ตอนที่ 10 ว่าที่หลานสะใภ้

1387 Words
อรกมลเดินทางกลับคอนโดหลังจากเลิกฝึกงานที่โรงพยาบาลในช่วงเย็น พอไปถึงก็เห็นว่าบนโต๊ะมีจานอาหารวางอยู่สองสามอย่าง และคนที่เข้ามาในห้องนี้ได้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “พี่วีร์” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ รีบวิ่งเข้าไปในครัว เพราะตั้งแต่เขาตัดสายของเธอวันนั้น ทั้งสองก็ไม่ได้คุยกันอีก ก่อนจะมาถึงคอนโดชัชวีร์ก็ได้แวะที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เข้าไปสั่งซื้อแบบห่อกลับบ้าน และตอนนี้ก็กำลังเทอาหารลงในจานเพื่อนำไปวางไว้บนโต๊ะ อรกมลเข้าไปยืนอยู่ด้านข้าง อกข้างซ้ายเต้นรัวราวกับแผ่นดินไหว เธอไม่รู้จะเริ่มพูดกับเขาอย่างไรดี วันนั้นคงทำให้เขาโกรธที่เผลอทำตัวไม่น่ารักแบบนั้น “อัยย์ขอโทษนะคะ ที่วันนั้น…” “ไม่เป็นไร ช่วยเอากับข้าวไปวางที่โต๊ะหน่อยสิ” “ค่ะ” เธอเก็บคำอธิบายเอาไว้ แล้วทำตามที่ชายคนรักบอกอย่างเชื่อฟัง จัดเตรียมอาหารเสร็จ ทั้งสองก็นั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกัน ชัชวีร์เห็นว่าอรกมลจ้องมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนและรู้สึกผิด เขาจึงลุกขึ้นยืนโน้มตัวไปด้านหน้า ส่งริมฝีปากพรมจูบที่หน้าผากมนของหญิงสาว “คิดถึงนะ” “อัยย์ก็คิดถึงพี่วีร์เหมือนกันค่ะ พี่ไม่โกรธอัยย์แล้วใช่ไหมคะ” “อือ กินข้าวกันเถอะ” “ค่ะ” เพียงแค่เสียงเรียบที่ขานตอบในลำคอ ก็ทำให้ความอัดอั้นตรงกลางอกของหญิงสาวในชุดนักศึกษาพยาบาลมลายหายไป สองวันมานี้เธอรู้สึกทรมานและกระวนกระวายใจ โทรไปหาเขาก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่เปิดอ่าน เหมือนว่ากำลังลงโทษที่เธอแสดงความหึงหวงไม่เข้าเรื่อง กินข้าวอิ่มทั้งสองคนก็มานั่งด้วยกันบนโซฟา การพบหน้ากันในวันนี้รู้สึกว่าแทบจะนับคำพูดได้เลย “เรายังเป็นเหมือนเดิมใช่ไหมคะ” “ทำไมถึงถามแบบนั้น” “อัยย์แค่รู้สึกว่าเราคุยกันน้อยลง หลัง ๆ พี่ก็ทำตัวสนิทสนมกับคุณริน อัยย์ก็แค่ไม่สบายใจ” “เราสัญญากันแล้วไงว่าจะรอให้เรียนจบก่อน แล้วจะบอกกับทุกคนว่าอัยย์เป็นเมียฉัน ถึงตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ และคุณย่าก็คงไม่คัดค้าน แต่นี่ผ่านไปไม่กี่เดือน เธอก็ไม่เชื่อใจฉันแล้วเหรอ” อรกมลยังจำทุกประโยคที่ว่ามานี้ได้ดี แม้จะเชื่อใจชัชวีร์มากแค่ไหน แต่ทว่าเบื้องลึกในจิตใจมันยังคงมีความกังวล “อัยย์เชื่อใจพี่ค่ะ แต่อัยย์ไม่เชื่อใจคนอื่น” ชายหญิงใกล้ชิดกันบ่อย มันก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคิดเกินเลย แล้วยิ่งถ้าบอกว่าอีกฝ่ายไม่คิดอะไร มาช่วยงานเพราะว่าง เธอยิ่งไม่อยากจะเชื่อข้ออ้างนี้เลย แต่ก็ไม่อยากพูดออกไป เกรงว่าจะทำให้ทะเลาะกันขึ้นมา “แค่เชื่อใจฉันก็พอ ส่วนเรื่องรินเลิกคิดมากได้แล้ว ตอนนี้ฉันมีแค่เธอคนเดียว” หลังจากนั้นอรกมลก็ไม่ได้กลับไปนอนที่ไร่ เนื่องจากฝึกงานหนัก อีกทั้งยังมีเรียน และอ่านหนังสือเตรียมสอบ จึงมีเวลาพักผ่อนค่อนข้างน้อย วันหยุดจึงเอาแต่หมกตัวอยู่คอนโด บางวันเขมิกาก็มาอยู่เป็นเพื่อน บางคืนก็มานอนค้างด้วยกันบ้าง ช่วงพักสมองก็หยิบโทรศัพท์เปิดมาดูอะไรเรื่อยเปื่อย เห็นภาพถ่ายของหนุ่มเจ้าของไร่และอินฟูเอนเซอร์สาวสวยที่ชื่อรินลดาอยู่เป็นประจำ แต่เธอรับปากกับชัชวีร์แล้วว่าจะเชื่อใจ จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก จนกระทั่งมาถึงวันที่อรกมลเรียนจบ เพื่อนร่วมคณะรวมถึงตัวเธอได้สวมชุดครุยเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เสร็จสิ้นพิธีก็ออกมาถ่ายรูปตามซุ้มต่าง ๆ “แก พี่วีร์มา” เสียงกระซิบของเพื่อนรักดังข้างหูอรกมล เขมิกายังไม่เคยเจอกับชัชวีร์เลยสักครั้ง แต่เคยเห็นภาพในโทรศัพท์ของเพื่อน และได้ติดตามไร่สิงหเนวินทร์ทางช่องทางโซเชียล จึงทำให้จำหน้าคนรักของเพื่อนได้ อรกมลหันมองไปด้านหน้า ชัชวีร์กำลังเดินเคียงข้างมากับหญิงชรา แต่ทว่าแขนข้างหนึ่งของคุณย่าฉายรวีกำลังถูกประคองโดยรินลดา คนรักของเธอรับปากว่าจะมาพร้อมกับคุณย่าฉายรวี เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้มาด้วยกัน รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าอรกมลเจื่อนลงทันใด ไม่คิดว่าคนที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวจะมาร่วมงานนี้ด้วย ทว่าพอทั้งสามคนเดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวก็ต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มเพื่อไม่ให้ใครสงสัยในความคิดที่มีในหัว “สวัสดีค่ะ หนูไม่คิดว่าคุณย่ากับคุณวีร์จะมาด้วย” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้มีพระคุณ ก่อนจะโผเข้าสวมกอดร่างเหี่ยวเฉาด้วยความรู้สึกตื้นตันดีใจ ดวงตาที่เอ่อคลอด้วยน้ำสีใสช้อนขึ้นมองใบหน้าของชายคนรัก สลับกับผู้หญิงที่ผละมือออกจากแขนของคุณย่า ขยับไปยืนอยู่เคียงข้างกันแทน อรกมลผละตัวออก มือของหญิงชราก็จับเข้าที่แขนของเธอ “ย่าต้องมาอยู่แล้ว มายินดีกับอัยย์ที่เรียนจบ ต่อไปจะได้มีอนาคตที่ดี” “ขอบคุณนะคะคุณย่า” “อ้อ ย่าจะแนะนำให้รู้จัก นี่หนูริน ว่าที่หลานสะใภ้ของย่าเอง” “หลานสะใภ้อะไรกันคะคุณย่า รินกับพี่วีร์ยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อยค่ะ” รินลดาเอ่ยอย่างเหนียมอาย ผิดกับอีกคนที่รู้สึกจุกที่กลางอกกับคำตอกย้ำว่าเธอไม่ใช่คนที่ครอบครัวของเขาต้องการให้เกี่ยวดองกัน ผ่านไปไม่กี่เดือนสถานะของชัชวีร์กับรินลดาเกินเลยไปถึงขั้นไหน ทำไมผู้มีพระคุณถึงบอกกับเธอแบบนั้น แล้วที่เขาบอกให้เชื่อใจ ไม่มีอะไร แค่คนรู้จัก แล้วตอนนี้ล่ะ คำว่าว่าที่หลานสะใภ้ที่คุณย่าฉายรวีเอ่ย มันหมายความว่าอย่างไร “สวัสดีค่ะคุณริน” แต่เธอก็ต้องแสร้งฝืนยิ้มและทำตัวเข้มแข็งเหมือนคนไม่คิดอะไร เอ่ยทักทายอีกฝ่าย เพราะนี่คือครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากันที่ไม่ใช่ผ่านภาพถ่าย “สวัสดีจ้ะน้องอัยย์ ฉันยินดีด้วยนะ นี่จ๊ะ พวกเราเตรียมของขวัญมาให้ด้วย ของชิ้นนี้พี่วีร์เป็นคนช่วยเลือกเลยนะ หวังว่าจะถูกใจ” รินลดารีบออกหน้าแสดงความยินดี พร้อมทั้งยื่นกล่องของขวัญให้กับอรกมลพลันส่งสายตาภายใต้รอยยิ้มอ่อนโยนสำรวจใบหน้าของอีกฝ่าย เธอทราบมาก่อนแล้วว่าคุณย่าของชัชวีร์ได้รับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้ที่ไร่ แต่ไม่คิดว่าจะมีหน้าตาและผิวพรรณดีขนาดนี้ แม้ว่าจะเป็นหลานอีกคนของหญิงชรา แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ที่ผ่านมาชัชวีร์ไม่ปรายตามองหรือหลงชอบความสวยของอรกมลบ้างเลยหรืออย่างไร ส่วนอรกมลยื่นมือที่เปียกชุ่มไปด้วยคราบเหงื่อออกไปรับกล่องของขวัญ ดวงตาไหววูบที่กำลังข่มกลั้นหยดน้ำตาช้อนขึ้นมองไปที่หนุ่มเจ้าของไร่ด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน ทำไมเขาถึงไม่เลือกซื้อให้เธอเอง แต่ชวนรินลดาไปเลือกซื้อของชิ้นนี้มาด้วยกัน เธอควรจะดีใจมากใช่ไหม เขาบอกให้เธอเชื่อใจ แต่นับวันเขากับรินลดาก็ยิ่งใกล้ชิดและทำตัวติดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ พอได้เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันอรกมลก็ชักรู้สึกสับสน เธอหรือรินลดากันแน่ที่เป็นคนรักของชัชวีร์ และคำพูดของคุณย่าฉายรวีที่บอกว่ารินลดาคือว่าที่หลานสะใภ้ อย่างนั้นก็หมายความว่าเขาตั้งใจพาผู้หญิงคนนี้มาเปิดตัวในวันสำคัญของเธออย่างนั้นหรือ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD