#เฮียมาเก็บดอก
3: ไล่จับ
รถเลี้ยวเข้าไปในบ้านที่มีบริเวณกว้างขวางแถมยังมีต้นไม้ร่มรื่นแต่พอได้มาเห็นตอนกลางคืนเด็กหนุ่มรู้สึกว่ามันออกไปทางวังเวงน่ากลัวเสียมากกว่าบวกกับตัวบ้านที่เป็นไทยประยุกต์ดูเข้มขลังสุดๆ ไปเลย ถ้ามีผู้หญิงใส่ชุดไทยออกมารำต้อนรับตรงบันไดบ้านสาบานว่าต้องมียืนฉี่แตกแน่
แต่อีกความรู้สึกนึงมันก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นบ้านหลังใหญ่ๆ เริ่มเปรียบเทียบบ้านเสี่ยกับบ้านไอ้ต๊ากเพื่อนสนิทของเขาในใจประเมินจากสายตาคิดว่าคนทั้งคู่ต้องมีฐานะไล่เลี่ยกัน
'ชอบอ่ะอยากอยู่…'
จ้องตัวบ้านด้วยความสนใจยังไงที่นี่ก็ดีกว่าบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ในเขตเทศบาลที่เขาเติบโตมาหักคะแนนนิดหน่อยตรงที่มันมาปลูกกลางป่ากลางเขาห่างไกลผู้คน
'เห็นแก่บ้านหลังโตๆ ผมจะยอมเป็นตัวขัดดอกให้ย่าก็ได้'
ไอ้ต่ายลืมความน้อยใจที่มีต่อย่าไปหมดสิ้นจากที่คิดว่าย่าไม่รักก็คิดใหม่ว่าย่าต้องรักเขามากแน่ๆ ถึงให้มาใช้ชีวิตหรูหราแบบนี้
ติดอย่างเดียวที่เจ้าของบ้าน
เด็กหนุ่มลงจากรถโดยที่คนของตาลุงยังตามมาล็อคแขนทั้งสองข้างไม่ยอมปล่อย
“พามันขึ้นบ้าน”
“ครับเสี่ย” ลูกน้องรับคำสั่งแล้วก็หิ้วปีกผมคนละข้างพยายามจะลากขึ้นข้างบน
“ไม่ต้องจับเดินเองได้น่า ไม่หนีด้วยโอเคไหม” ไอ้ต่ายต่อรองอย่างจริงใจเขาอยากย้ำให้ทุกคนเห็นว่าเขาเต็มใจอยู่ที่นี่แต่ไม่มีใครเชื่อเลยสักคน
“ไม่ได้!” ลูกน้องเสี่ยหมีตอบพร้อมกันและหิ้วปีกไอ้ต่ายขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเลนับว่าโชคยังดีที่ไม่ตกบันไดลงมาแข้งขาหัก
“ปล่อยดิวะ!…แม่งเอ๊ยยย…บอกว่าบอกไง!!!” ในเมื่อไม่มีใครเชื่อใจเจ้าต่ายก็จะป่วนซะให้เข็ดพยายามโหนตัวยกขาขึ้นเพิ่มน้ำหนักและเพิ่มภาระให้คนที่หิ้วเขาขึ้นบ้านปากก็ร้องตะโกนแม้รู้ดีว่ามีแต่เจ้าป่าเจ้าเขากับนางไม้เท่านั้นล่ะที่ได้ยิน
เป้าหมายจริงๆ คือทำให้สองคนข้างๆ นี่รำคาญเละตัวบงการที่อยู่ข้างหลัง
เสี่ยหมีเดินตามขึ้นมาบนบ้านมองลูกน้องที่หันมามองเป็นคำถามว่าจะเอาไอ้เด็กดื้อตัวนี้ไปไว้ไหน
เสี่ยพยักหน้าเป็นอันเข้าใจตรงกันว่าให้พาไปที่ห้องเชือด
ไม่ผิดหรอก…
เขาคิดว่าคนฤทธิ์เยอะอย่างไอ้ต่ายไม่จำเป็นต้องหลอกให้ตายใจต้องรีบข่มรีบกำราบไว้ไม่งั้นจะปกครองกันลำบากมันดูเป็นคนหัวรั้นไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ
โซ่ แส้ กุญแจมือก็ไม่ได้ใช้มานานคิดแล้วมันก็คันไม้คันมืออยากเอามาจัดการไอ้เด็กดื้อนี่ซะ
“อะไรเนี่ยห้องไรวะ! ปล่อยกู!!” เสียงไอ้ตายที่แหกปากตะโกนทำเอาเหนื่อยใจ
มองสองตีนคู่เดิมที่ตอนนี้ยันขอบประตูห้องไว้มั่น เป็นเสี่ยเองที่ต้องสงบจิตสงบใจลงก่อนอย่าปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจนเผลอทำอะไรรุนแรงลงไป ความจริงก็คิดแหล่ะว่าโบกสักทีดีไหมจะได้หายซ่าส์ยายจื้นบอกแล้วด้วยว่าเขาจะเฆี่ยนจะดีมันยังไงก็ได้ คิดไม่ตกว่าจะปราบพยศยังไงแต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำอะไรก็ได้ให้มันใจเย็นลงก่อนไม่งั้นคนอื่นๆ ในบ้านจะตื่นกันหมด
“ปล่อยมันลง” เสี่ยตัดสินใจถอยคนละก้าว
เมื่อนายสั่งลูกน้องก็ปล่อยมือจากแขนไอ้ต่ายพร้อมกันไม่ให้โอกาสคนที่กำลังออกฤทธิ์ออกเดชได้ระวังเลยร่วงลงไปนั่งก้นกระแทกกับพื้นทันที
เจ็บสุดๆ ...
ไอ้ต่ายได้แต่เอามือลูบก้นที่โดนกระแทกเต็มแรง
“พวกมึงก็ออกไป” เสี่ยหมีโบกมือไล่ลูกน้องให้พ้นหูพ้นตา
สายตาจ้องตรงไปที่เด็กน้อยตรงหน้าซึ่งมองลูกน้องสองคนของเขาที่เดินจากไปจนสุดสายตาเปี่ยมไปด้วยความอาลัย
มันคงไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพังสินะ
เมื่อมันดึงสติกลับมา
เสี่ยหมีก็ได้เห็นดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงไม่ไว้ใจมันพยุงตัวขึ้นมายืนและเริ่มถอยหนีเสี่ยห่างออกไปทีละก้าว
คิดว่าทำแบบนี้จะหนีเขาได้รึไง? ...
"หึหึ..." หัวเราะเบาๆ สองมือล้วงกระเป๋าวางท่าข่มขวัญก่อนจะค่อยๆ สืบเท้าก้าวตามไอ้ต่ายที่ถอยหลีงห่างออกไปเรื่อยๆ
กลัวอะไรล่ะกูไม่ได้จะจับมึงมาฆ่าแต่จะพาไปขึ้นสวรรค์ต่างหาก
ไอ้ต่ายรู้สึกไม่ปลอดภัยสายตาเสี่ยมันไม่เหมือนคนที่จะเข้ามาทำร้ายแต่เหมือนคนที่หิวกระหายพร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่จับเขาไปขย้ำกิน
น่ากลัวว่ะ...
คิดแบบนั้นก็เริ่มมองซ้ายมองขวาหาทางหนีทีไล่จากที่ค่อยๆ ถอยหลังทีละก้าวก็ตัดสินใจเปลี่ยนทางวิ่งฉีกไปทางโซฟารับแขกกระโดดข้ามโซฟาวิ่งมาตรงโต๊ะกินข้าวหวังให้โต๊ะตัวยาวตรงหน้าเป็นเกราะกำบัง
ตึกๆ ตึกๆ ...
ใจเต้นรัวด้วยความกลัวความตื่นเต้นสมองทำงานหนักมากสุดเท่าที่เคยใช้ ตาจ้องตาดูชั้นเชิงกันไปมาว่าใครจะเป็นฝ่ายเพี้ยงพล้ำ พอเสี่ยขยับไอ้ต่ายก็ขยับหนีไปฝั่งตรงข้ามเว้นระยะห่างได้ค่อนข้างดี
กลายเป็นว่าตอนนี้เราทั้งคู่วิ่งไล่จับรอบโต๊ะกินข้าวมาเล้วหนึ่งรอบ
ไม่เวิร์คหรอก...
ไอ้ต่ายเริ่มมองรอบๆ บ้านหาเกราะกำบังที่ใหม่
นั่นไง...
ประตู...
เสี่ยหมีรู้ทันว่าไอ้ต่ายกำลังคิดอะไรเขาตัดเกมส์ชิงจังหวะเดินเข้าไปใกล้มันใหม่พยายามต้อนมันกลับไปยังตำแหน่งเดิมในตอนแรก
“จะไปไหนวิ่งเล่นรอบบ้านเป็นหนังอินเดียเลยนะมึง" เสี่ยหมีพูดดักแล้วก็ขยับวนย้อนไปทางเก่า
“อย่าเข้ามานะลุง!” ไอ้ต่ายชี้หน้าตกใจหนักเพราะเสี่ยเข้ามาขวางทางหลบหนีแต่คิดว่าคนอย่างเสี่ยจะฟังไหมล่ะ
ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุจนไอ้ต่ายต้องวิ่งออกมาจากโต๊ะกินข้าว
เสี่ยรีบกระโดดเข้าไปคว้าตัวมันไว้แต่ก็จับได้แต่ปลายแขนแถมโดนไอ้ต่ายสะบัดทิ้งหนีไปได้ เสี่ยต้องรีบดักทางมาขวางประตูบ้านไว้ถามตัวเองในใจว่ากำลังเล่นอะไรอยู่จะสี่ทุ่มอยู่แล้วยังต้องมาวิ่งไล่จับกันเนี่ย
ยังไงก็หนังอินเดียชัดๆ กว่าพระนางมันจะรักกันได้
"เหว๋อออ..." ไอ้ต่ายเบรคตัวโก่งเมื่อวิ่งไปเจอทางตันถูกเสี่ยเข้ามาขวางไว้ซะก่อน
"ไอ้ต่ายมานี่!..."
"มาก็โง่ดิลุง" เอี้ยวตัวหลบก่อนจะวิ่งหนีไปอีกฝั่งอาสัยเสากลางบ้านเป็นเครื่องกำบัง
“กูชื่อหมีมึงเลิกเรียกลุงได้ละ” พูดแล้วก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
“ถอยไปไง! ...บอกว่าอย่าเข้ามา”
“กลัวอะไรกูไม่ได้จะฆ่ามึงซะหน่อย”
“ลุงโคตรไม่น่าไว้ใจเลยว่ะ”
“บอกว่าอย่าเรียกลุงมึงฟังกูบ้างไหมห๊ะ!”
“ย่ากูยังไม่ฟังแล้วมึงเป็นใคร!” ไอ้ต่ายวิ่งแจ้นเมื่อเสี่ยเข้ามาใกล้
หันซ้ายมองขวาตัดสินใจวิ่งไปที่ประตูห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดในหัวคิดว่าการขังตัวเองไว้ในห้องดูจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยสำหรับตอนนี้
“มึงว่าไงนะ!” เสียงตะคอกพร้อมกับแขนเสี่ยที่เข้ารวบตัวไอ้ต่ายไว้ในวงแขนได้สำเร็จ