สายตาที่เปลี่ยนไป

1419 Words
มาธวีตื่นขึ้นมาในเช้าวันอังคารด้วยความรู้สึกที่ว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เธอมองเพดานห้องนอนเล็ก ๆ ที่คุ้นเคย แต่กลับมีภาพของห้องทำงานของท่านประธานและความใกล้ชิดที่อันตรายเมื่อวานตอนเย็นเข้ามาแทรกอยู่ตลอด ‘ผมสัญญาจะไม่มีใครรู้ แต่คุณต้องสัญญากับผมเหมือนกันว่า คุณจะไม่หนีผมไปไหน และจะมาหาทุกครั้งถ้าผมบอกว่าคิดถึง’ คำพูดที่เขาใช้กระซิบข้างหูเธอยังคงดังก้องอยู่ ทำให้มาธวีแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง เธอจำได้ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรที่ล่วงเกินไปมากกว่าการสัมผัสที่แผ่วเบาและคำพูดที่ทำให้ใจเธอเต้นแรงแต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอหวั่นไหวไปกับความรู้สึกของตนเอง เธอรู้ดีว่าการเข้าไปในบริษัทวันนี้คือการเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ลับระหว่างเธอกับองศาได้เริ่มต้นขึ้นแล้วทั้งที่เขาบอกเองว่าทุกอย่างจะจบที่สมุย แต่การที่เขาเริ่มใช้คำพูดที่แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเปิดเผย แม้จะเป็นการกระซิบในห้องส่วนตัว มันก็ทำให้เธอรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น เมื่อมาธวีมาถึงชั้นของผู้บริหารชไมพรก็ยิ้มทักทายเธอตามปกติแต่ดวงตาของเธอก็แฝงความสงสัยบางอย่าง “สวัสดีค่ะพี่แก้ว” “สวัสดียามเช้าจ้ะผึ้ง วันนี้หน้าตาสดใสเป็นพิเศษเลยนะ” ชไมพรแซว “พอดีว่าเมื่อคืนรีบนอนแต่หัวค่ำค่ะ” “แล้วเมื่อวานทำงานต่อดึกไหม” “ไม่ค่ะ คุณองศาคุยไม่นานก็กลับ” มาธวีตอบพลางหลบสายตาเพราะเธอเป็นคนโกหกไม่เก่งและมักแสดงทุกอย่างออกมาทางสายตา “แล้วอาหารมื้อเย็นอร่อยไหมจ๊ะ” เลขาฯถามพร้อมกับอมยิ้ม “พี่แก้วรู้เหรอคะ” “พอดีว่าเมื่อวานเพื่อนพี่เห็นคุณองศาไปทานข้าวก็เลยโทรหาพี่เพราะคิดว่าพี่อยู่แถวนั้นพี่ก็เลยรู้ว่าเขาพาผึ้งไปทานข้าวมาน่ะจ้ะ” “พอดีว่าคุณองศาเขาบอกว่าหิวก็เลยให้หนูไปกินข้าวเป็นเพื่อนค่ะไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้นเลย” มาธวีตอบอย่างร้อนตัว “พี่ก็ไม่ได้พูดว่ามีอะไรนี่” “พี่แก้วอย่าบอกใครนะคะ หนูไม่อยากให้คนอื่นรู้” “มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้านายจะพาลูกน้องกินข้าวนะ คุณองศาก็เคยพาพี่กินข้าวอยู่หลายครั้ง” “แต่หนูเป็นแค่เด็กฝึกงานนะคะพี่แก้ว” “มันก็ใช่ที่ผึ้งเป็นเด็กฝึกงานแต่งานที่ผึ้งทำมันก็มีความสำคัญนะ อย่าคิดอะไรมากเลยสนิทกับเจ้านายไว้มันก็ดีกับตัวเรานะ เอาล่ะพี่ว่าเราอย่ามัวคุยกันเลยมาช่วยกันทำงานดีกว่านะวันนี้ตอนบ่ายคุณองศามีประชุมอีกแล้ว” “ค่ะพี่แก้ว” ในขณะที่มาธวีกำลังจัดเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน องศาก็เดินออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องทำงานของเขาเช่นเคย แต่คราวนี้มันแตกต่างออกไป แทนที่จะเดินผ่านเธอไปอย่างเย็นชาเหมือนทุกวันแต่องศากลับชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านโต๊ะของมาธวี เขาไม่ได้หยุดพูดคุยแต่เขาหันหน้ามามองเธอตรง ๆ แล้วส่งรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากให้เธอ รอยยิ้มนั้นแทบจะมองไม่เห็นแต่เต็มไปด้วยความหมายลับที่ทั้งมาธวีและองศาเท่านั้นที่เข้าใจ มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนการทักทายส่วนตัวและความเป็นเจ้าของ หัวใจของมาธวีเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก เธอรีบก้มหน้าลงมองเอกสารทันทีเพื่อซ่อนความรู้สึกที่กำลังปั่นป่วน ชไมพรที่กำลังมองเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วหันมากระซิบกับมาธวีด้วยน้ำเสียงที่ลดระดับลงเมื่อท่านประธานเดินเข้าห้องไปแล้ว “นี่ผึ้ง พี่ไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม” “คะ? อะไรเหรอคะพี่แก้ว” “ตั้งแต่พี่ทำงานกับคุณองศามาหลายปี พี่แทบไม่เคยเห็นท่านยิ้มอ่อนโยนแบบนั้นกับใครเลยนะ คุณองศาเป็นคนที่ควบคุมสีหน้าเก่งมาก ยิ้มแต่ละทีคือยิ้มตามมารยาททางธุรกิจ แต่เมื่อกี้มันดูเป็นธรรมชาติและอ่อนโยนเกินไปหน่อย” ชไมพรเอานิ้วชี้แตะคางอย่างใช้ความคิด “พี่แก้วคิดมากไปหรือเปล่าคะ ท่านประธานอาจจะแค่อารมณ์ดีที่งานที่สมุยผ่านไปได้ด้วยดีก็ได้ค่ะ” มาธวีหัวเราะแห้ง ๆ “อารมณ์ดีน่ะใช่ แต่ยิ้มแบบนั้นน่ะ ไม่เคยมีมาก่อนหรอกหรือว่าจะเป็นเพราะหนูไปช่วยคุณองศาทำงานได้ถูกใจ พี่ว่าเขาเหมือนจะเอ็นดูน้องผึ้งเป็นพิเศษนะ” มาธวีทำได้แค่ยิ้มเจื่อน ๆ พยายามหันไปสนใจงานตรงหน้าเพื่อยุติการสนทนา แต่ความรู้สึกผิดและกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยก็ทำให้เธอเป็นกังวล ตลอดช่วงเช้ามาธวีพยายามหลีกเลี่ยงการสบตากับองศาที่มักจะเปิดประตูห้องทำงานออกมามองโต๊ะของเธอเป็นระยะ ๆ ทุกครั้งที่เขาเรียกใช้ ชไมพรก็จะสังเกตได้ว่าน้ำเสียงที่องศาใช้เรียกมาธวีนั้นนุ่มนวลและลดระดับความเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คนนอกอย่างชไมพรเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ “ผึ้งรบกวนช่วยถ่ายเอกสารชุดสรุปการเงินให้ผมหน่อยนะและเตรียมห้องประชุมด้วย” องศาโทรศัพท์ภายในเข้ามาที่โต๊ะของเลขาฯ “ได้ค่ะ” “มีอะไรหรือเปล่า” ชไมพรมองอย่างแปลกใจเพราะปกติองศาจะสั่งงานที่เธอมากกว่าสั่งกับเด็กฝึกงานโดยตรง “คุณองศาให้หนูถ่ายเอกสารชุดสรุปการเงินและเตรียมห้องประชุมค่ะพี่แก้ว” “คุณองศาได้ผู้ช่วยคนใหม่แบบนี้พี่จะตกงานไหมนะ” ชไมพรหัวเราะแต่รอยยิ้มนั้นก็แฝงความกังวลเล็กน้อย “พี่แก้วอย่าพูดแบบนั้นสิคะ หนูเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานนะคะแต่ที่คุณองศาเรียกใช้หนูบ่อย ๆ ก็เพราะพี่แก้วท้องโตแล้วต่างหากละคะ หนูกับเขาไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” มาธวีรีบแก้ตัว “พี่ล้อเล่นน่า แต่หนูต้องระวังตัวนะผึ้ง พี่ว่าท่าทางของคุณองศาน่ะมันไม่ใช่แค่เอ็นดูแบบเจ้านายกับลูกน้องธรรมดาแล้วนะ” คำเตือนของชไมพรทำให้มาธวีรู้สึกเหมือนโดนจับโกหกได้ “ไม่มีอะไรหรอกมั้งคะพี่แก้ว” “พี่ไม่ได้ห้ามนะผึ้งกับคุณองศาจะมีอะไรมากกว่าประธานกับเด็กฝึกงานแค่อยากให้ระวังให้มาก ถ้าคนอื่นรู้พี่กลัวเขาจะเอาไปพูดให้เสียหายได้ แต่สำหรับพี่แล้วพี่จะไม่บอกใครเพราะผึ้งน่ารัก ทำงานก็เก่งและเหมือนน้องสาวของพี่ ถ้าคุณองศาจะชอบพอกับผึ้งพี่ก็จะดีใจมากเพราะพี่สังเกตว่าตั้งแต่ผึ้งมาทำงานด้วยดูเขาจะอารมณ์ดีมากกว่าแต่ก่อน” ชไพรพูดทิ้งท้ายก่อนจะเริ่มทำงานต่อ เธอทำงานกับองศามานานและพอจะดูออกว่าเจ้านายไม่ได้คิดกับมาธวีแค่เด็กฝึกงาน สายตาที่เขามองหญิงสาวนั้นมันซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ เวลาบ่ายโมงตรงเป็นเวลานัดหมายการประชุมสำคัญกับทีมบริหารเพื่อสรุปผลงานที่ผ่านมาและวางแผนสำหรับไตรมาสสุดท้าย มาธวีต้องรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขาฯ ในการจดบันทึกการประชุมทั้งหมด องศานั่งอยู่หัวโต๊ะโดยมีมาธวีนั่งอยู่ทางขวามือใกล้ที่สุด เพื่อความสะดวกในการยื่นเอกสารและจดบันทึก มาธวีพยายามนั่งตัวตรงและจดจ่ออยู่กับการจดบันทึก เธอพยายามควบคุมมือไม่ให้สั่นเมื่อต้องยื่นเอกสารให้องศาและหลีกเลี่ยงการสบตาเขาทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นมา การประชุมดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด เพราะตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดค่อนข้างกดดัน “ผมต้องการให้คุณพิทักษ์อธิบายแผนการลดต้นทุนในส่วนของการตลาดโดยละเอียดอีกครั้ง” องศาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเมื่อถึงคิวของผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD