บท 2

2368 Words
พิมรัมภาพยายามมองโลกในแง่บวกแล้ว เธอพยายามแล้วจริง ๆ แต่เพราะตั้งแต่ที่หญิงสาวย้ายมาอยู่ที่นี่ พิมรัมภาไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน นั่นจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกจิตตกเป็นอย่างมาก “เมื่อคืนนี้นอนไม่พอเหรอพิม ทำไมถึงหน้าตาอิดโรยแบบนี้ล่ะ” ช่วงสายของวัน หลังพิมรัมภาเดินทางมาถึงแผนกที่เธอทำงานอยู่เรียบร้อยแล้ว เสียงทักทายจากพี่ภัคก็ดังขึ้นทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้หญิงสาวต้องหันไประบายยิ้มจาง ๆ ให้เธอ ทั้งที่แท้ที่จริงแล้วพิมรัมภาไม่ได้อยากจะยิ้มเลยแม้แต่นิด “ใช่ค่ะ พอดีเมื่อคืนนี้มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมทิ้งตัวนั่งประจำที่ของตัวเอง “ยังคิดมากเรื่องโทรศัพท์อยู่หรือไง ไหนเราบอกว่าเราทำใจได้แล้ว” “พิมทำใจได้แล้วค่ะ แต่ว่า...” “...” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” “อะไรกัน เหมือนจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา” พี่ภัคเอ่ยทั้งเสียงงงแล้วว่าต่อ “แต่ก็เอาเถอะ... ยังไงวันนี้เราอย่าลืมถ่ายเอกสารที่พี่บอกด้วยนะ เพราะตอนบ่ายนี้เรามีประชุม” “ได้ค่ะ เดี๋ยวพิมจะรีบจัดการให้เลย” พิมรัมภารับปากกลับไป ซึ่งหลังจากที่พี่ภัคเดินไปคุยงานที่แผนกอื่นแล้ว หญิงสาวก็หมุนเก้าอี้มานั่งทำหน้าเครียดที่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเองต่อ เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้มันค่อนข้างสร้างความหลอนให้กับเธออยู่พอสมควร มันคงไม่ใช่เสียงลมพัดหรือว่าเธอหูแว่วไปเองแน่ ๆ เนื่องจากพิมรัมภารู้สึกเหมือนเสียงนั้นเป็นการพยายามงัดลูกบิดเข้ามา แต่เพราะคนหน้าห้องได้ยินเสียงของเธอเสียก่อน นั่นจึงทำให้อีกฝ่ายต้องล่าถอยไป พิมรัมภารู้ดีว่าอาชีพเสริมของเธอมันมีความเสี่ยงที่เธอจะเจอผู้คนน่ากลัวจากโลกออนไลน์ หญิงสาวตระหนักถึงข้อเสียนี้เสมอมา แต่เพราะค่าตอบแทนที่สูงมันแสนจะล่อตาล่อใจเธอเหลือเกิน นั่นจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะแบกรับความเสี่ยงนั้นเอาไว้ โดยตลอดทั้งการทำอาชีพเสริมนี้มาสองสามปี พิมรัมภาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์ประหลาดหรือเรื่องแปลก ๆ เลย เนื่องจากหญิงสาวมักจะตรวจงานละเอียดและระมัดระวังตัวเองเสมอ ทว่าพอเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่เธอทำโทรศัพท์หาย พิมรัมภาก็รู้สึกจิตตกอย่างบอกไม่ถูก “ให้ตายเถอะ...” หญิงสาวพึมพำเสียงแผ่วพร้อมพยายามสลัดความคิดมากมายออกไปจากหัว เพราะถ้าเธอมัวแต่พะว้าพะวังอยู่กับเรื่องนี้ เห็นทีตลอดทั้งวันพิมรัมภาก็คงไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำงานเป็นแน่ ช่วงเย็นของวัน หลังจากที่พิมรัมภาทุ่มเทและจดจ่ออยู่กับงาน จนในที่สุดหญิงสาวก็ทำทุกอย่างได้เสร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว เมื่อเธอเดินลงมาที่หน้าตึกของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ หญิงสาวก็จัดการโบกวินมอเตอร์ไซต์ เพื่อตรงดิ่งไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดทันที เนื่องจากรายได้จากงานเสริมของเธอมันอาจลดน้อยลงได้ หากภายในวันสองวันนี้พิมรัมภายังไม่มีโทรศัพท์ใช้ “เท่าไรคะ” “แล้วน้องเคยมาเท่าไร” “หนูเคยมาฟรีค่ะ” “ค่ารถหกสิบบาท” “นี่ค่ะ” หลังยืนต่อปากต่อคำกับวินมอเตอร์ไซต์ที่หน้าห้างสรรพสินค้าและได้คำตอบมาแล้ว พิมรัมภาก็ส่งเงินให้คนขับทั้งคิ้วขมวด ก่อนที่หญิงสาวจะเดินเข้าไปในห้างและตรงดิ่งไปยังแผนกไอทีอย่างไม่สบอารมณ์ตามประสาคนที่ไม่ชอบการถูกเอาเปรียบ “สนใจเครื่องไหน รุ่นอะไรสามารถสอบถามได้เลยนะคะ” เมื่อเดินมาถึงร้านประจำที่เธอเคยซื้อขายโทรศัพท์กันไปเมื่อตอนปีก่อน และได้เจอกับพนักงานคนเดิม พิมรัมภาก็ยืนมองโทรศัพท์มากมายที่ถูกวางขายไว้ที่หน้าร้านขายโทรศัพท์อย่างใช้ความคิด ซึ่งโทรศัพท์ที่เธอต้องการ มันก็ไม่ใช่รุ่นที่แพงที่สุดหรือดีที่สุดแต่อย่างใด แต่โทรศัพท์ที่พิมรัมภาต้องการ เธอขอแค่มันเป็นรุ่นที่เล่นอินเทอร์เน็ตและโซเชียลได้ก็พอแล้ว “หนูอยากได้รุ่นที่ไม่แพงมาก สโคปราคาหลักหมื่นนิด ๆ ก็พอค่ะ สามารถเล่นเน็ตและคุณภาพกล้องก็ไม่แย่มากค่ะ พี่ช่วยแนะนำให้หนูหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพนักงานขาย เพื่อให้อีกฝ่ายเป็นคนแนะนำให้ โดยเธอก็ใช้เวลายืนอยู่ที่หน้าร้านราว ๆ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก่อนที่ต่อมาพิมรัมภาจะเดินทางกลับห้องพักของตัวเองพร้อมด้วยโทรศัพท์เครื่องใหม่ “จริงด้วยแฮะ เราต้องไปทำเรื่องขอซิมใหม่นี่นา” เมื่อมาถึงซอยหอพัก ขณะที่พิมรัมภากำลังเดินเท้าเข้าหอ หญิงสาวก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง หลังเธอเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ไปเดินเรื่องเบอร์โทรศัพท์ แล้วพอพิมรัมภาคิดได้อย่างนั้น หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์สำรองที่เป็นรุ่นอาม่าที่ทำได้แค่โทรออกและเล่นเกมงูออกมาลองกดเบอร์โทรศัพท์เครื่องที่เธอทำหายดู เผื่อว่าคนเก็บได้จะยอมรับสายและยอมคืนมันให้กัน ทั้งที่ลึก ๆ แล้ว ณ ปัจจุบันนี้โอกาสที่พิมรัมภาจะได้โทรศัพท์หัวแก้วหัวแหวนของตัวเองคืนมันแทบไม่มีหวังด้วยซ้ำ พิมรัมภาลองโทรหาเบอร์เก่าของตัวเองด้วยความหวังอันริบหรี่ หญิงสาวโทรไปแบบที่ไม่ได้คาดหวังอะไร ทว่าพอเธอโทรติดแล้ว พิมรัมภาก็ต้องหันขวับมองไปทางด้านหลังของตัวเองโดยพลัน เมื่อเธอเหมือนได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองจากที่ ๆ หนึ่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงจุดที่เธอยืนนัก “นี่โทรศัพท์เราอยู่แถวนี้เหรอ” หญิงสาวว่าพร้อมรีบวิ่งหน้าตั้งไปตามเสียงโทรศัพท์นั้นทันที คราวแรกวินาทีที่พิมรัมภาวิ่งไปตามเสียงโทรศัพท์นั้น หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากขอโทรศัพท์ของตัวเองคืน เธอคิดแค่เท่านั้นจริง ๆ ทว่าพอพิมรัมภาวิ่งไปตามเสียงโทรศัพท์นั้นได้สักพัก จู่ ๆ เธอก็หยุดเดินไปเสียดื้อ ๆ เมื่อพิมรัมภาฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ ถ้านี่เป็นแผนลวงที่หลอกล่อพาเธอไปทำมิดีมิร้ายล่ะ... นั่นเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของหญิงสาว ก่อนที่เวลาต่อมาพิมรัมภาจะตัดสินใจหมุนตัวและเดินกลับไปยังหอพักของตัวเองโดยพลัน เธอไม่คิดจะเดินตามเสียงโทรศัพท์ของตัวเองอีกแล้ว