้าเล่ห์แฝงไปด้วยแผนร้ายที่คนอื่นยากจะหยั่งรู้ถึงความคิดของชายหนุ่ม ขนาดผู้ชายด้วยกันยังรู้สึกถึงความน่ากลัว แล้วนับประสาอะไรกับเด็กสาวไร้เดียงสาที่เผลอก้าวเข้ามาในอาณาเขตของเสือร้าย
“แต่นายเอาเรื่องเรียนมาเป็นเงื่อนไขเพื่อต่อรอง ผมว่ามันไม่ค่อยถูกนะครับ อีกอย่างพรีมก็ไม่เคยรู้ ว่าสิ่งที่ต้องแลกคืออะไร?”
คำถามจากแทนไท ยิ่งทำให้ผู้เป็นนายรู้สึกถึงบางอย่างที่เก็บซ่อนอยู่ในความคิด
“แล้วมึงมีปัญหาอะไร? ถึงยังไงเธอก็ถูกส่งมาขัดดอก จะช้าหรือเร็ว สุดท้ายก็ต้องถูกกูเอาอยู่ดี
“แต่”
“จะว่าไปกูเอาตอนนี้เลยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเธอจะยอมหรือไม่”
สายตาคมเหลือบมอบสีหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังหยอกเย้ากับอารมณ์ของอีกฝ่ายพลางยกยิ้มด้วยความพอใจ
“ส่วนเรื่องที่กูให้เรียน ก็แค่อยากส่งเสริมเผื่อวันไหนกูเบื่อ จะได้เอาความรู้ไปสร้างอาชีพต่อ มึงคิดว่ามันไม่ดีกว่าหรือไง?”
“แต่เธอยังเป็นแค่เด็ก”
สายตาคมเหลือบมองด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะถอนหายใจแรงอย่างไม่สบอารมณ์
“เด็กเหรอ? แต่ที่กูเห็น..มันก็ไม่เด็กแล้วนะ น่าบีบขย้ำ น่าเอาจะตาย” น้ำเสียงปนเสียงหัวเราะ หางตาคมเหลือบมองคนตัวผอมที่กำลังครุ่นคิด ยิ่งเขารู้ว่ามีคนสนใจของที่ตนหมายตาก็ยิ่งทำให้เขาอยากได้สิ่งนั้นมาครอบครองมากขึ้น
แทนไทบีบกรามแน่นพยายามเก็บงำความรู้สึก ก่อนจะหยุดความคิดของตัวเองเอาไว้ เพราะไม่ว่าอย่างไรสถานะของเขาก็เป็นเพียงลูกน้อง ไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อรองหรือเห็นต่างได้แต่ยอมรับและทำตามคำสั่งเท่านั้น
แม้ว่าเจ้านายของเขาจะมีนิสัยรักสนุก เจ้าชู้ไม่เลือกหน้าแต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ คือนายของเขาไม่ใช่คนที่จะข่มเหงจิตใจหรือทำร้ายผู้หญิง กลับกันถ้าสาวน้อยทำตัวน่ารัก ทำตามที่ชายหนุ่งพึ่งปรารถนา เธอก็จะได้รับแต่ความสุขอย่างที่ต้องการเช่นกัน
“มึงไปจัดการเรื่องมหาลัยให้พรีมด้วย เลือกที่ ที่อยู่ใกล้ๆจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล”
“ครับ”
“แล้วเย็นนี้อย่าลืมขึ้นมาปลุกกูด้วย แต่กูไม่อยากเห็นหน้ามึงเป็นคนแรก รู้ใช่ไหมว่าหมายถึงอะไร?”
สายตาคมเหลือบมองลูกน้องคนสนิท ก่อนที่แทนไทจะพยักหน้ารับอย่างรู้ความ แล้วเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ผู้เป็นเจ้านายได้พักผ่อน ก่อนจะออกไปตรวจงานตามแหล่งธุรกิจในตอนเย็นเหมือนทุกๆวัน
..เวลา 20.00 น.
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แกร็ก!
เสียงเคาะประตูดัง ก่อนที่มันจะค่อยๆถูกแง้มเปิดออกกว้าง พร้อมกับเงาของใครบางคนก้าวเข้ามาในห้อง สายตามองสำรวจไปรอบๆโถงใหญ่ที่ตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดไร้แสงไฟส่องสว่าง เงาดำของคนปริศนาเดินฝ่าความมืดตรงไปยังประตูบานที่สองซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจนสุดทาง ประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดแง้มอย่างเชื่องช้า
“นายคะ พี่แทนให้พรีมขึ้นมาปลุกค่ะ” เสียงหวานเรียกปลุก หวังให้เจ้าของห้องตื่นจากการหลับใหล แต่ทว่าภายในห้องกลับไร้เสียงตอบรับจากชายตัวโต
ภายในห้องมืดสนิท หลอดไฟดวงเล็กบนหัวเตียงถูกเปิดให้สว่างจากปลายนิ้วเล็กของหญิงสาวแสงนวลส่องกระทบใบหน้าคมเข้มที่กำลังหลับไหลอยู่ในภวังค์
“นายคะ ได้เวลาตื่นแล้วค่ะ” ใบหน้าเล็กโน้มเข้าใกล้ เสียงนุ่มกระซิบปลุกคนตัวโตให้ตื่นจากความฝันเป้นครั้งที่สอง
หมับ!
พรึ่บ! 0.0!
อ๊ะ!!
ร่างเล็กถูกดึงเข้าไปกอด ผ้าห่มผืนหนาปกคลุมร่างของตนทั้งสองลมหายใจร้อนพ่นรดใบหน้า ยิ่งคนตัวเล็กขยับพยายามดิ้น แรงโอบรัดก็ยิ่งบีบแน่นจนคนที่อยู่ในอ้อมกอดหายใจลำบาก
“นะ นายคะ”
“อื้อ~~ ขอเฮียนอนต่ออีกนิดนะคะ เฮียง่วงมากเลย” เสียงงัวเงียกระซิบเบา จมูกคมซบลงบนแก้วนิ่มราวกับคนไร้สติ
“นะ นายคะ พะ พรีมเองค่ะนาย นายปล่อยก่อนดีไหมคะ?” คำพูดตะกุกตะกัก ติดขัดในลำคอ เสียงหัวใจเต้นถี่ดังจนเธอได้ยินเสียง
“นุ่มนิ่มดีจัง กลิ่นก็หอม ขอเฮียนอนกอดอีกหน่อยนะ”