สาวเจ้าเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติตามสัญชาตญาณของมนุษย์ จนกระทั่ง...
“ยัยหมอก..อยู่ไหนเนี่ย ยัยหมอก” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“พี่เมฆ แน่ใจนะว่ายัยหมอกมันมาเข้าห้องน้ำอะ”
‘ก็เพื่อนมันบอกแบบนี้นะ ฟ้าลองเข้าไปดูมันหน่อยดิ เผื่อเป็นอะไรรึเปล่า’
บทสนทนาในโทรศัพท์ของทั้งคู่ทำให้ไฟที่กำลังร้อนแรงลุกโชนดับลง สติทั้งสองเริ่มกลับมา มองดูร่างกายของตัวเอง เสื้อของเขาที่ถูกปลดกระดุมออกโดยสาวตรงหน้า ชุดเดรสของเธอที่เขากำลังจะดึงให้ลงไปสู่พื้นล่าง
“ชิบหาย พี่ขอโทษ เอ่อ พี่..พี่ขอโทษ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรพี่ เราเมากันทั้งคู่อะ เรารีบออกไปกันเถอะ”
“เธอออกไปก่อนเลย ถ้ามีคนรู้ว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันในนี้ ชั้นไม่อยากจะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“งั้นก็ได้ หนูไปนะ” ม่านหมอกรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เล็กน้อยก่อนจะเดินอายม้วนออกจากห้องไป
“ทำอะไรไปวะเนี่ยกู เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ เห้อ!” เขาถอนหายใจโล่ง เขารู้นิสัยเพื่อนสนิทของเขาดี ขี้หวงยิ่งกว่าอะไร ขนาดตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเอมิกาแฟนสาวมันยืนคุยกับรุ่นพี่ที่คณะแป๊บเดียว มันยังออกอาการหึงหวง แล้วนี่น้องนุ่ง แค่คิดเขาก็ขนหัวลุกแล้ว
“อ้าวพี่ฟ้า มาเข้าห้องน้ำเหมือนกันเหรอ” ม่านหมอกพยายามทำสีหน้าให้ปกติก่อนจะถามออกไป
“ยัยหมอก หายไปไหนมา ไหนบอกเพื่อนว่าจะมาเข้าห้องน้ำไง ละนี่มาจากทางไหนล่ะเนี่ย”
ปลายฟ้าซักน้องสาว ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของพวกเธอเสีย ก็มีเธอนี่แหละที่เป็นเหมือนแม่ คอยดูแลพี่ชายและน้องสาวตัวดื้อ ถึงเธอจะอายุห่างกับม่านหมอกสามปี เมฆาหนึ่งปี แต่ทั้งคู่ก็ยอมให้เธอจัดแจงเกือบทุกอย่างภายในบ้าน ด้วยทีว่าเธอเป็นคนเก่ง ฉลาด มั่น ดูจากการแต่งตัวของเธอก็น่าจะพอดูออก จั๊มสูทแขนกุดขายาวเข้ารูปสีแดงเลือดนก บวกกับทรงผมสีน้ำตาลเข้มปัดข้างที่ถูกทำให้เป็นลอนเกลียวใหญ่ ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงอย่างกับออกมาพร้อมกันของม่านหมอกและปลายฟ้านั้นยิ่งทำให้เมฆาพี่ชายคนโตจะต้องกันท่าผู้ชายที่จะเข้ามาหาน้องสาวสุดที่รักสุดฤทธิ์
“หมอกก็มาเข้าห้องน้ำไงคะ แต่พอดีหมอกทำต่างหูตกเลยไปเก็บมาน่ะค่ะ” เธอแก้ตัว
“ละหาเจอรึยัง ให้พี่ช่วยมั้ย”
“เจอแล้วค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะพี่ฟ้า หมอกง๊วงง่วง หาวววว”
“อะๆ ไปๆ ไปตามพี่เมฆละกันนะ พี่จะไปรอที่รถ”
ณ โต๊ะเมฆา
“โอ้โหพ่อคุณ นึกว่าตกส้วมไปแล้ว”
“โทษทีพอดีท้องเสีย ละนี่จะกลับกันยังอะ จะตีหนึ่งแล้วนะเว้ย” อาทิตย์แก้ตัวก่อนเบี่ยงประเด็น
“ไม่น่าเชื่อ..” วาทีทักขึ้น
“ไม่น่าเชื่อห่าไรไอ้ไวท์” เมฆาถาม
“ก็คุณพี่อิฐเข้าบ่นอยากกลับบ้าน บ๊ะ นานทีปีหนจะได้ยินคำนี้ ปกติพี่อยู่ยันร้านปิดไม่ใช่ไง้พี่อิฐ”
“ไอ้ชิบหาย ไอ้อิฐมันก็บอกอยู่ว่ามันท้องเสีย” เมฆาเถียงแทน
“เออ มึงจะให้กูขี้แตกตายในร้านเหรอไอ้ไวท์” อาทิตย์เสริม ก่อนจะหันไปมองเสียงผู้มาใหม่
“พี่เมฆจ๋า กลับบ้านกันนน” ม่านหมอกเสียงมาก่อนตัวเสมอ โดยไม่รู้ว่ามีคนที่เธอไม่อยากเจอหน้านั่งอยู่ด้วย
“เอ้าแล้วฟ้าล่ะหมอก” เมฆาถามเมื่อเห็นน้องสาวสุดท้องเดินมาคนเดียว แล้วน้องสาวคนรองของเขาล่ะอยู่ไหน
“เอ่อ พี่ฟ้าไปรอที่รถแล้วจ้ะ” เธอเอ่ยก่อนเบือนหน้าไปมองผู้ชายที่เพิ่งจูบกันไปไม่กี่นาทีที่แล้ว
“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็กูไปก่อนนะพวกมึง ไว้กูทักหาบ่อยๆ” เขาพูดพร้อมกับเข้าไปกอดหนุ่มๆ ที่นั่งหน้าอึ้งมองสาวเจ้าด้วยสายตาหวานเยิ้มหยดย้อย จนเขาอดด่าไม่ได้ “ไอ้พวกนี้หนิ หยุดมองน้องกูได้แล้วครับ โดยเฉพาะมึงไอ้ไวท์” เมฆาคาดโทษ น้องรหัสตัวดีของเขาเรื่องเจ้าชู้กะล่อนนี่ยกให้ที่หนึ่ง ด้วยความที่หน้าตาของวาทีนั้นมิได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรออกจากหล่อใสสไตล์หนุ่มเกาหลีเสียด้วยซ้ำ สาวๆ ที่คณะก็ต่างพากันติดตรึม ไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักทีหรอก เพราะเดี๋ยวรถไฟจะชนกันดังโครมเอา
“โห! ก็น้องสาวพี่สวยขนาดนี้ไม่ให้ผมมองน้องเขาละให้ผมมองพี่รึไง”
“เออ มองกูนี่ มองตีนกูด้วยก็ดี”
“พี่อิฐสวยเนอะๆ” วาทีหาตัวช่วยกะจะกระซิบข้างหูอาทิตย์ แต่เสียงดังไปนิดทำให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ โดยเฉพาะม่านหมอกที่ตอนนี้หน้าของเจ้าหล่อนจากตอนแรกที่แดงเพราะบลัชออนอยู่แล้วกลับแดงขึ้นไปอีก เธอมองหน้าเขาก่อนหลบตาด้วยความเขินอาย
‘หึ เขินเป็นด้วยอ่อ เห็นเก่งแต่ปาก...ปาก...อยากจูบอีกจัง เห้ยไรวะเนี่ย ท่าจะบ้านะเรา’ อาทิตย์คิดในใจก่อนส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดที่มีต่อสาวเจ้าออก
“นี่ๆ น้อยๆ หน่อย กูเพิ่งพูดกับมึงไปเมื่อกี้นะไอ้ไวท์น้า เดี๊ยมึง” เมฆาขู่
“ไปกันเถอะพี่เมฆ พี่ฟ้ารอจนหลับละมั้ง” ม่านหมอกรีบตัดบทก่อนที่ปลายฟ้าจะหลับจริงๆ
“จ้ะๆ ไปนะพวกมึง”
“พี่เมฆหวัดดีครับ” วาทีเอ่ยพร้อมพนมมือก้มหัวให้เมฆา
“พี่ๆ หวัดดีค่ะ” ม่านหมอกเอ่ยต่อ
“หวัดดีจ้ะน้องหมอก จุ๊บๆ นะจ๊ะ” วาทีเย้า
“ตีนกูนี่” และได้ผลเมฆาระเบิดลงอีกรอบ คราวนี้ม่านหมอกไม่รอช้ารีบพาพี่ชายขี้หวงออกมาจากโต๊ะโดยเร็ว
ภายในรถปลายฟ้า
“พี่เมฆ พี่คนนั้นชื่ออะไรนะ” ม่านหมอกถามหลังจากที่พยายามนึกชื่อของชายผู้จูบเธอไป
“คนไหนอะ ไอ้ไวท์เหรอ”
“พี่ไวท์เหรอ ไม่นะอีกคนอะ”
“ไอ้อิฐ?”
“อ่อออ พี่อิฐ แต้งกิ้วจ้ะ” ใช่ เธอจำได้ละ ‘พี่อิฐ หึ ยังอายไม่หายเลย ตายๆ ทำไปได้ยังไงวะนั่น อย่าเจอกันอีกเลยนะพี่อิฐ ฮื่อออออ’ เธอคิดในใจก่อนจะซุกหน้าลงบนหมอนที่ถืออยู่
วันเดินทาง ณ บ้านนภาดารินทร์
“เอาของไปครบกันมั้ยเนี่ย พี่น้อง” ปลายฟ้าถามขณะกำลังทานข้าวมื้อสุดท้ายที่เมืองไทยของทั้งเมฆา ม่านหมอก และเอมิกา
“ครบดิฟ้า อย่าพูดงี้ พี่ยิ่งกลัวๆ จะลืมของอยู่”
“พี่เอมคะ ยังไงฟ้าฝากดูสองพี่น้องนี่ด้วยนะคะ” พี่สาวคนรองฝากฝังแฟนสาวของพี่ชาย เจ้าตัวก็อยากจะไปส่งและพักด้วยสักอาทิตย์สองอาทิตย์อยู่หรอก แต่งานที่มหาวิทยาลัยก็หนักพอตัวมิอาจละทิ้งได้
“รับทราบค่า ว่าที่คุณหมอฟ้า” เอมิกาแซว เธออยู่ในชุดคล่องตัวสบายๆ เหมาะแก่การนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน เสื้อสเวตเตอร์สีเทาเข้าคู่กับกางเกงวอร์มสีเทาเช่นเดียวกันกับสองพี่น้อง หรือจะเรียกว่าชุดทีมก็ได้ ผมยาวประบ่าสีเทาหม่นที่เธอเพิ่งไปย้อมมาจากร้านเสริมสวยเมื่อสองวันก่อนถูกมือเรียวทัดเข้าที่หูของตน ใบหน้าสดไร้เมคอัพแต่ก็มิอาจทำให้ความสวยของหล่อนลดลงเลย ด้วยความที่ว่าสาวเจ้าเป็นลูกเสี้ยวจีน ไทย สเปนเลยทำให้มีเครื่องหน้าที่ชัด ยามไม่แต่งหน้าก็ยังดูดี
“พี่เอมอะ ฟ้ายังเรียนไม่จบเลยนะคะ อีกตั้งสองปี ยังไม่ได้เป็นหมอเร็วๆ นี้หรอกค่ะ”
“พี่ฟ้าของหมอกเก่งจะตาย กว่าหมอกจะกลับมาพี่ฟ้าก็ได้เป็นคุณหมอปลายฟ้าสุดสวยแล้วล่ะ เนอะพี่เมฆเนอะ”
“ใช่ที่สุด ฟ้าเก่งอยู่แล้ว อยู่นี่ก็ตั้งใจเรียนนะ ดูแลบ้านช่องให้ดีๆ ล่ะ ละที่สำคัญอย่าเพิ่งมีแฟนนะล่ะ เข้าใจมั้ย” เมฆากำชับ
“เป็นพี่หรือเป็นพ่อเนี่ย” ม่านหมอกเอ่ยขึ้นหลังจากที่พี่ชายสุดหวงพูดประโยคยาวเหยียด หายใจทันรึเปล่าเนี่ยพี่ชายเรา
“ยัยหมอก!!”
“จริงอย่างที่หมอกพูด ฟ้าเขาโตแล้วนะเมฆ ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เพลาๆ ลงบางก็ได้”
“โหหห เอมก็เมฆไม่อยากให้น้องเสียใจนี่นา ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจกันได้ที่ไหน”
“พี่ก็เป็นผู้ชายนะพี่เมฆ” ปลายฟ้าเอ่ยจากที่เงียบมาสักพัก
“เออใช่” ม่านหมอกเสริม
“แต่มันไม่เหมือนกัน พี่น่ะรักเดียวใจเดียว มั่นคง จริงจัง จริงใจ ใช่มั้ยจ๊ะเอมจ๋า” เขาพูดพร้อมกับโอบกอดแฟนสาวข้างกาย
“โอ้ยยย พอๆ เลี่ยน รีบกินข้าวรีบไปกันเถอะ หมอกจะอ้วกก่อนขึ้นเครื่องล่ะเนี่ย”
สนามบิน
“ไปนะฟ้า ดูแลตัวเองดีๆล่ะ” เมฆาพูดก่อนเข้าไปกอดน้องสาวคนรอง ตามด้วยน้องสาวคนเล็กที่เข้าไปกอดอีกฝั่งทำให้ปลายฟ้าอยู่ตรงกลางระหว่างสองพี่ชายและน้องสาว
“บ๊ายบายนะพี่ฟ้า หมอกจะโทรมาหาบ่อยๆ นะ”
“โชคดีนะ ว่างๆ พี่จะบินไปเยี่ยม รีบกลับมานะ”
“อย่าหักโหมงานหนักไปนะฟ้า”
“พี่เอมก็เหมือนกันนะคะ โชคดีค่ะ”
สองพี่น้องปาดน้ำตาก่อนเข้าเกทของทางสนามบินไป ตั้งแต่ม่านหมอกจำความได้พวกเขาทั้งสามไม่เคยต้องจากกันไกลและนานขนาดนี้ จะมีก็แต่ตอนไปค่ายของทางโรงเรียนกับมหาวิทยาลัยเท่านั้นถ้าอย่างนั้นก็เถอะนั่นมันก็แค่สามสี่คืน แต่นี่พวกเธอจะต้องห่างบ้านไปนานถึงสี่ปี มันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน
ตลอดเวลาที่ห่างบ้านม่านหมอกตั้งใจเรียนอย่างหนัก หลังเลิกเรียนบางวันก็จะไปทำพาร์ทไทม์ตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระจากพี่ชาย ซึ่งหุ้นเปิดร้านอาหารไทยกับทินกรเพื่อนสมัยมหาลัยของเขา โดยร้านอาหารไทยของพวกเขาได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งคู่จึงตัดสินใจว่าจะไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับที่นี่เพื่อที่จะไม่เอาเปรียบเพื่อนมากเกินไป
เมฆาและเอมิกาขยันทำงานอย่างหนัก ทั้งคู่พยายามเก็บหอมรอมริบ ก่อร่างสร้างตัวกันเพื่อเป็นเงินในการสร้างครอบครัวต่อไป ด้วยความที่พี่ชายตัวดีของเธอ ได้ขอเอมิกาแต่งงานแล้วเมื่อปีก่อนกลับประเทศไทย และกะว่าถ้าถึงที่ไทยเมื่อไหร่จะรีบไปจดทะเบียนสมรสทันที
ถึงจะมีหนุ่มๆ หน้าตาดีเข้ามาทำความรู้จักกับม่านหมอกอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ก็ไม่มีสักคนที่จะผ่านด่านพี่ชายสุดหวงของเธอได้เลย เธอเองก็ไม่ได้ขวนขวายที่จะหาคู่รักในเวลาเรียนเสียด้วยสิ หรือจะเป็นเพราะผู้ชายคนนั้น...คนที่มอบจูบแรกให้กับเธอ
มันช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเสียจริง เหมือนกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดเคลื่อนไหว มีเพียงร่างกายของเธอจะอ่อนไหวไปตามแรงที่ได้รับจากชายหนุ่มตรงหน้า ทำไมนะ มันควรจะเป็นสิ่งที่เธอจำได้ลางๆ เพราะแอลกอฮอล์เข้าปากแท้ๆ แต่แล้วทำไมสาวเจ้ากลับจำรสจูบนั่นได้ไม่ลืมเลือนแม้จะผ่านมาเกือบสี่ปีแล้วก็ตาม