แม้ว่าเสียงนั้นจะดังอยู่ใกล้หูเธอแค่ไหนก็ตาม เนื่องจากหญิงสาวเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง หลังเข้ามาในห้องพักขนาดเท่ารูหนูเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่พิมรัมภาทำหลังจากที่เธอถอดรองเท้าได้ นั่นก็คือการแกะกล่องโทรศัพท์พร้อมถอดเอาซิมการ์ดจากโทรศัพท์เครื่องสำรองออกมาใส่เครื่องใหม่ หญิงสาวรีบทำทุกอย่างด้วยความไวแสง เพราะวันนี้ในตารางงานที่เธอแพลนเอาไว้ คือ พิมรัมภาจะต้องลงคลิป “ดีนะที่หอนี้มีไวไฟให้ใช้ฟรีน่ะ” หญิงสาวว่า ระหว่างที่เธอกำลังเชื่อมต่อไวไฟและใส่รหัสที่เคยได้มาจากเจ้าของหอ ซึ่งพอสัญลักษณ์ไวไฟปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เพื่อบอกว่าเชื่อมอินเทอร์เน็ตสำเร็จแล้ว พิมรัมภาก็ไม่รอช้า หญิงสาวรีบกดเข้าไปในหน้าเว็บประจำที่เป็นช่องทางทำเงินของเธอทันที โดยในเว็บนั้นก็จะยังมีวิดีโอที่พิมรัมภาเคยอัปโหลดเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ตั้งค่าเป็นสาธารณะเหลืออยู่ประมาณสองสามคลิป “เฮ้อ... แต่ยังไงเราก็ยังอยากได้เครื่องนั้นคืนอยู่ดีนั่นแหละน่า” หญิงสาวนึกบ่นกับตัวเองอีก หลังเธอคิดถึงคลิปมากมายที่เธอเคยอัดเอาไว้และเตรียมจะอัปลงเว็บ แต่ก็ยังไม่มีเวลาได้ทำเสียที จนกระทั่งโทรศัพท์ของเธอหายไป “ด—เดี๋ยวนะ คลิปที่เราจะลงวันนี้ถูกตั้งค่าสาธารณะไปแล้วเหรอ” เมื่อหน้าจอปรากฏยูสเซอร์ของตัวเองขึ้นและเห็นว่าตอนนี้วิดีโอที่เธอกำลังจะเปิดสาธารณะถูกตั้งค่าเป็นสาธารณะไปแล้วตอนสามนาทีก่อน พิมรัมภาก็ต้องพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นเทา หลังเธอรู้สึกว่ากำลังมีใครบางคนเล่นตลกกับเธออยู่ ซึ่งคนนั้นก็คือคนที่เก็บโทรศัพท์ของเธอได้นั่นแหละ “งั้นก็แสดงว่าคนนั้นเขาเดารหัสผ่านเราถูก หรือไม่เขาก็แฮกโทรศัพท์เราได้และรู้แล้วสินะว่าเราเป็นใคร” เพราะจำได้ว่าตัวเองตั้งค่ารหัสผ่านเอาไว้ ทั้งในหน้าเว็บและหน้าจอโทรศัพท์ พิมรัมภาจึงพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เหตุเพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะถูกเปิดโปงความลับว่าเบื้องหลังของช่อง ‘Angel kiss’ นั้น เจ้าของช่องเป็นใคร อายุเท่าไรและกำลังประกอบอาชีพอะไรอยู่ พิมรัมภากลัวว่าเบื้องหน้าของเธอที่กำลังไปได้สวยมันจะพังทลายลง เพราะมีคนเปิดโปงเบื้องหลังของเธอ “ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเราจะเอายังไงดี” หญิงสาวพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงร้อนรน ก่อนที่เวลาต่อมาหญิงสาวจะคว้าโทรศัพท์ใหม่ของตัวเองขึ้นมากดหาเบอร์เก่าอีกครั้ง หลังเธอคิดว่าไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องหาทางเจรจากับคนที่เก็บโทรศัพท์ของเธอให้ได้ ตื้ด... ตื้ด... “ขอร้องล่ะ ช่วยรับสายกันเถอะนะ” พิมรัมภาเว้าวอน เนื่องจากนาทีนี้หญิงสาวไม่สามารถอยู่เฉยโดยที่ไม่ทำอะไรได้จริง ๆ ตื้ด ๆ ๆ “อะไรกัน นี่เขาตัดสายงั้นเหรอ” หญิงสาวว่าต่อด้วยน้ำเสียงตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นตัวของพิมรัมภาก็ไม่ได้รีบยอมแพ้แต่อย่างใด เพราะหลังจากที่เธอเห็นเช่นนั้น พิมรัมภาก็กดหาเบอร์ของตัวเองซ้ำทันที ทว่าคราวนี้โทรศัพท์ของเธอกลับถูกปิดไปแล้ว “ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นเราฝากข้อความทิ้งไว้ก็ได้” พิมรัมภาพูดกับตัวเองอีกครั้งพร้อมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ก่อนที่เวลาต่อมาหญิงสาวจะพิมพ์ข้อความเจรจาปนร้องขอเข้าไปที่เบอร์เก่า ซึ่งเนื้อหาข้างในนั้นพิมรัมภาก็ไม่ได้คิดข่มขู่แต่อย่างใด เพราะเธอคิดว่าการที่อีกฝ่ายแสดงตัวตนว่าเจ้าตัวรู้ความลับกันแบบนี้ นั่นมันหมายความว่าคนที่เก็บได้คงไม่คิดกลัวกฎหมายหรือกลัวการข่มขู่จากเธอแน่ ดังนั้นพิมรัมภาจึงต้องสรรหาคำพูดที่ทำให้คนเก็บได้เกิดความเห็นอกเห็นใจหรือมองเห็นข้อดีในการคืนโทรศัพท์กลับมาให้เธอ ‘ถึง คุณที่เก็บโทรศัพท์ของฉันได้ ได้โปรดช่วยคืนโทรศัพท์ให้ฉันได้ไหมคะ เนื่องจากข้างในนั้นมีงานและข้อมูลที่จำเป็น ฉันอยากได้คืนมาก ๆ ฉันยินดีจะมอบสินน้ำใจหรือของตอบแทนให้คุณเป็นคำขอบคุณนะคะ ยังไงถ้าคุณเห็นข้อความนี้ รบกวนติดต่อฉันมาด้วยนะคะ เพราะโทรศัพท์เครื่องนี้มันสำคัญและจำเป็นสำหรับฉันมากจริง ๆ ขอบคุณค่ะ’ หลังอ่านทวนข้อความของตัวเองเรียบร้อยแล้วและไม่เห็นว่าเธอจำเป็นจะต้องแก้ไขอะไรอีก เวลาต่อมาพิมรัมภาจึงกดส่งไปยังเบอร์เดิมทันที โดยหลังจากที่หญิงสาวกดส่งเข้าไปที่เบอร์เดิมของตัวเองแล้ว มันก็หมดหน้าที่ของเธอเช่นกัน เพราะคราวนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนที่เก็บโทรศัพท์ของเธอจะยอมคืนให้กันหรือเปล่าเท่านั้นแหละ “เลิกคิด ๆ เพราะคิดไปยังไงก็ยังไม่ได้คืนอยู่ดี” หญิงสาวบอกตัวเองพลางลุกขึ้นไปเก็บผ้าที่ถูกตากทิ้งเอาไว้ตรงระเบียงห้อง พิมรัมภาพยายามสลัดความเครียดของตัวเองออกจากหัว แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เมื่อเธอพบว่าชุดคอสเพลย์และชุดลายลูกไม้วาบหวิวที่เธอมักสวมใส่ในการทำคลิปได้หายไปจากราวตากผ้า “ชุดหายไปไหน” พิมรัมภาเอ่ยเสียงตกใจ พร้อมหันขวับมองกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง หลังเธอกำลังระแวงกลัวว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องนี้เพียงลำพัง เพราะมีคนบุกเข้ามาขโมยชุดของเธอไป... เนื่องจากพิมรัมภาคิดว่า ณ เวลานี้ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง นั่นจึงทำให้พิมรัมภาค่อย ๆ เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งทั้งหัวใจเต้นแรง เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อตรวจหาความผิดปกติ ทว่าเธอกลับไม่พบอะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมเลย แม้กระทั่งขวดน้ำที่เธอกินเมื่อเช้านี้มันก็ยังถูกตั้งไว้ที่เดิม ติ้ง... ติ้ง... ขณะที่พิมรัมภากำลังใช้สายตาจับผิดรอบ ๆ ห้องของตัวเอง ทันใดนั้นหญิงสาวก็ต้องหันขวับมองกลับไปที่โทรศัพท์ใหม่ที่เธอวางทิ้งไว้บนเตียง หลังเธอได้ยินเสียงข้อความ ซึ่งพอพิมรัมภาคิดได้ว่าบางทีอาจจะเป็นข้อความตอบกลับจากคนที่เก็บโทรศัพท์ของเธอได้ ทันใดนั้นหญิงสาวก็รีบวางตะกร้าผ้าลงและถลาไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความนั้นทันที ก่อนที่เวลาต่อมาพิมรัมภาจะเกิดอาการขนลุกซู่ และหันมองรอบตัวอีกครั้งด้วยความหวาดระแวง ‘หาอะไรอยู่เหรอ’ ‘ไม่เจอหรอก’ ‘หาให้ตายยังไงก็ไม่เจอ :)’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD