บทที่ 3 แม่ค้าหาย
“อือออ ปวดหัวจัง ไม่น่าเห็นแก่เงินเลยเรา”เสียงนาฬิกาปลุกเรียกให้ขวัญจิราลุกขึ้นนั่งโอนเอนอยู่บนเตียง เพราะอาการเมาค้างของเธอยังไม่หาย
ตอนนี้ในหัวหนูมันทั้งปวดทั้งมึนหมุนติ้วเป็นลูกข่างไปเลยค่ะ เพราะเห็นแก่คำว่าเงินคำเดียวเลย หนูต้องมานั่งมึนจะล้มแหล่มิล้มแหล่อย่างนี้
เดี๋ยวนะ! เงินเหรอ
คิดได้เช่นนั้นเธอรีบลุกขึ้นเดินไปเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเก่าเพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน
“มีจริงด้วย”เงินสดสามหมื่นห้าพันบาทที่ใส่ในกระเป๋าใบเก่าจนมันตุงแทบจะฉีกออกมา ทำเอาขวัญจิราน้ำตาร่วงหล่น เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์โทรหาเพื่อนสนิททั้งสองคนทันที วันนี้ไข่หวานไม่ต้องกินไข่ต้มกับขนมปังแล้ว เธออยากลองกินอะไรแพงๆดูบ้าง แม้บางครั้งเพื่อนสุดหล่อย่างเธียรจะพาเธอไปเลี้ยงข้าวบ่อยๆ แต่ด้วยความเกรงใจเธอจึงเลือกกินเพียงอาหารจานเดียวข้างทางทุกครั้ง
ยังไม่ทันได้กดโทรออก ข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ก็ทำให้เธอเบิกตาโตอ้าปากค้างทันที
เงินเข้า 30,000 บาท
นี่คืนเงินที่หนูทำงานได้เมื่อคืนเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อไข่หวานรวยแล้ว
ขวัญจิราเต้นท่าหุ่นยนต์แข็งทื่อด้วยความดีใจไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมของเธอ ไม่นานเสียงโทรศัพท์เครื่องเก่าของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“ลูกชุบ ไข่หวานรวยแล้ว”
“รู้แล้ว ไปหาอะไรดีๆกินซะ เลิกกินไข่ต้มกับขนมปังทุกวันสักทีลูกชุบเห็นแล้วสงสารจริงๆ”
“ไปด้วยกันสิ ไข่หวานก็ว่าจะโทรชวนเทียนอยู่พอดี”
“ไปกันเลย จำไม่ได้เหรอวันนี้ลูกชุบต้องไปสิงคโปร์ เที่ยวให้สนุก อย่าใช้เงินเพลินจนลืมไปทำงานล่ะ แล้วก็ทำตัวดีๆด้วย”
“ลูกชุบไม่อยู่ห้ามมีเรื่องกับลูกค้า อ้อนเข้าไว้ชวนคุยในเรื่องที่เขาอยากคุย อย่าเผลอไปคุยเรื่องแปลกๆล่ะ จับทางลูกค้าให้ได้เดี๋ยวไข่หวานจะรวยจนลืมว่าตัวเองเคยจนไปเลย ไปแล้ว…บาย”
“สอนเป็นแม่เลยนะลูกชุบ แต่ก็ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้ลูกชุบ
ไข่หวานคงต้องปั่นจักรยานขายบัวลอยไปจนกว่าจะเรียนจบแน่”หลังจากวางสายขวัญจิราเดินบ่น ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ข้าวของทำมาหากินที่เลี้ยงดูเธอมาหลายปีอย่างอาลัยอาวรณ์
“ลาก่อนนะ ไข่หวานจะไม่ลืมพวกแกที่ช่วยให้มีกินจนถึงทุกวันนี้”มือบางลูบตะกร้าใบเก่าที่เธอใช้มานานจนผุพัง ก่อนจะเดินไปยกโทรศัพท์โทรหาเพื่อนอีกคน
“ออกมายังให้เทียนไปรับมั้ย”ปลายสายกรอกเสียงถาม
“เทียนมารับก็ได้ เดี๋ยววันนี้ไข่หวานเลี้ยงข้าวเช้าเทียนเอง”
“ฉันไม่กินไข่ต้มกับหนมปังโง่ๆของเธอนะไข่หวาน”
“รู้แล้ว วันนี้ไปกินติ่มซำแถวมหาลัยกัน”
“นึกครึ้มอะไรขึ้นมาเนี่ยวันนี้ ตอนเทียนชวนแวะไม่เคยอยากจะไป ไหนบอกเปลือง”
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ตอนนี้ขอไข่หวานไปอาบน้ำก่อน”หลังจากวางสายขวัญจิราวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที
เกือบหนึ่งชั่วโมงเธียรก็มาถึงที่หมาย เขาที่กำลังจะยกหูโทรศัพท์ขึ้น แต่ขวัญจิราที่กำลังออกมาจากตึกเรียกเอาไว้พอดี
“เทียน”
“เทียนกำลังจะโทรหาพอดี”
“ไปกันไข่หวานหิวแล้ว”
“ไปนั่งด้านหลัง”ขวัญจิรากำลังเปิดประตูด้านข้างคนขับ แต่เธอกลับโดนอีกฝ่ายบอกให้ไปนั่งด้านหลังแทน
“ไม่ใช่เธอไข่หวาน”
“ไม่ใช่ไข่หวาน??”ขวัญจิรามึนงงมองซ้ายขวาก็ใช่ว่าจะมีใครนอกจากเธอที่ยืนอยู่ตรงนี้
“เธอนะมานั่งหน้า ส่วนเธอยัยผีหน้าสวยไปนั่งด้านหลัง งอแงจะตามมาอยู่ได้ไหนบอกจะเชื่อฟัง”คำสั่งนั้นทำเอาขวัญจิราขนลุกชัน เมื่อเธียรสั่งจบเหมือนมีลมพัดผ่านร่างกายของเธอไป
“เทียนพกผีมาด้วยเหรอ”
“ก็เธอจะตามมา”เธียรเอ่ยบอกหน้าตาเฉย ผิดกับคนฟังที่ขนลุกจนต้องกลืนน้ำลาย ไม่พอตอนนั่งลงที่เบาะหน้า หางตายังระแวงมองไปด้านหลังถึงแม้ว่ามันจะดูว่างเปล่า แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่จ้องมองอยู่
“แล้วไข่หวานต้องเลี้ยงข้าวผีด้วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้อดไปดื้อดีนัก น่าจะจับตีซะให้เข็ด”
“เทียนไม่กลัวบ้างรึไง เกิดเธอโกรธหักคอเทียนขึ้นมาจะทำไง”
“ก็มาดิพ่อจะจับถ่วงน้ำลงหม้อซะให้เข็ด”ยิ่งฟังเธอยิ่งนั่งนิ่งอึ้งหนักกว่าเดิม
หนูเริ่มสงสารผีขึ้นมาทีละนิดแล้วล่ะค่ะตอนนี้ ส่วนผีที่นั่งฟังอยู่คงอึ้งกว่าเธอ
“ไม่เอาแล้วเทียน ไข่หวานว่าเราเลิกพูดเรื่องผีกันดีกว่าขอโทษแทนเทียนด้วยนะคุณผี เทียนไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก”ขวัญจิราหันไปด้านหลังเอ่ยขอโทษลอยๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ตรงส่วนไหนของรถ
“ว่าแต่ไข่หวานไปรวยอะไรมา ถูกหวยเหรอวันนี้ก็ไม่ใช่วันหวยออกสักหน่อย เมื่อวานก็ไม่ใช่”
“เปล่า เทียนจำงานที่ลูกชุบบอกได้ไหม”ขวัญจิราเล่าการทำงานวันแรกให้เธียรฟังอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้ขณะลงจากรถสั่งอาหารหรือแม้กระทั่งตอนกินเธอก็ยังเล่าไม่หยุดปาก
“เทียนก็อยากมีสาวๆปรนนิบัติเหมือนกัน ไว้เดี๋ยวจะแวะไปหา จองตัวไข่หวานไว้ก่อนเลย”สิ้นเสียงพูดถ้วยที่อยู่ริมโต๊ะเกิดหล่นลงทันทีโดยที่ทั้งคู่ได้แต่นั่งมองด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่…ใช่มั้ยเทียน”ขวัญจิราหันไปมองหน้าเพื่อนนิ่งๆเพื่อให้เขายืนยันว่าถ้วยที่หล่นมันไม่ใช่ฝีมือสิ่งที่ตามเพื่อนมา
“ทำ…ทำไม”น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยถามขึ้นทีละคำ สายตาจ้องมองไปยังที่นั่งระหว่างเขาสองคน
“ใจเย็นก่อนเทียน ผีจะจับสิ่งของได้ไง”ขวัญจิราพยายามแก้ตัวให้ผี มันอาจจะเป็นเพียงความบังเอิญก็เป็นได้
“จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
“เทียนใจเย็น คนมองหมดแล้วนั่งลงก่อน”ขวัญจิราห้ามปรามเพื่อนสนิทที่เริ่มตะโกนเสียงดังขึ้น
“ดูทำตัวเข้าสิ เป็นผีแล้วไม่มีมารยาทได้เหรอวะ”
“ใจเย็นก่อนนะเทียน ถ้วยมันอาจจะร้อนไปโดนตัวเธอก็ได้ อย่าไปดุเธอเลย”
“เธอรู้เหรอว่าผีคิดอะไร”
“ไข่หวานจะไปรู้ได้ไง ไข่หวานยังไม่ตายสักหน่อย อีกอย่างไข่หวานก็ไม่ได้เห็นผีแบบเทียน”
“แล้วเธอจะแก้ตัวแทนผีเพื่อ...”
“แล้วเทียนจะแรงเพื่อ...”
“ก็จริง…กินๆ ว่าแต่คืนนี้ไข่หวานต้องไปทำงานคนเดียวจะไหวเหรอ”
“ไหวสิ ไข่หวานจะพยายาม อีกอย่างอาจารย์ก็สอนมาดี คืนนี้ไม่พลาดแน่นอน”
“มีไรก็โทรมานะ เทียนพร้อมซัพพอร์ตไข่หวานเสมอ”
“ขอบใจนะ เทียนเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กินอาหารเช้าและเข้าเรียนกันต่อ กว่าจะจบการเรียนของวันนี้ก็เล่นซะแทบคายความรู้ที่เรียนทั้งหมดออกมา ดีหน่อยที่มีเธียรอยู่ ทำให้ขวัญจิราพอได้ถามไถ่บ้าง
แต่ถามว่าชายหนุ่มฟังที่อาจารย์สอนมั้ย ก็คงตอบได้ว่าแค่ฟังผ่านๆ สองคาบที่ผ่านมาเธอเห็นแค่เพื่อนสนิทไม่หลับในคาบ ก็นั่งวาดรูปหรือนั่งทะเลาะกับผีเท่านั้น แต่พอถามอะไรเขาจะตอบได้เสมอ
@ คลับ
ภายในห้องวีไอพีหรู คืนนี้มีการนัดพบของคู่ค้าคนใหม่ที่จะมาร่วมหุ้นในคลับแห่งนี้
“มาแล้วเหรอคะเสี่ยหมี”
“ครับ คุณพาย”
สองเพื่อนสนิทที่เคยเรียนมหาลัยด้วยกัน ทักทายกันเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปี ทั้งที่เมื่ออาทิตย์ก่อนพระพายเพิ่งไปแก้บนแถวตลาดของภวิศอยู่เลย
“เป็นไง คลับนี้ดูดีเหมาะสมให้เสี่ยแบบมึงลงทุนมั้ย”
“น่าสนใจอยู่นะ เอาสัญญามาเลยกูพร้อมเซ็น”
“ว่าแต่ไม่มีดงมีเด็กมาให้กูทดลองดูหน่อยเหรอว่าดูแลดีแค่ไหน”ในขณะที่คนพูดกำลังมองเอกสารในมืออย่างพิจารณาถี่ถ้วน คนฟังก็ตอบกลับอย่างรู้งาน
“ใจเย็นค่าเสี่ย…ไอ้เชนกำลังพามาให้เลือก แต่วันนี้ตัวท็อปของเราไม่มานะ”
“กูต้องเสียดายใช่มั้ย”
“เด็กร้านนี้มีแต่หน้าตาดี มึงไม่ต้องห่วง ถึงไม่ท็อปการดูแลก็เป็นเลิศทุกคน”
“ให้มันจริงเถอะ”