คิมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและกังวล ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่เห็นข่าวว่าพี่ชายของเธอประสบอุบัติเหตุ เธอก็รีบจองตั๋วเครื่องบินไฟลต์แรกที่หาได้เพื่อเดินทางกลับมาโดยเร็วที่สุด
หลังออกจากสนามบินเธอก็ตรงไปยังโรงพยาบาลทันที คิมเดินลากกระเป๋าเข้ามาในโรงพยาบาลก็เดินตรงไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามห้องพักที่พี่ชายเธอพักอยู่
“สวัสดีค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวทักทายเธอด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร สมกับเป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศจริง ๆ
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณครูซพักอยู่ห้องไหนคะ”
“สักครู่นะคะ”
“ห้อง...” ประชาสัมพันธ์บอกเลขที่ห้องพร้อมกับอธิบายชั้นและทางไปให้เบ็ดเสร็จโดยที่คิมไม่ต้องถามเลย เธอไปตามที่ประชาสัมพันธ์สาวอธิบาย พอเดินมาถึงหน้าห้องพักเธอมองผ่านช่องเล็ก ๆ ก็เห็นพี่ชายของเธอนอนหลับอยู่บนเตียง คิมรีบเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคุณพ่อคุณแม่ของตัวเองนั่งอยู่ที่โซฟาก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความคิดถึง
“คุณพ่อคุณแม่คะ!!”
“คิม!!! มาได้ยังไงลูก??” ทันทีที่อันปันเห็นลูกสาวเธอก็รีบลุกเดินเข้าไปกอดลูกสาวด้วยความคิดถึง คลอสเองก็เดินเข้ามากอดคิมด้วยอีกคน
“จะกลับมาทำไมไม่โทรบอกพ่อกับแม่ก่อนละลูก แล้วนี่ลูกรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่”
“คิมเห็นข่าวค่ะ เลยรีบบินกลับมา และที่คิมไม่ได้บอกเพราะคิมรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่คงกำลังยุ่งเลยไม่อยากรบกวนค่ะ”
“ไม่รบกวนหรอกลูก เดินทางกลับมาโดยไม่บอกแบบนี้พ่อเป็นห่วงมากรู้ไหม”
“รู้ค่ะ รักพ่อที่สุดเลย” คิมยิ้มหวานก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มสากของพ่อฟอดใหญ่เป็นการเอาใจเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายดุเธอไปมากกว่านี้ และนี่ก็เป็นวิธีง้อคุณพ่อที่ได้ผลที่สุด
“เรานี่นะ”
“ว่าแต่เฮียครูซเป็นยังไงบ้างคะ”
“พ้นขีดอันตรายแล้ว”
“เฮ้อ... โล่งใจขึ้นเยอะเลยค่ะ” คิมหันไปมองพี่ชายของตัวเองที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินแบบนั้นก็ทำให้เธอสบายใจมากขึ้นความกังวลที่มีมาตั้งแต่ทราบข่าวหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“แล้วนี่มาเหนื่อย ๆ กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนไหม”
“คิมอยากอยู่เฝ้าเฮียค่ะ อยากอยู่รอจนกว่าเฮียจะฟื้น ได้ไหมคะ” คิมยิ้มหวานออดอ้อนพ่อกับแม่ที่กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ได้สิลูก แต่อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ” คลอสพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพร้อมยกมือขึ้นลูบผมลูกสาวเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ดวงตาของเขาแสดงความรักและห่วงใยที่มีให้และไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือจางหายไปไหน
“คุณพ่อคุณแม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านก็ได้นะคะ คิมอยู่คนเดียวได้แค่นั่งเฝ้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“แต่หนูเดินทางมาเหนื่อย ๆ แม่ว่ากลับไปพักดีกว่า อีกอย่างหนูยังไม่น่าจะปรับตัวเรื่องเวลาได้เลยนะ” อันปันพูดกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย เดินทางข้ามประเทศย่อมมีอาการเจ็ทแล็กอยู่บ้าง
“สบายค่ะ คิมเป็นสาวแกร่งเหมือนคุณแม่”
“หึ ไม่ต้องมาปากหวานเลย” คิมมองแม่ยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างเตียงพี่ชาย เธอไล่สายตามองสำรวจร่างกายคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงก็เห็นว่าตามตัวเขามีบางแผลหลายแห่งแต่ที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นแผลตรงท้องที่โดนยิง เธอไม่รู้ว่าคนระมัดระวังตัวอย่างพี่ชายเธอทำไมถึงพลาดได้
“แล้วเฮียไปทำอะไรมาคะถึงได้เป็นแบบนี้”
“พ่อก็ไม่รู้ต้องรอถามเจ้าตัวนั่นแหละว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“อ๋อ... ค่ะ”
คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอเห็นว่าใครนั่งอยู่ข้างเตียงก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นคนที่เขาคิดถึงมากที่สุดคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนี้
“คิม...” คิมที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียงเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของพี่ชาย เธอยิ้มกว้างด้วยความดีใจดวงตาเปล่งประกายความโล่งอกปนความยินดีที่เห็นพี่ชายฟื้นตัว
“เฮีย!! เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม??”
“ค่ะ น้องเองค่ะ เฮียเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม??” เธอถามเขาด้วยความเป็นห่วงที่แฝงไปด้วยความห่วงใย ทำให้ครูซยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมคิมด้วยความอ่อนโยน
“เฮียแต่ไม่เป็นอะไรมาก ว่าแต่เรากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่??”
“มาทันทีที่รู้ข่าวเลยค่ะ เฮียทำเอาน้องเป็นห่วงมากรู้ไหม” คิมพูดพร้อมบีบมือของครูซเบา ๆ เพื่อให้เขารับถึงความรักและความเป็นห่วงครูซที่สัมผัสและรับรู้ได้ก็ยิ้มและมองเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความรักและอบอุ่น
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เฮียปลอดภัยน้องก็สบายใจแล้ว”
“กลับมานี่แล้วเรื่องเรียนล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนของน้องหรอกค่ะ ห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหม แล้วนี่หิวหรือยัง”
“ไม่ให้ห่วงไอ้แสบคนนี้แล้วจะให้เฮียห่วงใคร”
“น้องสอบเสร็จหมดแล้วเหลือก็แค่รอประกาศผล แต่เชื่อเถอะยังไงน้องก็ผ่านหมดอยู่แล้ว”
“มั่นใจจังเลยนะ”
“นี่ใคร?? น้องคิมคนเก่งไงคะ” คิมชี้มือเข้าหาตัวเองมองครูซด้วยรอยยิ้มทะเล้น ๆ ทำให้ครูซยิ้มแล้วส่ายหัวให้กับความมั่นใจเสียเหลือเกินของน้องสาวตัวเอง
“หึ”
“ว่าแต่เฮียหิวไหม คุณแม่เตรียมของกินไว้ให้เฮียเยอะเลย”
“ก็ดีนะ รู้สึกหิวพอดี”
“งั้นรอแป๊บนะคะ” คิมลุกขึ้นเดินไปหยิบอาหารที่คุณแม่เตรียมไว้ให้แล้วเดินกลับมาที่ข้างเตียง ก่อนจะปรับเตียงขึ้นในระดับที่ครูซนั่งทานอาหารได้สบายมากขึ้น
คิมป้อนอาหารครูซไปพลางพูดคุยไปพลางเพราะไม่ได้เจอกันนานถึงแม้จะโทรคุยกันบ้างแต่ก็ไม่เหมือนได้เจอกัน แต่การสนทนาต้องหยุดลงเพราะประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามาโดยสาวสวยที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
“เฮียครูซ…” น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกพี่ชายของเธอนั้นฟังดูสั่นเครือและเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่พี่ชายเธอกลับหันไปยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นผู้หญิงคนนั้น
“เอลกลับมาแล้วเหรอครับ”
“เอลเป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้น!!” ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พูดหรือตอบอะไรกลับออกมาสักคำ มันยิ่งทำให้พี่ชายของเธอดูร้อนรนกระวนกระวายร้อนใจจนคิมที่มองดูอยู่ยังตกใจและแปลกใจการกระทำของพี่ชายตัวเองตามไปด้วย
“เอลครับ”
“ขอตัวก่อนนะคะ” เธอไม่ตอบคำถามของครูซแต่กลับเอ่ยลาแล้วหันตัวกลับเพื่อจะเดินออกจากห้อง เธอยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนก็โดนครูซลุกจากเตียงเข้าไปกอดรั้งเธอเอาไว้
“เอลจะไปไหน เพิ่งมาเองนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ก็เฮียมีคนดูแลอยู่แล้วเอลเลยจะกลับไปทำงาน”
“เอลพูดอะไร เฮียรอเอลมาดูแลอยู่นะ ใครที่ไหนก็ไม่สำคัญสำหรับเฮียเท่าเอลหรอกนะ”
คิมมองสองคนนั้นพูดคุยด้วยความสงสัยแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นเลือดที่ไหลออกจากแขนของครูซ ก็พี่ชายเธอเล่นดึงสายน้ำเกลือออกแล้ววิ่งเข้าไปกอดรั้งผู้หญิงคนนั้นไว้โดยไม่สนใจตัวเองว่าเลือดจะไหลออกมามากขนาดไหน
“ว้าย!! เฮียครูซ!! ทำแบบนี้ทำไมดูสิเลือดไหลออกมาไม่หยุดเลย” คิมร้องโวยวายพร้อมหันซ้ายหันขวาเพื่อจะหาอะไรไปห้ามเลือดที่แขนของครูซแต่กลับไม่เจออะไรสักอย่างที่พอจะสามารถใช้ห้ามเลือดได้
“เฮียไม่เป็นไร”
“แต่...” คิมยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาอีกก็โดนครูซพูดเสียงเข้มขัดขึ้นมาก่อนทำให้เธอทำหน้างอด้วยความไม่พอใจขึ้นมาทันที ทำอะไรไม่รู้จักคิดไม่ห่วงตัวเองบ้างเลยหรือไง ไอ้เฮียบ้า...
“ขอเฮียคุยกับแฟนก่อน”
“งั้นน้องไปตามพยาบาลมาทำแผลให้นะคะ” คิมหันไปมองครูซสลับกับผู้หญิงอีกคนก่อนจะเดินออกจากห้องพักไปเพื่อไปตามพยาบาลและเปิดโอกาสให้สองคนนั้นได้คุยกันตามสบาย
คิมออกมาจากห้องเดินตรงไปยังเค้าน์เตอร์พยาบาลเพื่อแจ้งเรื่องสายน้ำเกลือของครูซ และก็ยืนรอกลับไปพร้อมพยาบาลทีเดียวเลย เธอไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะในห้องตอนนี้เพราะเธอรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครและเป็นอะไรกับพี่ชายของเธอปล่อยทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันไปก่อนก็แล้วกันเธอไม่อยากเข้าไปเป็นก้างขวางคอตอนนี้