จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ

1388 Words
“คุณองศาเรียกหนูขึ้นรถมามีอะไรหรือเปล่าคะ?” มาธวีรีบถามหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถของเขาแล้ว เธอรู้สึกตัวเกร็งไปหมดเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านประธานของบริษัทมากขนาดนี้ “ผมเห็นว่าเลิกงานผิดเวลาน่ะก็เลยอยากจะไปส่ง” “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะคุณองศา หนูนั่งรถเมล์ไปไม่กี่ป้ายก็ถึงบ้านแล้ว” “รังเกียจผมเหรอ?” “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแต่หนูเกรงใจค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ “แต่ผมเป็นคนทำให้คุณต้องเลิกงานผิดเวลานะ ถ้าทำที่แผนกเดิมก็คงได้เลิกงานตามเวลา” องศาพูดเหมือนรู้สึกผิดแต่ทุกอย่างมันเป็นแผนของเขา “เรื่องนี้หนูเต็มใจเองนะคะ ไม่ได้มีใครบังคับเลยนะคะ” “แต่ไหน ๆ คุณก็ขึ้นรถมาแล้วยังไงให้ผมไปส่งที่บ้านดีกว่านะ บอกทางมาสิ” “คุณองศาคะถ้าคุณอยากจะไปส่งจริง ๆ คุณส่งแค่หน้าปากซอยได้ไหม” “ทำไมล่ะหรือที่บ้านมีใครรออยู่ แล้วกลัวเขาจะรู้ว่ามีผู้ชายมาส่งที่บ้านเหรอ?” “เปล่าค่ะ หนูอยู่กับยายและหนูไม่อยากให้ยายตกใจที่เห็นคุณองศาซึ่งเป็นถึงประธานบริษัทมาส่งหนูที่บ้าน” “แต่ผมว่าถ้าผมไปส่งคุณที่บ้านยายคุณน่าจะไม่ว่าอะไรหรอกนะ ท่านก็คงรู้สึกดีที่หลานสาวของท่านถึงบ้านอย่างปลอดภัย” “แต่หนูว่าอย่าเลยค่ะ หนูไม่อยากให้คนอื่นรู้ด้วยค่ะ” “ผมว่านอกจากกลัวยายรู้แล้ว คุณยังกลัวคนอื่นจะรู้อีกหรือเปล่าล่ะ คุณคงกลัวแฟนรู้สินะ” “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะที่หนูบอกว่ากลัวคนอื่นจะรู้ก็คือหนูกลัวเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกันจะรู้หรือไม่คนที่บริษัทของคุณองศารู้หนูคงเดือดร้อนแน่ ๆ หนูไม่อยากจบช้านะคะ คุณองศาคะหนูขอร้องล่ะค่ะส่งหนูแค่หน้าปากซอยนะคะ” หญิงสาวมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดเธอกลัวว่าเรื่องนี้คนอื่นจะรู้และมันจะกระทบกับการฝึกงานของเธอ บรรยากาศในรถเงียบงันชั่วขณะ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่เดินเบา ๆ กับเสียงลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะของหญิงสาว องศาเหลือบมองเธอจากหางตา เห็นท่าทางนั้นก็ได้แต่ยกยิ้มบาง ๆ มุมปาก “ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมน้ำผึ้ง” เสียงของเขาเรียบ “คุณองศาจะถามอะไรหนูคะ” มาธวีรู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงนั้นโดยเฉพาะเมื่อเขาเน้นที่ชื่อเล่นของเธอมันฟังดูคล้ายกับบาร์เทนเดอร์ในคืนนั้น หญิงสาวหันไปมองหน้าเขาและเมื่อตั้งใจมองจากมุมด้านข้างภาพของเขาในเช้านั้นมันก็ซ้อนทับกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ “คุณจำผมไม่ได้จริง ๆ เหรอน้ำผึ้ง?” “หมายความว่ายังไงคะ?” เธอแกล้งถามออกไปทั้งที่ตอนนี้ในใจมันเต้นแรงและกำลังคิดหาทางปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงในคืนนั้น องศาไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงมองถนนตรงหน้า สายตาเรียบนิ่ง แต่แฝงไว้ด้วยบางอย่างที่ “ผมอยากรู้จังว่าคุณเมามากจนจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้หรือคุณแค่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ว่าเราสองคนเคยเจอกันมาก่อน” องศาหยุดรถชิดข้างทางแล้วหันกลับมามองหน้ามาธวีตรง ๆ สายตาคมเข้มที่จ้องมานั้นทำให้เธอแทบกลั้นหายใจ หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก “แต่หนูกับคุณไม่เคยเจอกันนะคะ” เธอพยายามปฏิเสธ ทั้งที่เสียงเริ่มสั่นและสายตาหลบเลี่ยง “คิดว่าจะหนีความจริงพ้นเหรอน้ำผึ้ง” “เปล่านะคะ” เสียงของเธอสั่นพร่าทั้งที่พยายามฝืนให้คงที่ “คุณคิดว่าเงินสามพันจะปิดความลับได้เหรอ?” “แล้วคุณต้องการเท่าไหร่?” “พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า คุณกำลังจะเอาเงินปิดปากผมทั้งที่ผมเป็นเจ้าของบริษัทที่คุณฝึกงานอยู่นะ” “แล้วคุณจะให้หนูทำยังไง?” ดวงตาของมาธวีเริ่มสั่นระริก ความทรงจำบางส่วนที่เธอพยายามฝังลึกให้ลืมเลือน เริ่มกลับมาทีละน้อยเหมือนเงาที่โผล่จากความมืด ภาพแสงไฟนีออน เสียงเพลงจังหวะเร้าใจ รอยยิ้มของผู้ชายที่ดูอบอุ่นแต่แฝงเสน่ห์บางอย่าง แม้ว่าตอนแรกเธอจำได้เพียงเลือนราง แต่เสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบข้างหูในคืนนั้นมันคือเสียงเดียวกับคนตรงหน้าในตอนนี้ “คืนนั้นคุณตั้งใจใช่ไหม คุณรู้ว่าผมเป็นใครใช่ไหม?” องศาถามออกไปอย่างไม่แน่ใจเพราะถ้าหากมันเป็นแบบนั้นเขาก็จะเลิกสนใจในตัวเธอ “หนูไม่รู้ว่าคุณคือใคร ถ้ารู้หนูคงไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก คุณคงไม่ยกเลิกการฝึกงานของหนูใช่ไหมคะ?” “คุณทำผิดอะไรผมถึงต้องยกเลิก” “ก็คือ หนู.....” เมื่อคิดถึงโน้ตที่ตัวเองทิ้งไว้หญิงสาวก็รู้สึกอายจนหน้าแดง เขาเป็นถึงประธานบริษัทแต่เธอกลับคิดว่าเขาคือบาร์เทนเดอร์อีกทั้งยังจ่ายเงินให้เขาอีกด้วย ตอนนี้มาธวีกลัวว่าเขาจะโกรธและยกเลิกการฝึกงานของเธอ “มีอะไรจะพูด” “คุณเป็นคนเดียวกับผู้ชายคืนนั้นจริงใช่ไหมคะ?” เธออยากให้เขาตอบว่าไม่แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของท่านประธานแล้วเธอก็หน้าจ๋อย “ใช่สิ จะให้ผมบอกไหมว่าคืนนั้นเราทำอะไรกันบ้าง มีความสุขแค่ไหนและตอนเช้าคุณทิ้งโน้ตว่าอะไรบ้าง ผมจำไม่ลืมนะ” มาธวีเม้มปากแน่น มือเย็นเฉียบจนต้องกำไว้กับตัก เธอรู้สึกเหมือนโลกหมุนช้าลง ทุกอย่างรอบตัวพร่าเบลอก่อนจะถามออกไปด้วยเสียงสั่น “คุณองศารู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรกใช่ไหมคะ ว่าหนูคือคนคนนั้น” “รู้” เขาตอบตรง ๆ “แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเรียกหนูขึ้นรถ ต้องทำให้หนูรู้สึก....” น้ำเสียงของเธอขาดห้วงไป เพราะไม่รู้จะใช่คำว่าอะไรดี อับอาย? กลัว? หรือเจ็บกันแน่ “เพราะผมอยากให้คุณจำผมได้” องศามองหน้าเธอ ดวงตานั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “แต่คุณไม่ควรพูดมันออกมาแบบนี้ หนูอยากจะลืม คุณรู้ไหมว่าหนูรู้สึกยังไง หนูพยายามลืมมัน พยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่เรื่องผิดพลาดของคนเมา หนูไม่คิดว่าจะต้องมาเจอคุณอีก” มาธวีเสียงสั่น “แต่เราก็ได้เจอกันอีก ผมคิดว่าอาจเป็นโชคชะตา” องศาพูดอย่างเย็นชา “โชคชะตาเหรอคะแต่สำหรับหนูคิดว่ามันคือฝันร้ายต่างหาก” มาธวีหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่น้ำตาเริ่มคลอ คำพูดนั้นแทงใจเขาอย่างจัง องศาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “ผมขอโทษนะน้ำผึ้งที่พูดเรื่องนี้โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของคุณ ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมจำคุณได้และไม่เคยดูถูกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเลย” หญิงสาวไม่ตอบ เธอหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง พยายามซ่อนแววตาที่สั่นไหวและน้ำตาที่กำลังรื้นขึ้นมา เธอไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะโกรธหรือเสียใจดี องศานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้น “ผมจะส่งคุณแค่หน้าปากซอยอย่างที่ขอ” แล้วรถก็เคลื่อนไปไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย เมื่อรถจอดที่หน้าปากซอยมาธวีรีบเปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว เธอไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง หญิงสาวไม่รู้เลยว่าการไปฝึกงานพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD