หลังจากออกจากห้องประชุมมาธวีก็รีบลงจากตึกเพราะกลัวว่าองศาจะตามไปส่งเธอที่บ้านอีก หญิงสาวถึงบ้านด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงไม่หยุด ภาพขององศาที่ยืนใกล้จนแทบได้ยินเสียงลมหายใจยังตามหลอกหลอนอยู่ในความคิด เธอพยายามบอกตัวเองให้ลืม แต่ทุกครั้งที่หลับตาภาพของชายคนนั้นกลับยิ่งชัดขึ้น
‘ผมหวังว่าคุณจะเห็นโอกาสที่ผมมอบให้คุณนะ น้ำผึ้ง’ เสียงของเขายังดังอยู่ในหัว
เช้าวันถัดมาหญิงสาวก็มาถึงบริษัทแต่เช้าและนั่งทำงานอย่างมีสมาธิจนกระทั่งถึงเวลาสิบโมงเช้าคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดก็เดินเข้ามา
“เอากาแฟมาให้ผมด้วยนะน้ำผึ้ง” องศาสั่งเสียงเข้มโดยที่เธอยังไม่ทันได้ทักทาย
“พี่แก้วคะ ทำไมวันนี้ท่านประธานดูน่ากลัวจัง”
“ไม่น่ากลัวหรอกน้ำผึ้งพี่ว่าแบบนี้คือปกตินะ เดี๋ยวก็ชินเอง”
“ปกติเหรอคะ”
“จ้ะ”
เมื่อได้คำตอบจากพี่ชไมพรแล้วมาธวีก็รีบไปชงกาแฟเพื่อเอาไปให้เจ้านายเหมือนกับสามวันที่ผ่านมา หญิงสาวไม่รู้ว่าการเข้าไปในห้องของเขาวันนี้จะมีคำสั่งอะไรไหมหรือเขาจะตำหนิเธอเรื่องในห้องประชุมเมื่อวานอีก แต่หญิงสาวก็คิดว่าเธอไม่ผิดเพราะมีเวลาเตรียมตัวน้อยมากอีกทั้งข้อมูลทั้งหมดก็ถูกส่งมาจากแผนกอื่นและเธอก็ทำหน้าที่แค่จัดระเบียบและน้ำเสนอเพียงแค่นั้น
มาธวีสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเคาะประตูพอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดเข้าไป
“ขอบใจนะ” องศากล่าวสั้น ๆ สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอแท็ปเล็ตอย่างตั้งใจ
เธอรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่สนใจเธอเมื่อวางแก้วกาแฟแล้วหญิงสาวก็รีบหมุนตัวกลับ
“อย่าเพิ่งไป” ชายหนุ่มเงยหน้าจากจอแล้วมองมาที่เธอด้วยสายตาที่ดูว่างเปล่าและเย็นชา แต่บางครั้งมันก็ดูเจ้าเล่ห์
“ท่านประธานมีอะไรจะใช้หนูค่ะ”
“บอกให้เรียกแค่ชื่อมันยากนักเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นก็เรียกชื่อ ถ้ายังเรียกผมว่าท่านประธานอีกคงได้มีบทลงโทษกันบ้าง”
“ได้ค่ะคุณองศา” เพราะไม่รู้ว่าโทษที่ว่านั้นคืออะไรจะกระทบกับการฝึกงานไหมหญิงสาวจึงตอบรับอย่างรวดเร็ว
“เมื่อวานคุณทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ดีมากขึ้นต้องพัฒนาตัวเอง ลองให้คุณแก้วช่วยฝึกนะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ หนูไปได้แล้วใช่ไหมคะ”
“อือ”
“ผึ้งจ๊ะเมื่อกี้ฝ่ายบุคคลโทรมาบอกว่าให้นักศึกษาฝึกงานทุกคนไปทดสอบการสนทนาภาษาอังกฤษที่ห้องประชุมเล็กริมสุดนะ” ชไมพรบอกกับมาธวีเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องของท่านประธาน
“ทดสอบภาษาอังกฤษเหรอคะพี่แก้ว?”
“ใช่จ้ะ บริษัทของเราบางครั้งก็ต้องคุยงานกับชาวต่างชาติบ้างทางฝ่ายบุคคลก็เลยอยากจะรู้ว่านักศึกษาแต่ละคนมีพื้นฐานดีแค่ไหนเพราะมีอาจารย์สอนภาษาอังกฤษมาสอนพนักงานในช่วงเย็นนักศึกษาที่มีพื้นฐานไม่ค่อยดีจะได้เข้าร่วมเรียนด้วยน่ะ”
“แล้วงานตรงนี้ล่ะคะพี่แก้ว”
“งานตรงนี้ไม่รีบเท่าไหร่ ผึ้งรีบไปเถอะไม่ต้องห่วงตรงนี้นะพี่จัดการได้”
“ค่ะพี่ ถ้างั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงสาวเดินมายังห้องประชุมเล็กซึ่งตอนนี้ด้านในมีนักศึกษานั่งรออยู่หลายคน เมื่อเห็นวรัมพรและรวีภัทรนั่งอยู่ก็รีบตรงเข้าไปหา
“ผึ้งเป็นยังไงบ้างแกช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย” รวีภัทรทักทาย
“นั่นสิ ได้มาเป็นผู้ช่วยเลขาของท่านประธานดีไหมเครียดหรือเปล่า” วรัมพรถามต่อ
“จะว่าดีก็ดี จะว่าเครียดก็เครียดนะ เมื่อวานท่านประธานให้ฉันลองพรีเซนต์งานด้วยฉันสั่นไปหมดเลย”
“แต่แกเก่งอยู่แล้วนี่ผึ้งฉัน หัวหน้าแผนกฉันยังบอกเลยว่าแกว่าแกพรีเซนต์งานได้ดีมาก ฉันว่างานเลขาน่าจะเหมาะกับแกนะ” วรัมพรชมอย่างจริงใจ
“แต่ฉันไม่อยากรับผิดชอบอะไรมากมายขนาดนั้น อันที่จริงอยากกลับไปฝึกที่แผนกของตัวเองแต่ก็สงสารพี่แก้วก็ท้องของเธอเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ”
“แต่ฉันว่ามันเป็นโอกาสดีมากเลยนะที่ได้เป็นผู้ช่วยของเลขาผู้บริหาร ประสบการณ์แบบนี้หาได้ที่ไหนล่ะผึ้ง เชื่อฉันเถอะว่ามีหลายคนอยากจะได้ทำงานนี้”
“ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ ก็เลยพยายามเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด”
ทั้งสามสาวนั่งคุยกันจนจากนั้นก็ถึงเวลาทดสอบภาษาอังกฤษ พวกเธอมีพื้นฐานดีพอสมควรแต่มาธวีจะความสามารถด้านนี้มากกว่าคนอื่นอยู่เล็กน้อยเพราะปิดเทอมหญิงสาวจะไปอยู่กับมารดาที่อเมริกาทุกปี
หลังจากทดสอบเสร็จแล้วทุกคนก็แยกย้ายกลับไปตามเดิมส่วนผลการทดสอบจะส่งไปที่แผนกอีกครั้ง
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของชไมพรก็ดังขึ้นเธอกดรับแล้วหันมองหน้านักศึกษาฝึกงานก่อนจะวางสายแล้วยิ้ม
“พี่เพิ่งรู้ว่าผึ้งใช้ภาษาอังกฤษดีมาก ๆ ฝ่ายบุคคลเขาฝากชมมานะ สำเนียงเหมือนเจ้าของภาษาเลยนะ มีวิธีฝึกยังไงบอกพี่บ้างสิ”
“หนูจะเอาอะไรไปสอนพี่คะหนูก็อาศัยประสบการณ์ค่ะ”
“อาศัยประสบการณ์หมายความว่ายังไง”
“แม่ของหนูเปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่อเมริกาค่ะพี่แก้ว ถ้าช่วงปิดเทอมใหญ่หลายเดือนหนูก็จะไปอยู่กับแม่ที่นั่นค่ะ”
“ถึงว่าล่ะภาษาอังกฤษถึงได้ดีขนาดนี้ถ้าอย่างงั้นคนที่จะต้องไปทำงานกับพี่เสาร์นี้ก็น่าจะเป็นผึ้งนั่นแหละ”
“ไปทำงานเหรอคะที่ไหนคะพี่แก้ว”
“ที่สมุยน่ะพอดีมีลูกค้าชาวต่างชาติสนใจจะซื้อบ้านและที่ดินหลายแปลงพี่กับคุณองศาจะต้องไปกันสองคนแต่คุณองศาบอกว่า อยากจะให้นักศึกษาฝึกงานสักคนหนึ่งไปด้วย เขาก็เลยให้ทดสอบภาษาอังกฤษแล้วผลการทดสอบของผึ้งก็ดีกว่าคนอื่น ตกลงว่าเสาร์นี้เราจะเดินทางไปที่สมุยผึ้งสะดวกไหม”
“สะดวกค่ะ” หญิงสาวรับตอบเพราะการออกไปทำงานแบบนี้ก็หมายความว่าเธอจะได้ประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น
“ต้องขออนุญาตคุณยายก่อนหรือเปล่าถ้ายังไงถ้าคุณยายไม่อนุญาตหนูบอกพี่ได้นะพี่จะช่วยพูดให้”
“หนูคิดว่ายายน่าจะเข้าใจค่ะเย็นนี้หนูจะลองไปคุยกับยายก่อนถ้าไม่ไหวจริง ๆ หนูจะให้พี่แก้วโทรไปคุยกับคุณใหญ่ให้นะ”
“ได้จ้ะไม่มีปัญหาเลย พี่อยากให้ผึ้งไปด้วยจริง ๆ นะเพราะการติดต่องานแบบนี้มันจะทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น”
“ค่ะพี่แก้วหนูเองก็อยากไป”
มาธวีรู้สึกตื่นเต้นกับการไปทำงานนอกสถานที่มาก หญิงสาวขอเอาแฟ้มงานที่เกี่ยวข้องกลับมาศึกษาที่บ้าน หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเธอก็คุยกับคุณยายซึ่งกำลังนั่งดูละครอยู่
“ยายคะ” หญิงสาวนอนลงบนตักของท่านเหมือนที่ชอบทำ
“มีอะไรจ้ะ มาอ้อนยายแบบนี้จะเอาอะไรหรือเปล่า”
“ยายรู้ทันหนูทุกทีเลยนะคะ แต่ครั้งนี้หนูไม่ได้อ้อนเรื่องไร้สาระหรืออ้อนขอไปเที่ยวนะคะ แต่หนูมาอ้อนเรื่องงานค่ะ”
“ยังไงจ๊ะ”
“คือว่าหนูได้รับเลือกให้ออกไปทำงานนอกสถานที่กับพี่แก้วและท่านประธานค่ะ” เธอเคยเล่าให้คุณยายมาลัยฟังแล้วว่ารุ่นพี่ที่เธอไปช่วยงานชื่อพี่แก้ว
“ดีจังนี่แสดงว่าหลานของยายทำงานเก่งใช่ไหม”
“แน่นอนสิคะ” หญิงสาวพูดแล้วหัวเราะ
“ถ้ามีโอกาสเข้ามาก็รีบคว้าไว้นะน้ำผึ้ง”
“แต่หนูต้องไปค้างที่นั่นด้วยค่ะ หนูเลยอยากจะมาขออนุญาตยายก่อน”
“แล้วไปกี่คืนล่ะลูก”
“คืนเดียวค่ะ เดินทางเช้าวันเสาร์ที่จะถึงนี้ค่ะ”
“ได้สิ หนูไปทำงานยายก็จะได้ไม่ต้องห่วงเพราะยายก็จะไปงานแต่งที่เคยบอกหนูไว้”
“ขอบคุณนะคะยาย”